[BR] รีวิว MICHELIN LTX Trail ยาง SUV ขับได้สบายทุกวัน และ พร้อมลุยทุกเมื่อที่ต้องการ

กระทู้ผู้สนับสนุน
กระทู้รีวิว

สวัสดีครับ เพื่อนๆชาว Pantip รัชดา อยู่กับผม ภณ Pantip Garage ซึ่งในวันนี้
ผมจะขอมารีวิวยาง สำหรับผู้ใช้รถ SUV/PPV หรือ Pick Up ยกสูง ซึ่งสามารถใช้งานได้ทั้งทางเรียบ และฝุ่น
กับ Michelin LTX Trail ที่จะให้คุณใช้งานในชีวิตประจำวัน หรือ จะเดินทางเพื่อ Lifestyle ก็ได้


ซึ่งการทดสอบของผมเป็นการขับออกทริป สั้นๆ ซึ่งมีทั้งทางเรียบและทางฝุ่น แบบลุยได้พอหอมปากหอมคอ มาดูกันครับว่า ยาง MICHELIN LTX Trail ตัวนี้ จะมีดีอะไรบ้าง


ก่อนอื่นเลย ยางถือเป็นส่วนชิ้นส่วนที่สำคัญมากสำหรับตัวรถ เพราะเป็นส่วนเดียวที่เชื่อมต่อตัวรถกับพื้นผิว
ดังนั้นการเลือกยางที่ดี ก็จะช่วยเพิ่มสมรรถนะในการขับ และยังส่งผลต่อความปลอดภัยของผู้ขับอีกด้วย


มาเริ่มกันที่ตัวยาง และเทคโนโลยีของ MICHELIN LTX Trail กันก่อนเลย
LTX Trail จะเป็นยางที่เน้นใช้งานแบบ City On Road และลุยทางฝุ่นทางลูกรังได้


บล็อกดอกยางคู่ ที่เรียกว่า Duo-Harmony ถ้าสังเกตุจะมีรูปทรงที่ต่างกัน ช่วยกระจายคลื่นความถี่เสียงให้กว้างขึ้น ลดเรื่องเสียงรบกวน


เนื้อยางได้พัฒนาสูตรเนื้อยาง RallyForce2 Tread Compound ที่ถ่ายทอดจากการแข่งขัน WRC


ทำให้ยางมีความทนทานเป็นพิเศษช่วยลดความเสียหายจากการขับขี่ในสภาพถนนแบบ Off-Road ยางจึงมีอายุการใช้งานยาวนาน โดยเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งชั้นนำในตลาด ยางรุ่นนี้มีอายุการใช้งานยาวนานกว่าถึง 41%


ดังนั้น เรื่องความแข็งแกร่งและทนทาน เรียกว่าหายห่วงเอาอยู่ เพราะได้รับการถ่ายทอดจากสนามแข่งแรลลี่ระดับโลกสู่เส้นทางที่เราได้ขับกันจริง


โดยตัวเลขเคลมนี้ไม่ได้กล่าวมาลอยๆ นะครับ เพราะได้รับการรับรองผลจาก บริษัท TUV ไรน์แลนด์ ซึ่งเป็น ผู้ให้บริการทดสอบและตรวจสอบระดับโลก


นอกจากนี้ ไหล่ยางแบบเปิด (Biting Shoulder) ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการยึดเกาะและจิกตะกุยบนเส้นทางออฟโรด
รวมทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะบนทางเปียกด้วย


แถบเนื้อยางระหว่างร่องบล็อกดอกยางที่มิชลิน เรียกว่า Variable Thickness Sipes จะช่วยยึดบล็อกดอกยางไม่ให้ล้มตัว เมื่อรับแรงกระทำเวลาเบรก จึงไม่สูญเสียพื้นที่หน้าสัมผัส ส่งผลให้ยางมีสมรรถนะในการยึดเกาะที่ดีกว่าและเบรกสั้นกว่า แม้ยางจะใกล้หมดดอก


โดยตัวเลขระยะเบรกนั้น ทางมิชลิน ได้ระบุ ว่า LTX Trail
มีระยะเบรกที่สั้นกว่ายางชั้นนำคู่แข่งบนถนนเปียก 3.1 ม. ในกรณียางใหม่ และสั้นกว่า 4.6 ม. ในกรณียางใกล้หมดดอก
ขณะที่การเบรกบนถนนแห้ง จะสั้นกว่าคู่แข่งชั้นนำ 3.8 ม. ในกรณียางใหม่
โดยตัวเลขเคลมนี้ก็ได้รับการรับรองจากทาง TUV ไรน์แลนด์ เช่นกัน


มาเข้าที่รีวิวการขับจริง
ความรู้สึกแรกที่ผมคิด เนื่องจากยางที่มีลักษณะดอกออกมาทางเทรลเช่นนี้ คือ มันน่าจะต้องมีเสียงดังเข้ามาภายในห้องโดยสารแน่ๆ และ คงต้องแข็งกระด้างกันพอสมควร แต่จากการทดสอบวิ่งใช้งานจริงบนทางด่วนที่ราบด้วยความเร็ว ผู้เขียนพบว่ามันพอมีเสียงยางบ้าง แต่ถือว่าไม่ดังนัก เสียงลมปะทะดังกว่าเยอะ คือ ผิดคาดจากที่คิดไว้ ยิ่งถ้าวิ่งด้วยความเร็วที่ไม่สูงนัก ถ้าไม่สังเกตเรื่องเสียงรบกวนนี้ ถือว่าตัดออกไปได้เลย เพราะแทบจะไม่ได้ยินเสียงยางแม้แต่น้อย


ต่อกันในเรื่องของความนุ่ม โดยรวมดูดี ไม่แพ้ยางเดิมติดรถ
แม้ยางจะเป็นยาง แบบกึ่งเทรลก็ตาม จังหวะที่ขับผ่านพวกรอยต่อถนนก็ไม่ได้รู้สึกสะเทือนตึงตังมากนัก


ขณะที่สมรรถนะการยึดเกาะ ขับทางตรงทั่วไปมันไม่ใช่ปัญหา แต่ผมลองสาดโค้งเข้าไปให้เร็วกว่าที่คนปกติเข้ากัน
คือ โดยรวมผมว่า ประทับใจเลยเพราะ แม้ยางจะออกแบบมาแบบ กึ่ง On/Off Road แต่ เรื่อง Traction ของหน้ายาง ยังดูดี ส่วนหนึ่งก็จากร่อง Sibes ที่ทนต่อแรงกระทำ จึงทำหน้าหน้าสัมผัสยังจับได้เต็มดีอยู่
ไม่มีเสียงกรีดร้องแบบน่ารำคาญ ออกมาให้เห็น สิ่งที่พบจะเป็นอาการโคลงตัวของตัวรถสไตล์รถยกสูงมากกว่า


แต่ก็ไม่อยากให้เพื่อนๆ เอาไปเทียบกับยางที่เป็น On Road โดยเฉพาะ นะครับเพราะว่าพวกนั้น หน้ายางเค้าจะไม่มีบล็อกดอกยางที่ใหญ่ แบบนี้ มันจะให้ Grip การยึดเกาะที่เต็มที่ในทาง On Road ได้ดีกว่า


ขณะที่ระยะเบรก นั้น โดยปกติแล้ว ผมไม่ชอบ ฟีลลิ่งของการเบรกพวกรถ SUV หรือ Pick Up ยกสูง
เพราะตัวรถหนัก เวลาเบรกแล้วพบอาการไถล หยุดรถไม่ค่อยอยู่ ซึ่ง รถ Fortuner คันนี้ ที่ใส่ LTX Trail ก็อาจจะให้ความรู้สึกแบบนั้นอยู่ แต่ ถ้าถามว่า กับยางที่มีบล็อกดอกยางใหญ่ แน่นอนมันคงไม่ได้รู้สึกเบรกแล้วหยุดได้ทันใจ แบบยางที่มี พื้นที่สัมผัสเต็ม แต่สำหรับผมเองก็ถือว่าทำได้ดีกว่าที่คิดไว้ นอกจากนี้ ร่องดอกยาง Variable Thickness Sipes ทางมิชลิน ยังเคลมว่าช่วยให้เบรกหยุดรถได้ดี แม้ยางจะใกล้หมดดอกแล้วก็ตาม


ต่อด้วยสมรรถนะในทาง Off-Road
ในการขับบนทาง Off Road ผมอาจจะไม่ได้ทดสอบทางที่ต้องตะกุยลุยดินแบบจริงจัง


เพราะอย่างที่ได้บอกไป ยางตัวนี้เน้นลุย Off-Road แบบลูกรังเท่านั้น สัมผัสฝุ่นในช่วงเปียกฝนเช่นนี้ จากที่ได้ลองใส่ดูพบว่าสามารถลุยผ่านได้ คือ อาการลื่นไถล มีออกมาน้อย จึงทำให้การคอนโทรลรถควบคุมได้ง่าย


และเนื่องจากที่ผมได้บอกไปข้างต้นว่าใช้เทคโนโลยีจากการแข่งขัน WRC ทำให้เราสามารถขับใส่ได้เต็มที่ ทนทานต่อการสึกหรอ และการบาดตำ ในทุกสภาพพื้นผิว รวมถึงโครงสร้างไหล่ยางแบบเปิด ที่ร่องลงมาลึก ทำให้จิกเกาะพื้นผิวได้ดี


นอกจากนี้สมรรถนะ การขับบนทางเปียก ที่ผมได้ลองขับดู แม้จะไม่เจอทางเปียกในวันที่เราถ่ายทำ
ก็พบว่ารถยังเบรกหยุดชะลอได้ดีกว่าที่คิด
รวมถึงเวลาขับขี่ อาการเหินน้ำ น้อย คือ ยังให้การคอนโทรลได้ดีอยู่ แต่อย่างไรก็ดี การขับบนทางเปียกเรายังควรให้ความระมัดระวังในการขับขี่มากยิ่งขึ้นครับ เพราะรถยกสูงยังมีอาการโคลมตัวจากรถอยู่บ้าง รวมกับน้ำหนักตัวที่เยอะ


สรุปแล้ว MICHELIN LTX Trail เป็นยางอเนกประสงค์สำหรับรถกระบะยกสูง รถเอสยูวี และ PPV ใช้งานได้ดีทั้งทางเรียบและทางลุย ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวัน

“ให้คุณพร้อมทุกวัน มั่นใจทุกจุดหมาย กับยาง MICHELIN TRAIL”


โดย Michelin LTX Trail จะมีให้เลือกทั้งสิ้นมากถึง 10 ขนาด ราคาเริ่มต้นเส้นละ 4,950-5,990 บาท
ถือว่าเป็นยางที่ราคาเป็นมิตรสามารถเอื้อมถึงได้


เอาเป็นว่า ถ้าใครสนใจอยากเปลี่ยนยาง SUV และได้ชมคลิป หรือดูกระทู้นี้แล้ว
อย่าลืม ลงทะเบียน เพื่อ รับส่วนลด 1000 บาท สำหรับซื้อและติดตั้งยาง MICHELIN LTX TRIAL จำนวน 4 เส้น ที่ร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการ หรือ ดูรายละเอียดที่ลิงก์ https://bit.ly/MI-LTX-Pantip ได้เลยครับ
โดยโค้ดลงทะเบียนสิทธิ์ตรงนี้ จะมีแจกให้กับ 200 ท่านแรก

#MICHELIN_LTX_TRAIL
#พร้อมทุกวันมั่นใจทุกจุดหมาย
#MICHELIN_THAILAND
##เวลาเปลี่ยนความมั่นใจไม่เคยเปลี่ยน


นอกจากนี้หากผู้ที่สนใจ ต้องการดูรายละเอียดและราคาเพิ่มเติมก็สามารถดูได้ที่ลิงค์นี้ครับ
https://www.michelin.co.th/auto/tyres/michelin-ltx-trail

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
ชื่อสินค้า:   MICHELIN LTX Trail
คะแนน:     

BR - Business Review : กระทู้นี้เป็นกระทู้รีวิวจากผู้สนับสนุน

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่