อย่างอื่นต้องบอกก่อนเลยนะครับว่าเราเป็นคู่ ทอม - ผู้หญิง ทำงานอยู่ประเทศเกาหลีด้วยกันครับ ขออนุญาติท้าวความคั้งแต่แรกคบเลยนะครับ
ตั้งแต่เราคบกัน ผมเองจะเป็นทำงานบ้านทั้งหมด ทำกับข้าว หุงข้าว ล้างจาน ซักผ้า ล้างห้องน้ำ คือทุกอย่างที่เป็นงานในบ้านแฟนเราจะมีหน้าที่แค่ทำงาน กลับมาก็กินข้าวแล้วกะนอน เพราะแฟนเราไม่ชอบทำงานบ้าน และก็เป็นคนขี้เกลียดนิดๆ คือทุกอยากจะสั่งเราอย่างเดียว แม้กระทั่งจะกินน้ำ นอนอยู่ด้วยกันถ้าเขาอยากกิน หรืออยากได้อะไรเขาก็จะสั่งให้เราไปเอาให้ทุกครั้ง แฟนเราจะเป็นคนทำงานที่มีรายได้มากกว่าเราถึง 3 เท่า ส่วนเราเงินเดือนน้อยมากแทบไม่พอใช้หลังจากส่งกลับบ้าน เราก็คิดแค่ว่าเขาได้เงินเยอะก็คงทำงานหนัก คงเหนื่อยกลับมาทุกวัน เราไม่ได้เหนื่อยอะไรมากก็ควรทำหน้าที่นี้ไป แฟนเราเป็นคนชอบกินมาก ช่วง 2 เดือนแรก ส่วนมากค่าใช้จ่ายเกือบทั้งหมดแฟนเราจะเป็นคนจ่าย และหลังจาก 2 เดือนแรกเราก็ตกงานไม่มีเงินจะเช่าห้องใหม่ เพราะห้องเก่าเป็นของร้านที่เราทำงาน เขาก็ยื่นมือมาช่วยด้วยการให้เรายืมเงินก่อนประมาน 3 หมื่นบาทในการจ่ายค่ามัดจำ ห้องนี้เช่าอยู่ด้วยกันนะครับ ผมจะเป็นคนจ่ายค่าเช่าตกเดือนละเกือบ 7,000 บาท ผมจะให้แฟนผมออกแค่ค่าไฟกับค่าแก๊ส ค่าแก๊ส 3-4 เดือนจ่าย 1 ครั้ง ครั้งนึงก็ประมาน 1,000 บาท ส่วนค่าไฟเดือนนึงก็ประมาน 2,000 บาทต่อเดือน เป็นแบบนี้ทุกเดือน และช่วงที่ผมตกงาน ได้ 1 อาทิตย์ แฟนก็อยากให้ผมทำงานเหมือนเขาเพราะได้เงินเยอะและจะได้อยู่ด้วยกันด้วย โดยแฟนผมเป็นคนสอนให้ทุกอย่าง ผมใช้เวลาเรียนรู้งานกับแฟน 1 อาทิตย์ ผมก็ออกหน้างานทำงานจริงครับ แต่เริ่มแรกผมก็อาจจะยังได้เงินไม่เยอะเท่าแฟนเพราะพึ่งเริ่ม และก็กว่าจะลงตัว กว่าจะเจอเจ้านายที่ดี เจอเพื่อนร่วมงานดีๆ เจอสถานที่ที่เราทำแล้วสบายใจที่ก็ใช้เวลาไปเกือบครึ่งปี ช่วงเวลาครึ่งปีนั้น ก็ย้าย งานบ่อย ได้ทำบ้าง ไม่ได้บ้าง และค่าใช้จ่าย 6 เดือนนี้ส่วนมากแฟนก็จะออกให้ก่อน พอเราทำงานได้เงินมาก็ใช้คืนเขา ทุกอย่างหารครึ่ง อาจจะมีบางอย่าง เล็กๆน้อยๆ กระจุกกระจิก ก็ไม่ได้คิด และหลังจาก 6 เดือนนี้มา ผมก็ย้ายห้องใหม่มาอยู่ใกล้ที่ทำงานมากกว่าเดิมโดยที่จ่ายค่ามัดจำคนครึ่ง ราคาค่าเช่าแพงขึ้นกว่าเดิม ตกเดือนประมานละ 12,000 บาท ผมเองก็จะออก 9000 บาท ส่วนแฟนจะออกประมาน 2-3 พันบาท และผมก็ได้ทำงานที่มีรายได้เท่าแฟน พอหลังจากที่ผมหาเงินได้เท่าเขา ผมก็เป็นคนออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด (ทั้งหมดโดยที่ไม่หารครึ่ง) ค่าเสื้อผ้าเขา เสื้อผ้าผม อาหารการกิน เครื่องใช้ เครื่องครัว แฟซ่า ยาสระผม รวมถึงค่าโดยสารทั้งหมด ผมจ่ายเองเพียงคนเดียว เพราะแฟนผม เขาอุดมคติคือ อยากได้ผัวที่เลี้ยงและดูและเขาได้ ซึ่งเขาคิดเพียงว่า ขึ้นชื่อว่าผัว จะต้องเป็นดูแลเมีย ผมเองก็เลยคิดว่าอยากเป็นผัวในอุดมคติเขา เพราะวันนี้เราก็ถีบตัวเองขึ้นมาได้แล้ว มีพละกำลังและรายได้ที่พอจะทำเพื่อเขาได้แล้วบ้าง ผมนึกถึงน้ำใจตอนที่เราไม่มีเงินเขาก็ยังอยู่กับเรา 2 เดือนแรกเขายังจ่ายได้ หลังจากนี้ผมก็อยากจะซับพอตเขาข้าง ก็เป็นแบบนี้มาอีก ครึ่งปี แต่พอเราทำงานแบบเขาแล้ว แน่นอนความเหนื่อยมีเท่ากัน เพราะทำเหมือนกันทุกอย่าง เหนื่อยเหมือนกันแต่ผมกลับมาคือจะไม่ได้ล้มนอนตัวเลย เพราะกลับห้องมาผมก็ต้องทำกับข้าวให้แฟนกิน ไม่ว่าเขาจะกลับห้องก่อน หรือ กลับทีหลัง หรือวันไหนไม่ได้ทำ ผมก็ต้องเป็นคนทำกับข้าวอยู่ดี ซึ่งเขาก็จะนอนอยู่เฉยๆ แล้วคอยสั่งเราเหมือนเดิม เขาแทบจะไม่ช่วยอะไรเลย ถ้าสิ้งที่ผมกำลังทำมันไม่ล้นมือผมจริงๆ และเขาเป็นคนที่กินยากมาก จะกินแต่สิ่งที่ตัวเองชอบเท่านั้น กินเมนูเดิมซ้ำๆ และจะต้องทำตามสูตรที่เขาชอบเท่านั้น อาทิเช่น ผัดหมี่ ก็ต้องเจียวกระเทียมก่อน และเอากระเทียมเจียมออกมาพักไว้ แล้วก็เจียวไข่ เจียวไข่เสร็จก็เอาออกมาหั่นเป็นเส้นๆ เสร็จแล้วก็ปรุงน้ำผัดหมี่ต้องเป็นรสชาติที่เขาต้องการ ห้ามปรุงผิดพลาดเค็มไป หรือจืดไป เด็ดขาด ปรุงเสร็จก็เอาเส้นหมี่ลง และค่อยเอาไข่กับกระเทียมใส่ทีหลัง ห้ามสลับขั้นตอนกันเด็ดขาด และ เส้นหมี่ห้ามขาดเด็ดขาด ต้องผัดแล้วเส้นยังยาวๆเป็นเส้นๆอยู่ ประมานนี้ครับการทำกับข้าวของผมมันเลยดูเหนื่อยกว่าเดิม และเขาเป็นคนจุกจิกมากคือถ้าไม่หลับ ก็จะสั่งให้ผมลุกไปหาทำอะไรให้เขากินตลอด คือแบบไม่ได้นอนดีๆกับเขาเลย เหนื่อยสะสมแบบนี้มาตลอดโดยที่ผมไม่สามารถอะไรได้เลย ถ้าพุดไปก็คือจะโกรธโมโหและงอนทุกครั้ง หลังๆมาความคิดเห็นผมกับเขาแทบไม่ตรงกันเลย แต่ผมกับเขาก็ไม่เคยนอกใจกันเลยนะครับ ไม่เคยเลยสักครั้ง และผมก็ค่อยข้างมั่นใจเรื่องนี้ในตัวแฟนผมด้วย แต่แฟนผมเป็นคนติดไพ่มาก คือมีเวลา หรือมีเงินไม่ได้เลยจะชอบเอาไปเล่นตลอด ยามได้มันก็ดีก็ได้มาบ้าง แต่ส่วนมากก็จะเสีย เคยทะเลาะกันบ่อยมากกับเรื่องที่เจาชอบไปเล่นไพ่ ไปทีนึง 1-2 เกือบ 3 วันก็มี แต่ครั้งล่าสุดที่ไปเล่น เสียกลับมา ติดหนี้เขาอยู่ 130,000 กว่าบาท ผมก็เลยเอาเงินผมไปใช้หนี้ให้ก่อน เพราะเขาไม่กล้าเอาเงินเก็บเขาออกมาใช้ เพราะว่าแม่จะบ่นมั้ง ดอกเบี้ยที่นี้โหดมาก ผมอยากให้เขาเก็บเงินสร้างบ้าน เพราะเขายังไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง แม่ พี่ และน้องแฟนผมที่ไทยก็ยังต้องเช่าห้องเล็กๆอยู่ด้วยกันอยู่เลย อยู่ที่นี่ผมเป็นคนออกค่าจ่ายทั้งหมดอยู่แล้ว แฟนผมมีหน้าที่แค่ ทำงานเก็บเงินส่งบ้านแค่นั้นผมคิดว่าถึงผมจะช่วยเขาเก็บเงินสร้างบ้านไม่ได้ แต่การที่ผมออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้ระหว่างที่อยู่เกาหลีผมก็คิดว่าอย่างน้อยก็ได้ช่วยเขาแล้วบ้าง เพราะเงินที่เขาทำงานมาได้ ก็จะได้เก็บส่งบ้านทั้งหมดเลย เขาก็บอกว่าเขาจะขอเก็บเงินให้ครบ 2 ล้านบาท ก่อนนะ เขาจะช่วยเราออกเรื่องกินบ้าง ตอนนี้ก็ได้ล้านกว่าบาทแล้ว แต่เราก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะยังไง เราก็ยังอยากทำหน้าที่ผัวในอุดมคติเขาอยู่แล้ว เป็นทั้งที่เราเองก็ยังลำบากอยู่ 😂
เข้าประเด็นที่ผมอยากถามทุกคนว่าแฟนผมเป็นคนแบบไหน คือใช้ชีวิตมาปกติตลอด จนมาถึงตอนนี้ ผมมีปัญหาเรื่องหนี้ค่าบ้านประมาน 300,000 บาท ที่ทางธนาคารจะให้ผมปิดหนี้ที่กู้มาทั้งหมดภายใน 3 เดือนข้างหน้านี้ เพราะช่วงที่ผมตกงาน ผมขาดส่งบ่อย ทางธนาคารเลยฟ้องศาลและให้ผมชำนะหนี้ภายใน 3 เดือน ผมเลยคิดว่าผมอยากให้เขาช่วยผมเบาเรื่องค่าใช้จ่ายที่ผมต้องจ่ายทั้งหมด หรือเป็นไปได้ ผมอยากจะให้เขาช่วยออกค่าใช้จ่ายช่วยผมบ้าง ช่วงที่ผมต้องรีบหาเงินใช้หนี้แบบเร่งด่วน ก็แค่ประมาน 2 เดือนที่ผมจะขอให้เขาช่วย แต่ผมกลับอึดอัด อัดอั้น ไม่กล้าพูดบอก เพราะผมรู้ว่าถ้าพูดไปแล้ว แฟนผมก็คงประชดด้วยการพูดบอกผมว่า งั้นต่อไปนี้ทุกอย่างก็จ่ายครึ่งๆ คือการพูดแบบนี้ของแฟนผมคือการแสดงความไม่พอใจ เขาจะคิดทันทีว่าผม เริ่มหวงเงิน ไม่อยากจ่ายเหมือนเดิม ผมโคตรเสียใจเลยที่เขาคิดแบบนี้กับผม ทั้งที่ผมพยายามมาตลอด และผมก็ไม่ได้มีเจตนาจะเป็นแบบนั้น แต่ผมจำเป็นต้องรีบหาเงินจ่ายค่าบ้านผมจริงๆ เขาก็รับรู้มาตลอด ผมขอเวลาเคลียปัญหาบ้านผมเพียงแค่ 2 เดือนเอง ทั้งที่ผ่านมาผมก็ไม่เคยทำหน้าที่ขาดตกบกพร่องเขากลับมองว่าผม ทำไม่ได้ ทำไม่ได้ใน ณ ที่นี่ คือ ทำหน้าที่เป็นผัวในอุดมคติเขาไม่ได้ และพอพูดไปเขาก็คิดกับผมแบบนี้จริง ผมพูดอ้อมๆไป เขาก็รุ่ตัวนานแล้วนะ แต่เขาก็ไม่เคยเอ่ยปากบอกว่าจะช่วยอะไรยังไง จนผมเครียดทุกวัน เครียดสะสม ผมตัดสินใจพูดบอก เขาก็บอกกลับมาว่าถ้าหาไม่ทันเขาก็จะช่วยให้ยืมก่อน ขาดเหลือเท่าไหร่เขาจะให้ยืม แต่สิ่งที่ผมสื่อกับเขา ผมอยากให้เขาช่วยในค่าใช้จ่ายผมก่อนสัก 2 เดือน หลังจาก 2 เดือน ผมก็จะกลับมารับผิดชอบเหมือนเดิม ผมไม่ได้อยากยืมเงินเขา ผมแค่คิดว่า ผมเองก็ยังสละออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดเอง เพื่อให้เขาได้เก็บเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง ได้ จนเขาเก็บได้เป็นล้านกว่าบาทแล้ว ส่วนตัวผมยังมีติดบัญชีแค่ 2 แสนบาทเอง และแค่ผมจะให้เขาช่วยผมตรงนี้ก่อน ทำไมเขาคิดเยอะจัง ทั้งๆที่มันก็เป็นระยะเวลาสั้นๆ เอง และเขาก็พูดมาว่าให้หารครึ่งเอา แต่ตลอดเวลา 6 เดือนที่ผมมีรายได้เท่าเขามาผมออกเองหมดไม่เคยหารครึ่งกับเขาเลยผมก็ไม่เห็นคิดมากอะไร ถ้าไม่มีความจำเป็นจริงๆ ผมก็คงไม่ขอให้เขาช่วยเหลืออะไร ค่าใช้จ่ายที่นี่สูงมาก ส่วนตัวแฟนผมเป็นคนกินเก่ง เห็นอะไรอยากกินจะซื้อไว้ก่อน กินหรือไม่กินว่ากันอีกที อาทิตย์นึง แทบ 1 หมื่นบาททุกอาทิตย์ ที่ผมต้องจ่าย บางอาทิตย์ก็มากกว่านั้น แต่ไม่เคยต่ำกว่า 5000 ต่ออาทิตย์ นี่แค่เรื่องกินนะครับ วันไหนผม ลุกทำกับข้าวไม่ไหว ผมก็ก็จะสั่งมาให้เขากินแทน เพราะเขาไม่ยอมทำเอง บางวันมื้อละเกือบ 2000 บาท กินได้แค่ มื้อเดียว หรือบางครั้ง 2 มื้อ แฟนผมจะฟุ่มเฟือยแค่เรื่องกินอย่างเดียว แต่หนักเลยทีเดียว หลังๆ มามีความรู้สึกแปลกๆกับแฟนเรื่องเงิน เขามีความคิดที่ไม่ค่อยตรงกับผมเลย มีอยู่ครั้งนึง ผมตั้งทำงานเก็บเงินส่งบ้าน ผมจะส่งครั้งละเป็นล้านวอน จะได้ 28,000 กว่าบาทแล้วแต่เรทเงินแต่ละวัน ผมต้องส่งเพราะผมทำห้องน้ำใหม่ให้แม่ แล้วผมต้องการใช้เงินด่วนเพราะแม่เอาซื้อของทำห้องน้ำแล้วเงินไม่พอ ผมก็เก็บเงินได้ครบแล้ว แต่ขาดอีก 1 แสนวอน ต้องรอค่าคอมออกซึ่งก็จะออกอีกแค่ 1-2 วันนี้ ผมเลยบอก ว่าถ้าจะยืมเงินที่เขาก่อน 1 แสนวอน แล้วพรุ่งนี้ค่าคอมออกจะเอาคืนให้ เพราะผมจะรีบโอนเงินให้แม่ไปจ่ายอุปกรณ์ทำห้องน้ำเพราะนัดช่างไว้แล้ว เขากะเงียบแล้วอีกพักนึงเขาก็บอกว่า เขาก็ต้องส่งเงินกลับบ้าน เพราะช่วงนี้เขาย้ายงานบ่อย ไม่ค่อยได้ทำงานเลยไม่ค่อยมีเงิน เลยไม่ได้ส่ง เขาเลยบอกว่า เขาตั้งใจจะยืมเราก่อนด้วยซ้ำ ยืมไปส่งกลับบ้าน ส่งไปเก็บเฉยๆ ไม่ได้มีเรื่องธุระอะไรจำเป็นจะใช้อะไรเลย เขาอ้างว่าไม่ได้ส่งนานแล้ว เดียวแม่จะว่า เขาเก็บเงินได้เป็นล้านกว่าบาทแล้วนะ แล้วเขาก็เก็บคนเดียวทางบ้านไม่ได้ช่วยอะไร บางครั้งมีเรื่องจำเป็นที่เงินยังไม่พอส่ง ทางบ้านก็ยังจะว่าอีกร่อ เขาก็ส่งมาตลอดนะ หรือว่าเขาแค่อ้างเพื่อที่อยากจะเอาตัวเองไว้ก่อน เพราะผมก็ไม่เคยได้ยินแม่เขาจะว่าอะไรสักครั้ง พอผมพูดว่า ก็ไม่เคยเหนแม่จะพูดว่าอะไรสักครั้ง เขาก็บอกว่า เขาไม่พูดตรงๆ เขาจะพูดอ้อมๆ แต่ผมว่าเขาก็ไม่เห็นจะพูดว่าอะไร สุดท้ายผมก็ยืมเขาไม่ได้ กลับกลายเป็นว่าผมก็รอค่าคอมของผมออกแล้วถึงส่ง แล้วเขาก็มายืมของผม ไปสบทบกับของเขาเพื่อส่งไปเก็บบัญชีเขา ต้องรอส่งพร้อมกัน เขาถึงจะพอใจ ถ้าผมส่งก่อน เขาไม่โอเคร แบบนี้เขาคิดยังไงกับผมอ่ะ เงินในบัญชีผม อะไรที่มันเข้าบัญชีไปแล้ว ผมจะไม่อยากเอาออกมาใช้ หากมีเรื่องต้องใช้ผมจะหาเก็บใหม่เอา เขาเองก็เช่นกัน เขาไม่อยากเอาในบัญชีเขาออกมาใช้เพราะเขาคิดว่าถ้าได้เอาออกมาใช้แล้วก็จะต้องได้เอาออกมาใช้เรื่อยๆ เขาเองก็ยังมีความคิดแบบนี้ เวลาจะใช้อะไร เขาจะไม่ให้แม่ไปถอนออกมาใช้เลย แต่เขาจะมาเอาในบัญชีผมแทน ซึ่งผมเองก็ไม่ค่อยอยากเอาออกมาใช้ แต่ผมก็ไม่เคยขัด เงินทำห้องน้ำเขาก็บอกให้เอาเงินเก่ามาใช้ แล้วเอาเงินใหม่ให้เขายืมส่งกลับบ้านก่อน ส่งกลับก็แค่ส่งไปเก็บ แต่ผมจำเป็น เพราะจ้างช่างมาแล้ว แล้วเงินไม่พอ ใครๆก็ไม่อยากเอาเงินที่เก็บมาใช้ ผมไม่เข้าใจว่าเขาคิดอะไรของเขาอยู่ พูดง่ายๆ เรื่องเงิน เขาจะต้องได้ส่งเก็บบ้านเขาทุกอาทิตย์เสมอ เพราะแม่จะถามหาถ้าไม่ส่ง มันเปนแค่ข้ออ้างของความเห็นแก่ตัวรึป่าวครับ เขาชอบพูดว่าเขายังไม่มีบ้าน เขาต้องเก็บตังทำบ้าน ถ้าเอาไปทำบ้านเงินก็หมดแล้ว แต่เขาไม่มีหนี้ที่ไหนให้ต้องรีบ เงินเก็บมีกลับไปยังไงก็มีบ้าน แล้วเขาก็จะบอก ว่าผมมีบ้านยุแล้ว แต่บ้านผมยังเปนหนี้อยู่ มันก็เหมือนไม่ใช่บ้านของผมเต็มร้อย ถ้าผมไม่จ่ายเขาก็ยึด หมก็ไม่มีบ้านเหมือนกัน แถมเงินเก็บยังไม่มีทำบ้านด้วยซ้ำ คิดแต่ว่าจะให้ผมยืมถ้าเงินผมไม่พอ แต่ก็จะให้ผมใช้จ่ายเหมือนเดิม ผมว่าควรคิดว่า ช่วยผัวประหยัดช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายก่อนดีกว่าไหม ผัวจะได้มีเหลือเก็บไปปลดหนี้ ไม่ต้องยืมเมีย นี่อะไร กลัวได้ออกค่าใช้จ่ายเอง เลยจะให้ยืมแทน ยืมผมก็คืนเขาไม่ได้เสียหายอะไร แถมยังไม่ต้องออกค่าใช้จ่ายอะไรงี้ร่อ ทำไมผมยังออกเงินทุกอย่างเพื่อให้เขาเก็บได้ ทำไมพอผมให้เขาช่วยผมแบบนี้บ้างกลับคิดไม่ดีกับผม มองว่าผม หวงเงิน เห็นตำตาว่ามีปัญหาต้องรีบใช้เงิน ทำเหมือนเข้าใจ แต่กลับไม่เคยเข้าใจเลย
ทุกคนคิดว่าแฟนผมเป็นคนแบบไหนครับ
ตั้งแต่เราคบกัน ผมเองจะเป็นทำงานบ้านทั้งหมด ทำกับข้าว หุงข้าว ล้างจาน ซักผ้า ล้างห้องน้ำ คือทุกอย่างที่เป็นงานในบ้านแฟนเราจะมีหน้าที่แค่ทำงาน กลับมาก็กินข้าวแล้วกะนอน เพราะแฟนเราไม่ชอบทำงานบ้าน และก็เป็นคนขี้เกลียดนิดๆ คือทุกอยากจะสั่งเราอย่างเดียว แม้กระทั่งจะกินน้ำ นอนอยู่ด้วยกันถ้าเขาอยากกิน หรืออยากได้อะไรเขาก็จะสั่งให้เราไปเอาให้ทุกครั้ง แฟนเราจะเป็นคนทำงานที่มีรายได้มากกว่าเราถึง 3 เท่า ส่วนเราเงินเดือนน้อยมากแทบไม่พอใช้หลังจากส่งกลับบ้าน เราก็คิดแค่ว่าเขาได้เงินเยอะก็คงทำงานหนัก คงเหนื่อยกลับมาทุกวัน เราไม่ได้เหนื่อยอะไรมากก็ควรทำหน้าที่นี้ไป แฟนเราเป็นคนชอบกินมาก ช่วง 2 เดือนแรก ส่วนมากค่าใช้จ่ายเกือบทั้งหมดแฟนเราจะเป็นคนจ่าย และหลังจาก 2 เดือนแรกเราก็ตกงานไม่มีเงินจะเช่าห้องใหม่ เพราะห้องเก่าเป็นของร้านที่เราทำงาน เขาก็ยื่นมือมาช่วยด้วยการให้เรายืมเงินก่อนประมาน 3 หมื่นบาทในการจ่ายค่ามัดจำ ห้องนี้เช่าอยู่ด้วยกันนะครับ ผมจะเป็นคนจ่ายค่าเช่าตกเดือนละเกือบ 7,000 บาท ผมจะให้แฟนผมออกแค่ค่าไฟกับค่าแก๊ส ค่าแก๊ส 3-4 เดือนจ่าย 1 ครั้ง ครั้งนึงก็ประมาน 1,000 บาท ส่วนค่าไฟเดือนนึงก็ประมาน 2,000 บาทต่อเดือน เป็นแบบนี้ทุกเดือน และช่วงที่ผมตกงาน ได้ 1 อาทิตย์ แฟนก็อยากให้ผมทำงานเหมือนเขาเพราะได้เงินเยอะและจะได้อยู่ด้วยกันด้วย โดยแฟนผมเป็นคนสอนให้ทุกอย่าง ผมใช้เวลาเรียนรู้งานกับแฟน 1 อาทิตย์ ผมก็ออกหน้างานทำงานจริงครับ แต่เริ่มแรกผมก็อาจจะยังได้เงินไม่เยอะเท่าแฟนเพราะพึ่งเริ่ม และก็กว่าจะลงตัว กว่าจะเจอเจ้านายที่ดี เจอเพื่อนร่วมงานดีๆ เจอสถานที่ที่เราทำแล้วสบายใจที่ก็ใช้เวลาไปเกือบครึ่งปี ช่วงเวลาครึ่งปีนั้น ก็ย้าย งานบ่อย ได้ทำบ้าง ไม่ได้บ้าง และค่าใช้จ่าย 6 เดือนนี้ส่วนมากแฟนก็จะออกให้ก่อน พอเราทำงานได้เงินมาก็ใช้คืนเขา ทุกอย่างหารครึ่ง อาจจะมีบางอย่าง เล็กๆน้อยๆ กระจุกกระจิก ก็ไม่ได้คิด และหลังจาก 6 เดือนนี้มา ผมก็ย้ายห้องใหม่มาอยู่ใกล้ที่ทำงานมากกว่าเดิมโดยที่จ่ายค่ามัดจำคนครึ่ง ราคาค่าเช่าแพงขึ้นกว่าเดิม ตกเดือนประมานละ 12,000 บาท ผมเองก็จะออก 9000 บาท ส่วนแฟนจะออกประมาน 2-3 พันบาท และผมก็ได้ทำงานที่มีรายได้เท่าแฟน พอหลังจากที่ผมหาเงินได้เท่าเขา ผมก็เป็นคนออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด (ทั้งหมดโดยที่ไม่หารครึ่ง) ค่าเสื้อผ้าเขา เสื้อผ้าผม อาหารการกิน เครื่องใช้ เครื่องครัว แฟซ่า ยาสระผม รวมถึงค่าโดยสารทั้งหมด ผมจ่ายเองเพียงคนเดียว เพราะแฟนผม เขาอุดมคติคือ อยากได้ผัวที่เลี้ยงและดูและเขาได้ ซึ่งเขาคิดเพียงว่า ขึ้นชื่อว่าผัว จะต้องเป็นดูแลเมีย ผมเองก็เลยคิดว่าอยากเป็นผัวในอุดมคติเขา เพราะวันนี้เราก็ถีบตัวเองขึ้นมาได้แล้ว มีพละกำลังและรายได้ที่พอจะทำเพื่อเขาได้แล้วบ้าง ผมนึกถึงน้ำใจตอนที่เราไม่มีเงินเขาก็ยังอยู่กับเรา 2 เดือนแรกเขายังจ่ายได้ หลังจากนี้ผมก็อยากจะซับพอตเขาข้าง ก็เป็นแบบนี้มาอีก ครึ่งปี แต่พอเราทำงานแบบเขาแล้ว แน่นอนความเหนื่อยมีเท่ากัน เพราะทำเหมือนกันทุกอย่าง เหนื่อยเหมือนกันแต่ผมกลับมาคือจะไม่ได้ล้มนอนตัวเลย เพราะกลับห้องมาผมก็ต้องทำกับข้าวให้แฟนกิน ไม่ว่าเขาจะกลับห้องก่อน หรือ กลับทีหลัง หรือวันไหนไม่ได้ทำ ผมก็ต้องเป็นคนทำกับข้าวอยู่ดี ซึ่งเขาก็จะนอนอยู่เฉยๆ แล้วคอยสั่งเราเหมือนเดิม เขาแทบจะไม่ช่วยอะไรเลย ถ้าสิ้งที่ผมกำลังทำมันไม่ล้นมือผมจริงๆ และเขาเป็นคนที่กินยากมาก จะกินแต่สิ่งที่ตัวเองชอบเท่านั้น กินเมนูเดิมซ้ำๆ และจะต้องทำตามสูตรที่เขาชอบเท่านั้น อาทิเช่น ผัดหมี่ ก็ต้องเจียวกระเทียมก่อน และเอากระเทียมเจียมออกมาพักไว้ แล้วก็เจียวไข่ เจียวไข่เสร็จก็เอาออกมาหั่นเป็นเส้นๆ เสร็จแล้วก็ปรุงน้ำผัดหมี่ต้องเป็นรสชาติที่เขาต้องการ ห้ามปรุงผิดพลาดเค็มไป หรือจืดไป เด็ดขาด ปรุงเสร็จก็เอาเส้นหมี่ลง และค่อยเอาไข่กับกระเทียมใส่ทีหลัง ห้ามสลับขั้นตอนกันเด็ดขาด และ เส้นหมี่ห้ามขาดเด็ดขาด ต้องผัดแล้วเส้นยังยาวๆเป็นเส้นๆอยู่ ประมานนี้ครับการทำกับข้าวของผมมันเลยดูเหนื่อยกว่าเดิม และเขาเป็นคนจุกจิกมากคือถ้าไม่หลับ ก็จะสั่งให้ผมลุกไปหาทำอะไรให้เขากินตลอด คือแบบไม่ได้นอนดีๆกับเขาเลย เหนื่อยสะสมแบบนี้มาตลอดโดยที่ผมไม่สามารถอะไรได้เลย ถ้าพุดไปก็คือจะโกรธโมโหและงอนทุกครั้ง หลังๆมาความคิดเห็นผมกับเขาแทบไม่ตรงกันเลย แต่ผมกับเขาก็ไม่เคยนอกใจกันเลยนะครับ ไม่เคยเลยสักครั้ง และผมก็ค่อยข้างมั่นใจเรื่องนี้ในตัวแฟนผมด้วย แต่แฟนผมเป็นคนติดไพ่มาก คือมีเวลา หรือมีเงินไม่ได้เลยจะชอบเอาไปเล่นตลอด ยามได้มันก็ดีก็ได้มาบ้าง แต่ส่วนมากก็จะเสีย เคยทะเลาะกันบ่อยมากกับเรื่องที่เจาชอบไปเล่นไพ่ ไปทีนึง 1-2 เกือบ 3 วันก็มี แต่ครั้งล่าสุดที่ไปเล่น เสียกลับมา ติดหนี้เขาอยู่ 130,000 กว่าบาท ผมก็เลยเอาเงินผมไปใช้หนี้ให้ก่อน เพราะเขาไม่กล้าเอาเงินเก็บเขาออกมาใช้ เพราะว่าแม่จะบ่นมั้ง ดอกเบี้ยที่นี้โหดมาก ผมอยากให้เขาเก็บเงินสร้างบ้าน เพราะเขายังไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง แม่ พี่ และน้องแฟนผมที่ไทยก็ยังต้องเช่าห้องเล็กๆอยู่ด้วยกันอยู่เลย อยู่ที่นี่ผมเป็นคนออกค่าจ่ายทั้งหมดอยู่แล้ว แฟนผมมีหน้าที่แค่ ทำงานเก็บเงินส่งบ้านแค่นั้นผมคิดว่าถึงผมจะช่วยเขาเก็บเงินสร้างบ้านไม่ได้ แต่การที่ผมออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้ระหว่างที่อยู่เกาหลีผมก็คิดว่าอย่างน้อยก็ได้ช่วยเขาแล้วบ้าง เพราะเงินที่เขาทำงานมาได้ ก็จะได้เก็บส่งบ้านทั้งหมดเลย เขาก็บอกว่าเขาจะขอเก็บเงินให้ครบ 2 ล้านบาท ก่อนนะ เขาจะช่วยเราออกเรื่องกินบ้าง ตอนนี้ก็ได้ล้านกว่าบาทแล้ว แต่เราก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะยังไง เราก็ยังอยากทำหน้าที่ผัวในอุดมคติเขาอยู่แล้ว เป็นทั้งที่เราเองก็ยังลำบากอยู่ 😂
เข้าประเด็นที่ผมอยากถามทุกคนว่าแฟนผมเป็นคนแบบไหน คือใช้ชีวิตมาปกติตลอด จนมาถึงตอนนี้ ผมมีปัญหาเรื่องหนี้ค่าบ้านประมาน 300,000 บาท ที่ทางธนาคารจะให้ผมปิดหนี้ที่กู้มาทั้งหมดภายใน 3 เดือนข้างหน้านี้ เพราะช่วงที่ผมตกงาน ผมขาดส่งบ่อย ทางธนาคารเลยฟ้องศาลและให้ผมชำนะหนี้ภายใน 3 เดือน ผมเลยคิดว่าผมอยากให้เขาช่วยผมเบาเรื่องค่าใช้จ่ายที่ผมต้องจ่ายทั้งหมด หรือเป็นไปได้ ผมอยากจะให้เขาช่วยออกค่าใช้จ่ายช่วยผมบ้าง ช่วงที่ผมต้องรีบหาเงินใช้หนี้แบบเร่งด่วน ก็แค่ประมาน 2 เดือนที่ผมจะขอให้เขาช่วย แต่ผมกลับอึดอัด อัดอั้น ไม่กล้าพูดบอก เพราะผมรู้ว่าถ้าพูดไปแล้ว แฟนผมก็คงประชดด้วยการพูดบอกผมว่า งั้นต่อไปนี้ทุกอย่างก็จ่ายครึ่งๆ คือการพูดแบบนี้ของแฟนผมคือการแสดงความไม่พอใจ เขาจะคิดทันทีว่าผม เริ่มหวงเงิน ไม่อยากจ่ายเหมือนเดิม ผมโคตรเสียใจเลยที่เขาคิดแบบนี้กับผม ทั้งที่ผมพยายามมาตลอด และผมก็ไม่ได้มีเจตนาจะเป็นแบบนั้น แต่ผมจำเป็นต้องรีบหาเงินจ่ายค่าบ้านผมจริงๆ เขาก็รับรู้มาตลอด ผมขอเวลาเคลียปัญหาบ้านผมเพียงแค่ 2 เดือนเอง ทั้งที่ผ่านมาผมก็ไม่เคยทำหน้าที่ขาดตกบกพร่องเขากลับมองว่าผม ทำไม่ได้ ทำไม่ได้ใน ณ ที่นี่ คือ ทำหน้าที่เป็นผัวในอุดมคติเขาไม่ได้ และพอพูดไปเขาก็คิดกับผมแบบนี้จริง ผมพูดอ้อมๆไป เขาก็รุ่ตัวนานแล้วนะ แต่เขาก็ไม่เคยเอ่ยปากบอกว่าจะช่วยอะไรยังไง จนผมเครียดทุกวัน เครียดสะสม ผมตัดสินใจพูดบอก เขาก็บอกกลับมาว่าถ้าหาไม่ทันเขาก็จะช่วยให้ยืมก่อน ขาดเหลือเท่าไหร่เขาจะให้ยืม แต่สิ่งที่ผมสื่อกับเขา ผมอยากให้เขาช่วยในค่าใช้จ่ายผมก่อนสัก 2 เดือน หลังจาก 2 เดือน ผมก็จะกลับมารับผิดชอบเหมือนเดิม ผมไม่ได้อยากยืมเงินเขา ผมแค่คิดว่า ผมเองก็ยังสละออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดเอง เพื่อให้เขาได้เก็บเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง ได้ จนเขาเก็บได้เป็นล้านกว่าบาทแล้ว ส่วนตัวผมยังมีติดบัญชีแค่ 2 แสนบาทเอง และแค่ผมจะให้เขาช่วยผมตรงนี้ก่อน ทำไมเขาคิดเยอะจัง ทั้งๆที่มันก็เป็นระยะเวลาสั้นๆ เอง และเขาก็พูดมาว่าให้หารครึ่งเอา แต่ตลอดเวลา 6 เดือนที่ผมมีรายได้เท่าเขามาผมออกเองหมดไม่เคยหารครึ่งกับเขาเลยผมก็ไม่เห็นคิดมากอะไร ถ้าไม่มีความจำเป็นจริงๆ ผมก็คงไม่ขอให้เขาช่วยเหลืออะไร ค่าใช้จ่ายที่นี่สูงมาก ส่วนตัวแฟนผมเป็นคนกินเก่ง เห็นอะไรอยากกินจะซื้อไว้ก่อน กินหรือไม่กินว่ากันอีกที อาทิตย์นึง แทบ 1 หมื่นบาททุกอาทิตย์ ที่ผมต้องจ่าย บางอาทิตย์ก็มากกว่านั้น แต่ไม่เคยต่ำกว่า 5000 ต่ออาทิตย์ นี่แค่เรื่องกินนะครับ วันไหนผม ลุกทำกับข้าวไม่ไหว ผมก็ก็จะสั่งมาให้เขากินแทน เพราะเขาไม่ยอมทำเอง บางวันมื้อละเกือบ 2000 บาท กินได้แค่ มื้อเดียว หรือบางครั้ง 2 มื้อ แฟนผมจะฟุ่มเฟือยแค่เรื่องกินอย่างเดียว แต่หนักเลยทีเดียว หลังๆ มามีความรู้สึกแปลกๆกับแฟนเรื่องเงิน เขามีความคิดที่ไม่ค่อยตรงกับผมเลย มีอยู่ครั้งนึง ผมตั้งทำงานเก็บเงินส่งบ้าน ผมจะส่งครั้งละเป็นล้านวอน จะได้ 28,000 กว่าบาทแล้วแต่เรทเงินแต่ละวัน ผมต้องส่งเพราะผมทำห้องน้ำใหม่ให้แม่ แล้วผมต้องการใช้เงินด่วนเพราะแม่เอาซื้อของทำห้องน้ำแล้วเงินไม่พอ ผมก็เก็บเงินได้ครบแล้ว แต่ขาดอีก 1 แสนวอน ต้องรอค่าคอมออกซึ่งก็จะออกอีกแค่ 1-2 วันนี้ ผมเลยบอก ว่าถ้าจะยืมเงินที่เขาก่อน 1 แสนวอน แล้วพรุ่งนี้ค่าคอมออกจะเอาคืนให้ เพราะผมจะรีบโอนเงินให้แม่ไปจ่ายอุปกรณ์ทำห้องน้ำเพราะนัดช่างไว้แล้ว เขากะเงียบแล้วอีกพักนึงเขาก็บอกว่า เขาก็ต้องส่งเงินกลับบ้าน เพราะช่วงนี้เขาย้ายงานบ่อย ไม่ค่อยได้ทำงานเลยไม่ค่อยมีเงิน เลยไม่ได้ส่ง เขาเลยบอกว่า เขาตั้งใจจะยืมเราก่อนด้วยซ้ำ ยืมไปส่งกลับบ้าน ส่งไปเก็บเฉยๆ ไม่ได้มีเรื่องธุระอะไรจำเป็นจะใช้อะไรเลย เขาอ้างว่าไม่ได้ส่งนานแล้ว เดียวแม่จะว่า เขาเก็บเงินได้เป็นล้านกว่าบาทแล้วนะ แล้วเขาก็เก็บคนเดียวทางบ้านไม่ได้ช่วยอะไร บางครั้งมีเรื่องจำเป็นที่เงินยังไม่พอส่ง ทางบ้านก็ยังจะว่าอีกร่อ เขาก็ส่งมาตลอดนะ หรือว่าเขาแค่อ้างเพื่อที่อยากจะเอาตัวเองไว้ก่อน เพราะผมก็ไม่เคยได้ยินแม่เขาจะว่าอะไรสักครั้ง พอผมพูดว่า ก็ไม่เคยเหนแม่จะพูดว่าอะไรสักครั้ง เขาก็บอกว่า เขาไม่พูดตรงๆ เขาจะพูดอ้อมๆ แต่ผมว่าเขาก็ไม่เห็นจะพูดว่าอะไร สุดท้ายผมก็ยืมเขาไม่ได้ กลับกลายเป็นว่าผมก็รอค่าคอมของผมออกแล้วถึงส่ง แล้วเขาก็มายืมของผม ไปสบทบกับของเขาเพื่อส่งไปเก็บบัญชีเขา ต้องรอส่งพร้อมกัน เขาถึงจะพอใจ ถ้าผมส่งก่อน เขาไม่โอเคร แบบนี้เขาคิดยังไงกับผมอ่ะ เงินในบัญชีผม อะไรที่มันเข้าบัญชีไปแล้ว ผมจะไม่อยากเอาออกมาใช้ หากมีเรื่องต้องใช้ผมจะหาเก็บใหม่เอา เขาเองก็เช่นกัน เขาไม่อยากเอาในบัญชีเขาออกมาใช้เพราะเขาคิดว่าถ้าได้เอาออกมาใช้แล้วก็จะต้องได้เอาออกมาใช้เรื่อยๆ เขาเองก็ยังมีความคิดแบบนี้ เวลาจะใช้อะไร เขาจะไม่ให้แม่ไปถอนออกมาใช้เลย แต่เขาจะมาเอาในบัญชีผมแทน ซึ่งผมเองก็ไม่ค่อยอยากเอาออกมาใช้ แต่ผมก็ไม่เคยขัด เงินทำห้องน้ำเขาก็บอกให้เอาเงินเก่ามาใช้ แล้วเอาเงินใหม่ให้เขายืมส่งกลับบ้านก่อน ส่งกลับก็แค่ส่งไปเก็บ แต่ผมจำเป็น เพราะจ้างช่างมาแล้ว แล้วเงินไม่พอ ใครๆก็ไม่อยากเอาเงินที่เก็บมาใช้ ผมไม่เข้าใจว่าเขาคิดอะไรของเขาอยู่ พูดง่ายๆ เรื่องเงิน เขาจะต้องได้ส่งเก็บบ้านเขาทุกอาทิตย์เสมอ เพราะแม่จะถามหาถ้าไม่ส่ง มันเปนแค่ข้ออ้างของความเห็นแก่ตัวรึป่าวครับ เขาชอบพูดว่าเขายังไม่มีบ้าน เขาต้องเก็บตังทำบ้าน ถ้าเอาไปทำบ้านเงินก็หมดแล้ว แต่เขาไม่มีหนี้ที่ไหนให้ต้องรีบ เงินเก็บมีกลับไปยังไงก็มีบ้าน แล้วเขาก็จะบอก ว่าผมมีบ้านยุแล้ว แต่บ้านผมยังเปนหนี้อยู่ มันก็เหมือนไม่ใช่บ้านของผมเต็มร้อย ถ้าผมไม่จ่ายเขาก็ยึด หมก็ไม่มีบ้านเหมือนกัน แถมเงินเก็บยังไม่มีทำบ้านด้วยซ้ำ คิดแต่ว่าจะให้ผมยืมถ้าเงินผมไม่พอ แต่ก็จะให้ผมใช้จ่ายเหมือนเดิม ผมว่าควรคิดว่า ช่วยผัวประหยัดช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายก่อนดีกว่าไหม ผัวจะได้มีเหลือเก็บไปปลดหนี้ ไม่ต้องยืมเมีย นี่อะไร กลัวได้ออกค่าใช้จ่ายเอง เลยจะให้ยืมแทน ยืมผมก็คืนเขาไม่ได้เสียหายอะไร แถมยังไม่ต้องออกค่าใช้จ่ายอะไรงี้ร่อ ทำไมผมยังออกเงินทุกอย่างเพื่อให้เขาเก็บได้ ทำไมพอผมให้เขาช่วยผมแบบนี้บ้างกลับคิดไม่ดีกับผม มองว่าผม หวงเงิน เห็นตำตาว่ามีปัญหาต้องรีบใช้เงิน ทำเหมือนเข้าใจ แต่กลับไม่เคยเข้าใจเลย