JJNY : พท.+แฟนด้อมNU'EST ช่วยชาวเมียนมา│สถานการณ์โควิดในไทย│ชี้‘โอมิครอน’ระดับ3น่าห่วง│อิสระชี้ข่าวสภาฯไม่ใช่ความเห็นชวน

เพื่อไทย+แฟนด้อม NU'EST ส่งมอบอุปโภคฯ ช่วยชาวเมียนมา หลังหนีภัยสงคราม
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_6806933
 
 
พรรคเพื่อไทย ร่วมมือแฟนคลับศิลปินเกาหลี วงนิวอีสต์ (NU’EST) ส่งมอบเครื่อง “อุปโภค-บริโภค” ช่วยเมียนมา หลังหนีภัยสงคราม ทะลักเข้าแม่สอด
 
เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. น.ส.อรุณี กาสยานนท์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) เป็นตัวแทนรับมอบสิ่งของยังชีพจากโปรเจกต์ “เลิฟชนะ” โดยแฟนคลับศิลปินวงนิวอีสต์ (NU’EST) เพื่อช่วยเหลือผู้อพยพชาวพม่าหนีตายข้ามฝั่งมายังประเทศไทย บริเวณหมู่บ้านแม่กุท่าซุง ต.แม่ตาว อ.แม่สอด จ.ตาก โดยมี นายชัยณรงค์ มะเดชะ อดีตผู้สมัคร ส.ส. ตาก พรรคเพื่อไทย นำส่งต่อให้ศูนย์แรกรับฯ จ.ตาก เพื่อใช้ในการดำรงชีพบรรเทาทุกข์เบื้องต้น
 
น.ส.อรุณี กล่าวว่า โปรเจกต์เลิฟชนะโดยแฟนคลับศิลปินวงนิวอีสต์ เป็นกิจกรรมที่เคยดำเนินการมาแล้วก่อนหน้า เช่น เพื่อการช่วยผู้ประสบเหตุเพลิงไหม้โรงงานหมิงตี้ ลาดกระบัง และเพื่อการจัดหาชุดตรวจโควิด-19 ATK ให้ประชาชนเขตภาษีเจริญ ซึ่งครั้งนี้ถือเป็นความร่วมมือภาคประชาชน ครั้งที่ 3 สิ่งของที่ส่งมอบมีทั้งข้าวสาร อาหารแห้ง ยาสีฟัน-แปรงสีฟัน เครื่องอุปโภค-บริโภค และสิ่งของจำเป็น โดยแฟนคลับเป็นผู้ระดมเงินทุนเพื่อบริจาคมาเป็นสิ่งของมูลค่ากว่า 51,000 บาท
  
ทั้งนี้ ในฐานะที่ พรรค พท.เป็นพรรคการเมืองที่ยึดโยงกับประชาชน เรายินดีประสานความร่วมมือเพื่อร่วมแก้ไขปัญหาของทุกภาคส่วน การที่กลุ่มแฟนคลับศิลปินมีโปรเจกต์ช่วยเหลือสังคมเป็นสิ่งที่ดีมากๆ ผนวกกับพรรคพท.ซึ่งมีเครือข่าย ส.ส. และว่าที่ผู้สมัครทั่วประเทศทำงานในพื้นที่อย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว การบรรเทาความเดือนร้อนที่เกิดขึ้น และประสานความร่วมมือกัน จะยิ่งทำให้เกิดการแก้ปัญหาที่รวดเร็ว โดยหลังจากนี้ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคจะลงพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหาต่อไป


  
สถานการณ์โควิดในไทย เหมือนฉายหนังม้วนเก่า แต่แนวโน้มหนักกว่าเดิม
https://www.tnnthailand.com/news/covid19/100637/

"หมอธีระ" ชี้สถานการณ์ระบาดของโควิดโอมิครอนในไทย ไม่ใช่แค่เจอในนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ แต่ตอนนี้แพร่กันในชุมชน เหมือนฉายหนังม้วนเก่า แต่แนวโน้มหนักกว่าเดิม

วันนี้ (29ธ.ค.64) รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat ระบุว่า 
 
29 ธันวาคม 2564 ทะลุ 283 ล้านไปแล้ว

เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่มสูงถึง 1,162,614 คน ตายเพิ่ม 6,296 คน รวมแล้วติดไปรวม 283,102,381 คน เสียชีวิตรวม 5,430,067 คน
5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ อเมริกา ฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร สเปน และอิตาลี
จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ ซึ่งรวมกันคิดเป็นร้อยละ 92.01 ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 94.94
ล่าสุดจำนวนติดเชื้อใหม่จากทวีปยุโรปนั้นคิดเป็นร้อยละ 57.64 ของทั้งโลก ส่วนจำนวนเสียชีวิตเพิ่มคิดเป็นร้อยละ 54.06
 
เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปครอง 6 ใน 10 อันดับแรก และ 13 ใน 20 อันดับแรกของโลก
...สำหรับสถานการณ์ไทยเรา

เมื่อวานติดเชื้อเพิ่ม 2,305 คน สูงเป็นอันดับ 38 ของโลก
หากรวม ATK อีก 390 คน ก็ขยับเป็นอันดับ 35 ของโลก
ยอดรวม ATK จะเป็นอันดับ 7 ของเอเชีย
 
...อัพเดต Omicron
 
องค์การอนามัยโลกยังยืนยันในรายงานล่าสุดเมื่อวานนี้ 28 ธันวาคม 2564 WHO Weekly Epidemiological Update โดยระบุว่าการระบาดของ Omicron เป็นความเสี่ยงระดับสูงมาก (very high)
 
แม้จะมีการศึกษาจากหลายประเทศที่บ่งว่าสายพันธุ์ Omicron จะมีความเสี่ยงต่อการป่วยจนต้องรับการรักษาในโรงพยาบาลน้อยลงกว่าสายพันธุ์เดลต้า แต่มีอัตราการแพร่เชื้อที่รวดเร็วมาก ทั้งนี้มีอัตราการเพิ่มขึ้นสองเท่า (doubling time) ทุกๆ 2-3 วัน โดยเป็นผลมาจากคุณสมบัติของตัวไวรัสเองที่สามารถแพร่ได้เร็วขึ้น และดื้อต่อภูมิคุ้มกัน
 
นอกจากนี้ยังมีหลักฐานเรื่องการดื้อต่อโมโนโคลนัล แอนติบอดี้หลายชนิดที่ใช้ในการดูแลรักษา
 
เมื่อดูสถิติการติดเชื้อใหม่ทั่วโลกในสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่าสูงขึ้นถึง 11% โดยจำนวนการเสียชีวิตรายสัปดาห์ลดลง 4% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า
...การใช้ชุดตรวจเร็ว หรือ Rapid antigen test kit (ATK)
ล่าสุดทาง US FDA ออกคำเตือนมาเมื่อวานนี้
 
จากการประเมินของ US FDA พบว่าชุดตรวจเร็วที่ใช้นั้นจะมีความไวลดลงเมื่อใช้ตรวจสายพันธุ์ Omicron
ดังนั้นจึงเตือนให้ประชาชนระวัง หากมีการสัมผัสความเสี่ยง หรือมีอาการสงสัยว่าจะเป็นโควิด-19 หากใช้ชุดตรวจเร็วมาตรวจเองแล้วได้ผลลบ ไม่ได้การันตีว่าจะไม่ติดเชื้อ ต้องตรวจซ้ำด้วยวิธี RT-PCR ที่จะมีความไวสูงกว่า
 
...สำหรับไทยเรา
 
ศักยภาพของระบบการตรวจคัดกรองโรค RT-PCR นั้นสำคัญมากในการรับมือ Omicron
การเข้าถึงบริการตรวจ ความครอบคลุม ความทันต่อเวลาตั้งแต่ตรวจจนถึงรายงานผล และการปลดล็อคกฎเกณฑ์และเรื่องค่าใช้จ่ายให้คนสามารถเข้าถึงได้ง่ายและฟรี คือสิ่งที่จำเป็น
 
สร้างความตระหนักให้ประชาชนทราบข้อจำกัดเกี่ยวกับการใช้ ATK ว่าความไวจำกัด จะมีโอกาสเกิดผลลบปลอมสูงกว่า RT-PCR ดังนั้นหากได้ผลลบแต่มีประวัติชัดเจนหรือมีอาการสงสัย จำเป็นต้องตรวจซ้ำ หรือไปตรวจด้วย RT-PCR
 
ATK มีประโยชน์ในแง่ของการ rule in แต่ไม่ควรใช้ rule out...แปลง่ายๆ คือ หากได้ผลลบ อย่าวางใจ อย่าประมาท หากเสี่ยงหรือมีอาการสงสัย แต่หากได้ผลบวก โอกาสติดเชื้อจริงมีสูง ยามที่ระบาดกันเยอะๆ
 
สถานการณ์ระบาดของ Omicron ในไทย ชัดเจนแล้วว่าไม่ใช่แค่เจอในนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ แต่ตอนนี้แพร่กันในชุมชน โดยเป็นแบบ superspreaders เหมือนฉายหนังม้วนเก่าแต่แนวโน้มหนักกว่าเดิม เช่น ที่กาฬสินธุ์ซึ่งติดไปแล้วกว่า 170 คนจากร้านอาหารกึ่งสถานบันเทิง หรือแม้แต่กทม. ที่ติดกันในวง 11 คนที่กินดื่มไวน์กัน
  
ย้ำเตือนกันให้ใส่หน้ากากเสมอ สองชั้น ชั้นในเป็นหน้ากากอนามัย ชั้นนอกเป็นหน้ากากผ้า
เลี่ยงการตะลอนท่องเที่ยว
  
เลี่ยงที่แออัด อยู่ห่างจากคนอื่นเกินหนึ่งเมตร
งดการปาร์ตี้สังสรรค์ การแชร์ของกินของใช้
Omicron มีหลายเหตุการณ์ทั่วโลกที่ติดเป็นกลุ่มก้อนใหญ่ สัมพันธ์กับเรื่องการแพร่เชื้อติดเชื้อทางอากาศ (airborne transmission) ดังนั้นจึงต้องป้องกันตัวเคร่งครัดมากๆ
คุณพ่อคุณแม่ควรดูแลปกป้องลูกหลาน เพราะเป็นกลุ่มเสี่ยงสูง เนื่องจากยังไม่ได้วัคซีนหรือได้วัคซีนจำกัดมาก ทั่วโลกเด็กและเยาวชนติดกันมาก ป่วยกันมาก
 
ด้วยรักและห่วงใย

https://www.facebook.com/thiraw/posts/10223656307068200
 

 
ส.ร้านอาหารไทยและสตรีทฟู้ด ชี้ ‘โอมิครอน’ ระดับ 3 น่าเป็นห่วง วอน ปชช.ป้องกันตัวเองให้ดี
https://www.matichon.co.th/economy/news_3108206

ส.ร้านอาหารไทยและสตรีทฟู้ด ชี้ ‘โอมิครอน’ ระดับ 3 น่าเป็นห่วง กังวลเกิดคลัสเตอร์ใหม่ถ้าประชาชนไม่ดูแลตนเองให้ดี เชื่อ สธ.มีมาตรการรองรับ ไม่สั่งปิดเหมารวมแน่นอน
 
น.ส.ประภัสสร รังสิโรจน์ นายกสมาคมร้านอาหารไทยและสตรีทฟู้ด กล่าวว่า จากการแจ้งเตือนของกระทรวงสาธารณสุข ว่าสถานกาณร์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) สายพันธุ์ โอมิครอน อยู่ที่ระดับ 3 ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงในการที่จะเกิดคลัสเตอร์การระบาดขึ้นอีก หากประชาชนไม่ดูแลตนเองให้ดี และมีความรับผิดชอบในการปฏิบัติตามมาตรการควบคุมของสาธารณสุข
 
“ความเสี่ยงนั้นมีแน่นอน และยิ่งในช่วงเทศกาล ต้องมีการพบปะครอบครัวและญาติ ถ้าทุกคนดูแลตนเองให้ดี ความเสี่ยงมันก็น่าจะน้อยลง ประกอบกับคนไทยก็ได้วัคซีนไปกันเยอะแล้ว จึงไม่น่ากังวลเท่าไร ที่น่าเป็นห่วงคือ กลุ่มที่ไปสังสรรค์ ฉลองปีใหม่ ในแบบที่ไม่มีการป้องกันที่เพียงพอ ด้านผู้ประกอบการร้านอาหารเอง ส่วนหนึ่งก็มีการป้องกันอยู่แล้ว จึงไม่ห่วงฝั่งผู้ประกอบการ แต่อาจจะห่วงฝั่งลูกค้า ที่ใช้บริการร้านอาหารประเภทหมูกระทะ จิ้มจุ่ม ชาบู ที่มักมีลักษณะการรับประทานกันเป็นกลุ่มใหญ่ ก็เสี่ยงที่จะเกิดคลัสเตอร์ใหม่” น.ส.ประภัสสรกล่าว
  
น.ส.ประภัสสรกล่าวว่า โดยขณะนี้ยังไม่มีการพูดคุยกับกระทรวงสาธารณสุขเรื่องมาตรการที่จะรองรับสถานการณ์โควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน คาดว่าอาจจะหารือกันอีกทีหลังจากพ้นช่วงเทศกาลปีใหม่ไปแล้ว ส่วนถ้ามีการระบาดอีกระลอก เชื่อว่ากระทรวงสาธารณสุขมีมาตรการรองรับอยู่แล้ว คาดว่ากระทรวงสาธารณสุขก็คงจะมีคำสั่งควบคุมพื้นที่เป็นบางจุดที่มีการระบาดหรือพื้นที่เสี่ยง ส่วนที่ไม่มีปัญหาก็เปิดตามปกติภายใต้มาตรการป้องกัน ไม่ได้เหมารวมแบบครั้งที่ผ่านมา ถือเป็นทางออกที่ดีที่สุด
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่