ใครที่กำลังคิดจะเริ่มธุรกิจแอมเวย์มาฟังทางนี้ก่อนนะคะ
จขกท. ขอแชร์ประสบการณ์2ปีทีอยู่ในธุรกิจนี้นะคะ
แต่จขกท.ไม่ได้จะมาบอกว่ามันไม่ดี
อย่าทำหรืออะไรแบบนั้นนะคะ
เพียงรู้สึกว่าถ้ารู้เรื่องพวกนี้ก่อนเริ่มทำหรือไม่รู้มาก่อน
ผลลัพธ์ที่ออกมามันน่าจะต่างกันอะคะ
เลยเอามาแชร์เป็นข้อมูลสำหรับคนที่กำลังคิดจะเริ่มนะคะ
ซึ่งตัวจขกท.เองก็ไม่ได้สำเร็จในธุรกิจขนาดนั้น
แต่เป็นคนหนึ่งที่ทุ่มเทกับธุรกิจนี้มาค่ะ
หากใครที่มีความมุ่งมั่น ตัดสินใจแล้วว่าจะสำเร็จในธุรกิจนี้
รบกวนหยุดอ่านตั้งแต่บรรทัดนี้เลยนะคะ
====
สำหรับคนที่กำลังลังเลจะทำไม่ทำดี
ลองอ่านจนจบนะคะ
ข้อแรกคือประโยคชวนที่ว่า”ไม่ต้องลงทุ่น”นะคะ มันไม่จริงนะคะ
คือคนที่เข้ามาแอมเวย์จะมีอยู่ 2 แบบ
แบบที่1 อยากใช้สินค้า ใช้ ชอบ แชร์ต่อ
แบบที่ 2 เข้ามาเพราะอยากทำธุรกิจ
มันมีคนประเภทที่ตัวเองไม่ซื้อเองแต่ชวนคนอื่นมาซื้อ
คือตัวเองจะได้ไม่เสี่ยง
สิ่งที่น่ากลัวของมันก็คือพอมีคนแบบนี้เยอะ
มันจะเป็นองค์กรที่มีแต่คน แต่ไม่มีผลลัพธ์ทางธุรกิจนะคะ
ดังนั้น ข้อแรกการลงทุนจริงๆมันคือการที่เราต้องซื้อใช้สินค้าเองนะคะ
จขกท.เริ่มทำเพราะรู้สึกสินค้าดีจริง แล้วซื้อเพราะอยากใช้เอง
ตอนนั้นใช้ หมื่นสองหมื่นต่อเดือน
ย้อนกลับไปดูก็น่ากลัวเหมือนกันนะคะ
ตอนเรียนอยู่ด้วย
แต่ไม่ได้บอกว่ามันศูนย์เปล่านะ
มันก็เป็นเรื่องดีที่ได้เอาเงินเก็บมาดูแลตัวเองเนอะ 5555
เรื่องที่สองคือถ้าอยากจะสำเร็จ หายใจเข้าออกต้องเป็นต้องแอมเวย์ค่ะ
ไม่ใช่ทุกคน คนที่พรีเซ็นงานเก่ง หรือเป็นคนที่มีคาริสมา
คนธรรมดาๆพูดไม่เก่ง ต้องทุ่มเทขนาดไหน จริงไหมคะ
สิ่งที่ต้องทำในแอมเวย์นะคะ ได้แก่
1 หาเพื่อน
2 ทำการชวน / สปอนเซอร์
3 แนะนำสินค้า / มาเก็ตติ้ง
4 พาไปเจออัพไลน์ อัพไลน์คือคนที่ชวนเรามา
5 สาธิตสินค้า เปลี่ยนเทียบกับสินค้าอื่น
6 ฟอลโล่อัพกลุ่ม
7 เข้ามิตติ้ง
8 เข้างานอีเวนท์ใหญ่ เอาไว้พาเพื่อนใหม่มาเปิดใจ และเอาไว้คงมอติเวชั่นในการทำงาน
9 อีเวนท์ที่ไม่ได้บอกว่าเป็นของแอมเวย์ เช่น งานสุขภาพ
บอกตามตรง เหนื่อยมาก
ยากสุดคือ1กับ2 ต้องสร้างกลุ่ม แล้วหาจากไหน
ต้องหาจากคนรอบข้าง ปกติก็เริ่มจากพ่อแม่ เพื่อนของเพื่อน
รายชื่อหมดแล้วก็ต้องทักคนใหม่
เข้าร่วมงานอีเวนท์ งานอบรม รู้จักคนใหม่
มันก็ทำให้ต้องพัฒนาตัวเอง
แต่งตัวเป็น คุยเป็น
ก็ได้ฝึกเรื่องพวกนี้นะคะ
เพียงแต่ตอนเริ่มเอง ไม่ได้คิดว่าต้องหนักขนาดนี้
เรื่องสุดท้ายนะคะ เรื่องที่3คือความยากของการทำให้เหมือนค่ะ
ทำมา 2 ปีเลยรู้ว่า ทำเหมือนกัน
แต่คนทำคนละคนกันผลลัพธ์ไม่เหมือนกันนะคะ
แค่บอกประโยคเดียวกัน ยังให้ความรู้สึกไม่เหมือนกันเลย
ซึ่งสำหรับคนใหม่ที่เริ่มทำธุรกิจ เรื่องนี้ถือว่าท้าทายมากๆ
ก็ขอแชร์ประมาณนี้นะคะ
ขอบคุณค่า
Amway ดีไหม? เล่าผ่านประสบการณ์2ปีในธุรกิจ
จขกท. ขอแชร์ประสบการณ์2ปีทีอยู่ในธุรกิจนี้นะคะ
แต่จขกท.ไม่ได้จะมาบอกว่ามันไม่ดี
อย่าทำหรืออะไรแบบนั้นนะคะ
เพียงรู้สึกว่าถ้ารู้เรื่องพวกนี้ก่อนเริ่มทำหรือไม่รู้มาก่อน
ผลลัพธ์ที่ออกมามันน่าจะต่างกันอะคะ
เลยเอามาแชร์เป็นข้อมูลสำหรับคนที่กำลังคิดจะเริ่มนะคะ
ซึ่งตัวจขกท.เองก็ไม่ได้สำเร็จในธุรกิจขนาดนั้น
แต่เป็นคนหนึ่งที่ทุ่มเทกับธุรกิจนี้มาค่ะ
หากใครที่มีความมุ่งมั่น ตัดสินใจแล้วว่าจะสำเร็จในธุรกิจนี้
รบกวนหยุดอ่านตั้งแต่บรรทัดนี้เลยนะคะ
====
สำหรับคนที่กำลังลังเลจะทำไม่ทำดี
ลองอ่านจนจบนะคะ
ข้อแรกคือประโยคชวนที่ว่า”ไม่ต้องลงทุ่น”นะคะ มันไม่จริงนะคะ
คือคนที่เข้ามาแอมเวย์จะมีอยู่ 2 แบบ
แบบที่1 อยากใช้สินค้า ใช้ ชอบ แชร์ต่อ
แบบที่ 2 เข้ามาเพราะอยากทำธุรกิจ
มันมีคนประเภทที่ตัวเองไม่ซื้อเองแต่ชวนคนอื่นมาซื้อ
คือตัวเองจะได้ไม่เสี่ยง
สิ่งที่น่ากลัวของมันก็คือพอมีคนแบบนี้เยอะ
มันจะเป็นองค์กรที่มีแต่คน แต่ไม่มีผลลัพธ์ทางธุรกิจนะคะ
ดังนั้น ข้อแรกการลงทุนจริงๆมันคือการที่เราต้องซื้อใช้สินค้าเองนะคะ
จขกท.เริ่มทำเพราะรู้สึกสินค้าดีจริง แล้วซื้อเพราะอยากใช้เอง
ตอนนั้นใช้ หมื่นสองหมื่นต่อเดือน
ย้อนกลับไปดูก็น่ากลัวเหมือนกันนะคะ
ตอนเรียนอยู่ด้วย
แต่ไม่ได้บอกว่ามันศูนย์เปล่านะ
มันก็เป็นเรื่องดีที่ได้เอาเงินเก็บมาดูแลตัวเองเนอะ 5555
เรื่องที่สองคือถ้าอยากจะสำเร็จ หายใจเข้าออกต้องเป็นต้องแอมเวย์ค่ะ
ไม่ใช่ทุกคน คนที่พรีเซ็นงานเก่ง หรือเป็นคนที่มีคาริสมา
คนธรรมดาๆพูดไม่เก่ง ต้องทุ่มเทขนาดไหน จริงไหมคะ
สิ่งที่ต้องทำในแอมเวย์นะคะ ได้แก่
1 หาเพื่อน
2 ทำการชวน / สปอนเซอร์
3 แนะนำสินค้า / มาเก็ตติ้ง
4 พาไปเจออัพไลน์ อัพไลน์คือคนที่ชวนเรามา
5 สาธิตสินค้า เปลี่ยนเทียบกับสินค้าอื่น
6 ฟอลโล่อัพกลุ่ม
7 เข้ามิตติ้ง
8 เข้างานอีเวนท์ใหญ่ เอาไว้พาเพื่อนใหม่มาเปิดใจ และเอาไว้คงมอติเวชั่นในการทำงาน
9 อีเวนท์ที่ไม่ได้บอกว่าเป็นของแอมเวย์ เช่น งานสุขภาพ
บอกตามตรง เหนื่อยมาก
ยากสุดคือ1กับ2 ต้องสร้างกลุ่ม แล้วหาจากไหน
ต้องหาจากคนรอบข้าง ปกติก็เริ่มจากพ่อแม่ เพื่อนของเพื่อน
รายชื่อหมดแล้วก็ต้องทักคนใหม่
เข้าร่วมงานอีเวนท์ งานอบรม รู้จักคนใหม่
มันก็ทำให้ต้องพัฒนาตัวเอง
แต่งตัวเป็น คุยเป็น
ก็ได้ฝึกเรื่องพวกนี้นะคะ
เพียงแต่ตอนเริ่มเอง ไม่ได้คิดว่าต้องหนักขนาดนี้
เรื่องสุดท้ายนะคะ เรื่องที่3คือความยากของการทำให้เหมือนค่ะ
ทำมา 2 ปีเลยรู้ว่า ทำเหมือนกัน
แต่คนทำคนละคนกันผลลัพธ์ไม่เหมือนกันนะคะ
แค่บอกประโยคเดียวกัน ยังให้ความรู้สึกไม่เหมือนกันเลย
ซึ่งสำหรับคนใหม่ที่เริ่มทำธุรกิจ เรื่องนี้ถือว่าท้าทายมากๆ
ก็ขอแชร์ประมาณนี้นะคะ
ขอบคุณค่า