สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
สมัยก่อนจะมีวลีมีลูกหนึ่งคนจนไปเจ็ดปี แต่ก็ต้องเข้าใจบริบทของสังคมสมัยก่อนที่ยังเป็นสังคมเกษตรกรรมกันอยู่
การมีลูกเยอะนั่นหมายถึงแรงงานในครอบครัวที่จะช่วยหักร้างถางพง หว่านไถ เก็บเกี่ยว ดูแลเรือกสวนไร่นา
การสาธารณสุขยังไม่ทั่วถึงเพียงพอ อายุขัยเฉลี่ยก็ไม่ได้มากอย่างทุกวันนี้ กว่าจะเลี้ยงได้โตพอใช้แรงงานได้ก็มีตายกันไปบ้าง
การมีลูกมากถือเป็นหลักประกันว่าจะมีสักหลายคนที่รอดตายมาเป็นแรงงานให้ครอบครัวได้
แต่ปัจจุบันไทยเราไม่ใช่สังคมเกษตรกรรมอีกแล้ว การสาธารณสุขก็ดีกว่าแต่ก่อนมาก อายุขัยเฉลี่ยเพิ่มขึ้น
พอแต่ละคนต้องดิ้นรนเอาตัวรอด การมีลูกมากเลยเสื่อมความนิยมไป สมัยนี้มีลูกครอบครัวละ 1-2 คนเท่านั้น
ส่วนการศึกษาระดับปริญญาเมื่อก่อนมีแค่ กทม. เท่านั้น ต่อมาก็เริ่มกระจายไปตามจังหวัดต่างๆ เช่น ชลบุรี เชียงใหม่ ขอนแก่น
แล้วมาเปิดกว้างตอนที่เริ่มมี กรอ./กยศ. นี่แหละ เพราะคนที่ไม่มีทุนทรัพย์ก็สามารถกู้ยืมเรียนได้โดยเสียดอกเบี้ยนิดเดียว
ด้วยค่านิยมของคนไทยที่อยากให้ลูกเรียนจบสูงๆ คิดว่าได้ปริญญามาแล้วจะเป็นเจ้าคนนายคน ได้เงินเดือนระดับสูง เป็นหน้าเป็นตาให้วงศ์ตระกูล
แต่ไม่คิดว่าลูกมีสติปัญญาพอที่จะเรียนในระดับสูงได้หรือเปล่า ก็เลยตะบี้ตะบันเคี่ยวเข็ญให้ลูกเรียนปริญญา
มหาลัยเห็นช่องทางทำเงินก็เปิดหลักสูตรให้คนหัวอ่อนเรียนจบออกมาด้วยเกรดเฉลี่ยเลิศหรู แบบที่มหาลัยอื่นงงกันเป็นแถวว่ามันได้ 3.50 up ได้ไง
อาจารย์ที่ผมนับถือท่านเล่าให้ฟังว่ามีมหาลัยหนึ่งเชิญท่านไปสอน พอเสนอผลสอบไปคณบดีโทรมาขอให้เพิ่มคะแนนให้นักศึกษา
เพราะมันตกกันยกคณะมีผ่านไม่ถึงสิบคน แต่อาจารย์ท่านหัวเด็ดตีนขาดก็ไม่ยอม มหาลัยนี้เลยไม่เชิญท่านไปสอนอีกเลย
การแจกเกรดนี่คือต้นตอของหายนะ สุดท้ายมหาลัยหน้าเงินก็ผลิตบัณฑิตโง่ๆ ออกมาจนล้นตลาดแรงงานแล้วก็อยากได้ค่าแรงสูงๆ เสียด้วย
เพราะทะนงตนว่าเป็นบัณฑิต กลายเป็นจมไม่ลงเริ่มงานไม่ได้สักที ต้องให้พ่อแม่เลี้ยงต่อซะอีก เวรกรรม
การมีลูกเยอะนั่นหมายถึงแรงงานในครอบครัวที่จะช่วยหักร้างถางพง หว่านไถ เก็บเกี่ยว ดูแลเรือกสวนไร่นา
การสาธารณสุขยังไม่ทั่วถึงเพียงพอ อายุขัยเฉลี่ยก็ไม่ได้มากอย่างทุกวันนี้ กว่าจะเลี้ยงได้โตพอใช้แรงงานได้ก็มีตายกันไปบ้าง
การมีลูกมากถือเป็นหลักประกันว่าจะมีสักหลายคนที่รอดตายมาเป็นแรงงานให้ครอบครัวได้
แต่ปัจจุบันไทยเราไม่ใช่สังคมเกษตรกรรมอีกแล้ว การสาธารณสุขก็ดีกว่าแต่ก่อนมาก อายุขัยเฉลี่ยเพิ่มขึ้น
พอแต่ละคนต้องดิ้นรนเอาตัวรอด การมีลูกมากเลยเสื่อมความนิยมไป สมัยนี้มีลูกครอบครัวละ 1-2 คนเท่านั้น
ส่วนการศึกษาระดับปริญญาเมื่อก่อนมีแค่ กทม. เท่านั้น ต่อมาก็เริ่มกระจายไปตามจังหวัดต่างๆ เช่น ชลบุรี เชียงใหม่ ขอนแก่น
แล้วมาเปิดกว้างตอนที่เริ่มมี กรอ./กยศ. นี่แหละ เพราะคนที่ไม่มีทุนทรัพย์ก็สามารถกู้ยืมเรียนได้โดยเสียดอกเบี้ยนิดเดียว
ด้วยค่านิยมของคนไทยที่อยากให้ลูกเรียนจบสูงๆ คิดว่าได้ปริญญามาแล้วจะเป็นเจ้าคนนายคน ได้เงินเดือนระดับสูง เป็นหน้าเป็นตาให้วงศ์ตระกูล
แต่ไม่คิดว่าลูกมีสติปัญญาพอที่จะเรียนในระดับสูงได้หรือเปล่า ก็เลยตะบี้ตะบันเคี่ยวเข็ญให้ลูกเรียนปริญญา
มหาลัยเห็นช่องทางทำเงินก็เปิดหลักสูตรให้คนหัวอ่อนเรียนจบออกมาด้วยเกรดเฉลี่ยเลิศหรู แบบที่มหาลัยอื่นงงกันเป็นแถวว่ามันได้ 3.50 up ได้ไง
อาจารย์ที่ผมนับถือท่านเล่าให้ฟังว่ามีมหาลัยหนึ่งเชิญท่านไปสอน พอเสนอผลสอบไปคณบดีโทรมาขอให้เพิ่มคะแนนให้นักศึกษา
เพราะมันตกกันยกคณะมีผ่านไม่ถึงสิบคน แต่อาจารย์ท่านหัวเด็ดตีนขาดก็ไม่ยอม มหาลัยนี้เลยไม่เชิญท่านไปสอนอีกเลย
การแจกเกรดนี่คือต้นตอของหายนะ สุดท้ายมหาลัยหน้าเงินก็ผลิตบัณฑิตโง่ๆ ออกมาจนล้นตลาดแรงงานแล้วก็อยากได้ค่าแรงสูงๆ เสียด้วย
เพราะทะนงตนว่าเป็นบัณฑิต กลายเป็นจมไม่ลงเริ่มงานไม่ได้สักที ต้องให้พ่อแม่เลี้ยงต่อซะอีก เวรกรรม
ความคิดเห็นที่ 6
ค่าเทอม มหาลัยบ้านเรา
คณะสายสังคมทั่วไป ไม่ได้แพง
เด็กทำงานพาร์ทไทม์ ร้านฟาสต์ฟู้ด
ร้านสะดวกซื้อ ก็ยังสามารถหาเงิน
ส่งเสียตัวเองเรียนจนจบได้หลายคน
โดยไม่ต้องขอเงินพ่อแม่ หรือกู้เลยด้วยซ้ำ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ส่วนที่คุณว่า ชนชั้นกลางในเมืองมักสงสัย....
เขาไม่ได้สงสัยหรอกครับ
คุณคิดไปเอง
คณะสายสังคมทั่วไป ไม่ได้แพง
เด็กทำงานพาร์ทไทม์ ร้านฟาสต์ฟู้ด
ร้านสะดวกซื้อ ก็ยังสามารถหาเงิน
ส่งเสียตัวเองเรียนจนจบได้หลายคน
โดยไม่ต้องขอเงินพ่อแม่ หรือกู้เลยด้วยซ้ำ




[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ส่วนที่คุณว่า ชนชั้นกลางในเมืองมักสงสัย....
เขาไม่ได้สงสัยหรอกครับ
คุณคิดไปเอง
แสดงความคิดเห็น
มาแชร์เรื่องราวในสังคม ว่าทำไม "คนจน" สมัยนี้ส่วนใหญ่ถึงมีกำลังทรัพย์สามารถส่งลูกเรียนสูงๆ จนคนจบปริญญาล้นตลาด
แต่หารู้ไม่ว่าปัจจุบันนี้คนจบปริญญากันล้นตลาดแล้ว โรงเรียนรัฐชื่อดังประจำจังหวัด ยังมีเด็กเข้าเรียนแน่นเต็มทุกปีอยู่ ในขณะที่โรงเรียนตามบ้านนอกเด็กเข้าลดลงทุกปี
วันนี้ผมจะมาแชร์ข้อมูลจริงๆของสังคมรอบตัว
ในแต่ละเคส เฉพาะสังคมต่างจังหวัดนะครับ
ส่วนสังคมกรุงเทพฯ ผมไม่รู้เพราะผมไม่ใช่คนกรุงเทพฯ
(1)คนจนสมัยนี้มีจำนวนลูกต่อครอบครัวลดลง ส่วนใหญ่มีลูก 1-2 คน บางครอบครัว 3 คน
ซึ่งต่างสมัยก่อนที่มีลูกเกือบ 10 คนทั้งนั้น
ซึ่งการที่คนจนสมัยนี้มีจำนวนน้อยลงกว่าคนสมัยก่อนนี่แหละ ทำให้พอมีกำลังทรัพย์และทำงานส่งเสียลูกเรียนสูงๆได้ ประกอบกับการกำเนิดของ กยศ. ปี 2541 ด้วย จึงทำให้สถิติจำนวนนักศึกษาระดับปริญญาเพิ่มขึ้น
(2)น้าคนนึง อายุ 36 ทำงานไลน์ผลิต ขยันทำโอทีทุกวัน รายได้เดือนนึงก็ประมาณ 16-20k บาท
ทำงานหาเงินคนเดียว เพราะสามีเสียแล้ว และเลี้ยงลูก2คน
น้าแกบอกว่า ลูกคนโตตอนนี้เรียนมหาลัยปี 2 สาขาเทคโนโลยีสารสนเทศ แต่ก็ต้องกู้ กยศ.เรียน+ทำงานพาร์ทไทม์ไปด้วย ส่วนลูกคนเล็กตอนนี้เรียนมัธยมอยู่
(น้าเขามีลูกคนแรกตั้งแต่อายุ 16 จบกศน.)
(3)ป้าของผม(พี่สาวของแม่) จบ ป.6 ขายอาหารตางสั่งให้กับพนักงานของห้าง ช่วยกันทำมาหากินกับสามี มีลูกด้วยกัน2คน
ตอนนี้ลูกคนโต พึ่งเรียนจบ ป.ตรี สาขาวิทย์ฯสิ่งแวดล้อม ตอนนี้ทำงานโรงงานในห้องแล็บของบริษัทชื่อดัง เงินเดือนเริ่มต้น 20k++
ส่วนลูกคนเล็ก ตอนนี้เรียน ป.6 อยู่
(ป้าผมมามีลูกคนที่สองตอนแก่ครับ)
(4)แม่ของเพื่อนผมคนนึง ขายน้ำปั่นตามตลาดนัดและโรงเรียน มีลูกด้วยกัน2คน
เพื่อนผมได้ทุนเรียนพยาบาล ตอนนี้อยู่ปี3แล้ว สมัยเรียนด้วยกันเพื่อนผมเรียนเก่งมาก เกรดเฉียด 4.00 ทุกเทอม
(5)ป้าของผม(พี่สาวของพ่อ) จบ ป.6
เปิดร้านรับจ้างเย็บผ้า ส่วนสามีทำงานไลน์ผลิต มีลูกด้วยกัน2คน ตอนนี้ลูกคนโตเรียนจบ ปวส.สายช่าง และมีแพลนจะต่อ ป.ตรี วิศวะด้วย แต่ก็พึ่งพากู้กยศ.ด้วย
ส่วนลูกคนเล็กตอนนี้เรียน ปวช.ปี 3
(6)ลุงของผม(พี่ชายของพ่อ) จบ ป.4
รับจ้างขับแท็กซี่ในกรุงเทพฯ ส่วนภรรยาเป็นแม่บ้านในโรงเรียน มีลูกด้วยกัน2คน
ลูกคนโตเรียนจบ ป.ตรี มาหลายปีแล้ว ตอนนี้เป็นพนักงานออฟฟิศของบริษัทชื่อดัง ส่วนลูกคนเล็กเรียนจบ ปวส.สายช่าง
(7)พ่อแม่ของเพื่อนผมคนนึงสมัยเรียน(เพื่อนผู้หญิง) แยกทางกันตั้งแต่เพื่อนผมยังเด็กๆ ต่างคนต่างไปมีครอบครัวใหม่ อยู่กับตายาย แต่เพื่อนบอกว่าพ่อแม่ทั้งสองท่าน ก็ยังทำงานส่งเงินมาให้ใช้อยู่ไม่ขาด
ช่วงเทศกาลก็ยังแวะมาเยี่ยม พาไปเที่ยวอยู่ตลอด
เพื่อนผมคนนี้เรียนเก่งมากๆ เกรดเฉียด 4.00 ทุกเทอม
ตอนนี้เพื่อนผมคนนี้ เรียนครูคณิตฯอยู่ปี3แล้ว แต่ก็ต้องกู้ กยศ.เรียนด้วย โดยที่พ่อแม่ของเพื่อนก็ยังส่งเงินมาให้ใช้ ถึงแม้ว่าทั้งสองท่านต่างคนต่างได้ไปมีครอบครัวใหม่แล้วก็ตาม
(เพื่อนได้บอกว่า พ่อแม่มีเขาตั้งแต่อายุ17เลย)
(8)พ่อแม่ของเพื่อนผมคนนึง ทำงานรับจ้าง ทำไร่ทำนา มีลูกด้วยกัน2คน แต่พ่อแม่ก็สามารถส่งลูกเรียน ป.ตรี ได้ทั้ง2คน
ลูกคนแรกเรียนจบ ป.ตรี สายครู
ลูกคนเล็ก(เพื่อนของผม)ตอนนี้กำลังเรียน ป.ตรี สายวิทย์สุขภาพ
แต่ลูกทั้ง2คนคือต้องกู้กยศ.เรียน+ทำงานพาร์ทไทม์ไปด้วย
และคนอื่นๆอีกมากมาย ที่เกิดจากครอบครัวพื้นเพชาวบ้านธรรมดา กลุ่มคนที่ทำมาหากิน หรือบางครอบครัวเด็กที่พ่อแม่แยกทางกัน
แต่ก็สามารถส่งเสียลูกหลานเรียนจบสูงๆกันได้ มีอีกหลายครอบครัวมาก......
ไม่แปลกเลย ว่าทำไมสังคมไทยสมัยนี้คนเรียนจบกันจนล้นตลาดไปแล้ว
แต่เด็กไทยสมัยนี้ก็มีไม่น้อยนะ ที่เรียนจบเพียง ม.ต้น ม.ปลาย ไม่ได้เรียนต่อ แล้วก็ออกมาทำงานเลย
ทั้งงานโรงงานบ้าง งานห้างบ้าง งานบริการบ้าง ทำมาค้าขายบ้าง
ส่วนงานก่อสร้าง ประมง แบกหาม เก็บขยะ กวาดถนน สมัยนี้กลายเป็นแรงงานต่างด้าวไปหมดแล้ว
พนักงานออฟฟิศ บริษัท หรือข้าราชการ ไม่ใช่ชนชั้นกลางนะครับ ผมมองว่าเป็นชนชั้นแรงงาน แต่เป็นแรงงานที่มีฝีมือ&ทักษะเท่านั้น
ผมมั่นใจว่ากลุ่มพนักงานออฟฟิศ บริษัท ข้าราชการ
80% ส่วนใหญ่พื้นเพครอบครัวก็มาจากชาวบ้านธรรมดา ทำมาหากินทั่วๆไปนี่แหละ