ผักกาดดองเค็ม ที่ไม่เค็ม

ตั้งแต่สมัยยังเด็ก ผมมีเรื่องคิดสงสัยมากมาย ว่าทำไม ?
บางเรื่องก็หาคำตอบได้ บางเรื่องก็หาคำตอบไม่ได้ !!

ผักกาดกระป๋อง หรือ ผักกาดดอง (เค็ม) เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เป็นปริศนาค้างคาอยู่ในใจของผม

ผมไม่เข้าใจว่า ทำไมผักกาดดองมันต้องเค็มขนาดนั้น !!
เค็มขนาดไตสะเทือน ความดันทะลุปรอท และร่างกายคงไม่ต้องการเกลือแร่ไปอีกหลายวัน

ด้วยเหตุนี้การจะกินผักกาดดองเค็มซักที 
หากไม่กินกับข้าวต้มกุ๊ย ก็ต้องมีการแปรรูป เป็นกับข้าวอื่นๆ 
อย่าง ต้มจืดผักกาดดองใส่หมูสับ หรือ กระเพาะหมู เพื่อไม่ให้มันเค็มเกินไป

เรียกได้ว่ามีข้อจำกัดในการกินมากเหลือเกินทั้งในแง่สุขภาพและความเค็มที่เกินพอดี
แต่ในที่สุด ในช่วงวิกฤติของชีวิต ไวรัสโควิดระบาด ต้องทำงานที่บ้าน สลับกับไปออฟฟิช

ผมกลับพบสิ่งหนึ่งที่ตามหามานาน ในระหว่างการกักตุนอาหาร 
สิ่งที่ไม่เคยคิดว่าชีวิตนี้ไม่น่าจะเคยได้พบ

“ผักกาดดองเค็ม ที่ไม่เค็ม”



ผักการดองเค็มกระป๋อง ที่ข้างกระป๋องเขียนตัวอักษรตัวไม่เล็กไม่ใหญ่ว่า    
“สูตรลดโซเดียม โซเดียมน้อยลง 25%”

เรียกได้ว่า หากไม่สังเกตุอย่างตั้งใจ ผมคงเดินผ่านมันไปอย่างไม่ใยดี
เมื่อได้หยิบกระป๋องขึ้นมาผมยิ่งตกใจ

ผักกาดเขียวปลี 65% น้ำ 28% น้ำตาล 6% เกลือ 0.004%
ผักกาดดองเค็มที่มีเกลือน้อยกว่าน้ำตาล  บ้าไปแล้ววววว !!

รายละเอียดข้อมูลโภชนาการยังบอกอีกว่า
ปริมาณโซเดียมเทียบเท่ากับที่ร่างกายต้องการ 4%

แต่เอ๊ะมีลักไก่ เปรียบเทียบแค่ 1/5 ของกระป๋อง 
ดังนั้นหากเรากินกระป๋องหนึ่งเราจะได้โซเดียมประมาณ 20% ต่อความต้องการ/วัน
แต่ก็ยังน้อยกว่ามาม่า 1 ซอง ที่มี โซเดียมประมาณ 50-70% อยู่มากโข

ดังนั้นกินได้สบายใจ เบาหวานไม่ขึ้น ไตไม่สะเทือน ความดันไม่ทะลุปรอท
หลังจากอ่านฉลาก ขั้นตอนต่อไป คือการทดสอบรสชาติของที่อยู่ในกระป๋อง

เพราะจากประสบการณ์ที่ผมพบโดยทั่วไปนั้น อาหารเพื่อสุขภาพกับความอร่อยมักไม่ได้ร่วมทางเดินกัน
หากเรารักสุขภาพเราอาจจำเป็นต้องแยกทางกับความอร่อย หากเรารักความอร่อยสุขภาพก็มักจะไม่ไยดีต่อเรา 

ดังนั้นการชิมคือหนทางที่ดีที่สุด ที่จะบอกว่าสุดท้ายไอ้กระป๋องที่อยู่ตรงหน้าผม จะได้ไปต่อหรือเราจะจบกันแค่นี้

เอาละ อย่างที่บอก กระป๋องภายนอกผักกาดดองลดโซเดียมมัน ก็เหมือนผักกาดกระป๋องทั่วไป
แต่เมื่อเปิดฝากระป๋องออก เอาอีกละ !!!
ปริศนาที่ค้างคาใจผมมาโดยตลอด

ยิ้มใส่เข้ามาได้ยังไงว่ะ ผมอุทานเมื่อเห็นปริมาณผักกาดที่อยู่ในกระป๋อง !!
ปลากระป๋องที่ว่าแน่นยังต้องยกธงขาว!!

ยิ้มใส่เข้ามาได้ยังไงว่ะ
ยิ้มใส่เข้ามาได้ยังไงว่ะ 
ยิ้มใส่เข้ามาได้ยังไงว่ะ



ซักพักผมจึงตั้งสติได้ หยิบส้อมขึ้นมาพยายามแงะผักกาดออกจากกระป๋องอย่างทุลักทุเล พร้อมกับ
บ่นพึมพัมไปตลอดกระบวนการ

เอาละผักกาดดองอยู่ตรงหน้าผมแล้ว มีดอยู่ในมือ ผมค่อยๆ ตัดมันออกมาเป็นชิ้นเล็กๆ


เนื่องจาก ความเค็มของผัดกาดดองที่เคยกินก่อนหน้านี้มันทำให้ผมไม่ไว้วางใจ
ผมรวบรวมความกล้า ใช้มือขวาตักผักกาดดองที่อยู่ตรงหน้าขึ้นมา !! 
พร้อมกับถือขวดน้ำด้วยมือซ้าย แล้วรีบเอาใส่ปาก ด้วยความรวดเร็ว!!

กร๊วบบบ!!! 

นั้นคือสัมผัสแรกที่ผมได้รับ ความกรอบของผักกาดกระป๋องที่เคยเคยยังคงอยู่
แต่รสชาติที่ปลายลิ้น กลับแตกต่างออกไป 

อ๊า……ความเค็มที่กำลังดี ตัด กับความหวาน และเปรี้ยวนิด ๆ
ความเค็มที่เคยติดปลายลิ้น  ความเค็มที่ต้องอาศัยกินกับข้าวต้มกุ๊ยเพียงเท่านั้น
ความเค็มที่ต้องแปรรูปก่อนกิน มันหายไป……..กลายเป็นรสชาติผักดองที่กำลังดี

ผมสามารถกัดมันกินได้โดยไม่ต้องกินน้ำตาม
ผมกินมันกับข้าวสวยร้อนๆ ได้ 

อ้า………สวรรค์   

นี้มันผักกาดกระป๋องที่ลบจุดด้อยออกไปจนหมด และเปิดกว้างสู่การกิน
ผักกาดกระป๋องที่ความอร่อยเดินควบคู่ไปกับสุขภาพที่ดี
ผมกล้าพูดได้ว่าต่อแต่นี้วงการผักกาดกระป๋องจะไม่เหมือนเดิม!!
เราจะมีทางเลือกมากขึ้น จากความเค็มที่ลดลง

 เมนูต่างๆ เริ่มผุดขึ้นมากมายในหัวผม

แต่เมื่อแกงกระหรี่ญี่ปุ่นที่ทำไว้ยังค้างอยู่ในตู้เย็น

แกงกะหรี่ญี่ปุ่น ผัดกาดดองจีน และข้าวกล้อง กข 43 น้ำตาลต่ำ จากงานวิจัยของไทย

จึงเป็นเมนูแรกของผมกับผักกาดกระป๋องนี้

พหุรสชาติ ที่หลอมรวมจากหลากหลายวัฒนธรรม
จากอินเดีย  สู่ไทย เข้าเมืองจีน และสุดท้ายไปจบที่ญี่ปุ่น



วันนี้ผมบรรลุแล้วว่า

สุขภาพกับรสชาติไม่ใช้เส้นขนานที่ไม่มีวันบรรจบ
และคุณจะค้นพบ (ของอร่อย) ได้ก็ต่อเมื่อคุณแสวงหา
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่