JJNY : 4in1 ราคาน้ำมันไทย│มาดามรถถังจ่อส่งรถเกราะล้อยางให้ภูฏาน│พท.ชี้คราวหน้าเสนอแก้ทั้งฉบับ│โควิดหวนเยอรมนี-เกาหลีใต้

ราคาน้ำมันไทย แพงไปหรือรายได้ไม่สอดคล้อง?
https://www.nationtv.tv/original/378853041
 
 
“น้ำมันแพง” อีกหนึ่งปัญหาที่กระทบปากท้องประชาชนคนไทยเขาให้อย่างจัง เพราะนอกจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่พุ่งสูงขึ้นจนกระทบมายังประเทศเราแล้ว รายได้ขั้นต่ำและค่าครองชีพของคนในประเทศยังสวนทางกันอย่างเห็นได้ชัด

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ในช่วงที่ผ่านมา ประเทศที่เคยส่งออกน้ำมันดิบหลายประเทศเริ่มมีการปรับลดกำลังการผลิต จนกระทั่งสถานการณ์โรคระบาดในหลายพื้นที่ทั่วโลกเริ่มคลี่คลายกลับเข้าสู่สภาวะปกติ ปริมาณความต้องการในการใช้เชื้อเพลิงจึงเริ่มกลับมาทะยานสูงขึ้น ในทางกลับกันกำลังการผลิตยังไม่สามารถปรับตัวให้กลับมาเท่าเดิมได้ แน่นอนว่าด้วยกลไกตลาดเมื่อความต้องการมีปริมาณที่สูงกว่าปริมาณสินค้า จึงเป็นหนึ่งปัจจัยที่ดันให้ราคาน้ำมันโลกถีบตัวสูงขึ้น จนอยู่ในระดับ 80-90 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หรือราว 2,600-3,000 บาท
 
หากเทียบกับประเทศอื่นๆในภูมิภาคอาเซียน ราคาน้ำมันไทยเรียกได้ว่ามีราคาสูงกว่ามาก ซึ่งสาเหตุอาจมาจากหลายปัจจัย ทั้ง นโยบายของรัฐบาล โครงสร้างราคาน้ำมัน เช่น แหล่งทรัพยากร คุณภาพน้ำมัน ต้นทุนการจัดหาน้ำมัน และการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการใช้น้ำมัน

การเก็บภาษีและเงินกองทุนในโครงสร้างราคาน้ำมันของไทย ยังส่งผลให้ราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศมีราคาที่สูงขึ้นจากต้นทุนเนื้อน้ำมัน ประเทศเพื่อนบ้านจากภูมิภาคอาเซียนอย่าง มาเลเซีย ไม่มีการจัดเก็บภาษีและกองทุน เนื่องจากในประเทศมีรายได้จากการผลิตและส่งออกน้ำมันดังกล่าว สามารถจัดการบริหารประเทศได้โดยไม่ต้องพึ่งพางบประมาณจากการจัดเก็บภาษีน้ำมัน ตัดภาพมาที่ประเทศไทยที่เป็นผู้นำเข้าน้ำมันสุทธิจึ่งมีความจำเป็นที่จะต้องเรียกจัดเก็บภาษีน้ำมันเพื่อใช้เป็นส่วนหนึ่งของงบประมาณในการบริหารประเทศ

จากเหตุการณ์การเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันโลกที่ส่งผลต่อราคาน้ำมันในประเทศไทย ส่งผลให้ผู้บริโภคอย่างเราๆต้องเผชิญกับวิกฤตค่าครองชีพภายหลังสถานการณ์ราคาพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น แถมราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกยังปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตามกลไกการทำงานของตลาด 
 
เหลียวกลับมามองที่ค่าแรงขั้นต่ำต่อวันของไทยที่ยังยืนหยัดอยู่ที่ 313 บาทต่อหัว ในขณะที่ราคาน้ำมันดีเซลพุ่งขี้นไปเกือบลิตรละ 30 ในขณะที่ราคาน้ำมันเบนซินแทบจะแตะ 40 บาทต่อลิตร คำถามที่เกิดขึ้นคือคนไทยจะใช้ชีวิตอย่างไรในเมื่อรายได้สวนทางกับค่าใช้จ่ายโดยสิ้นเชิง

ในขณะเดียวกันประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงของเราอย่างมาเลเซีย ที่แม้รายได้ขั้นต่ำต่อหัวไม่ต่างจากเรามากนัก เฉลี่ยอยู่ที่ 395 บาทต่อวัน แต่ราคาน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ลิตรละ 16 บาทเท่านั้น เรียกได้ว่าถูกกว่าเราเกือบเท่าตัวในขณะที่รายได้ต่อหัวเขาก็ยังได้มากกว่า
 
ประเทศผู้นำระดับโลกอย่างสหรัฐอเมริกา ที่รายได้ขั้นต่ำเฉลี่ยอยู่ที่วันละ 1,896 บาท หรือ 237 บาทต่อชั่วโมง แต่ราคาน้ำมันในประเทศมหาอำนาจแห่งนี้ยังคงอยู่ที่ 32.50 บาทต่อลิตรเท่านั้น (ข้อมูล ณ วันที่ 15 พฤศจิกายน)  
 
เป็นที่น่าเคลือบแคลงใจว่าประชาชนชาวไทยยังคงต้องทนใช้ชีวิตท่ามกลางวิกฤตสินค้าแพง ในขณะที่รายได้ยังคงเท่าเดิม อย่างนั้นหรือ? การแก้ปัญหาดังกล่าวทั้งเรื่องปากท้องและเศรษฐกิจ ยังคงเป็นที่น่าจับตามองต่อไปว่าหลังจากนี้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว จะออกมาแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างไร

ที่มา:
https://www.gov.uk/national-minimum-wage-rates
https://www.paycor.com/resource-center/articles/minimum-wage-by-state/
https://www.globalpetrolprices.com/
https://www.minimum-wage.org/
https://www.nationtv.tv/news/378849788
 

 
มาดามรถถัง จ่อส่งมอบรถเกราะล้อยางให้ภูฏาน ประจำการ UN เผยเคยให้กองทัพไทยใช้ แต่ติด กม. จึงไม่รับ
https://www.matichon.co.th/politics/news_3047699

มาดามรถถังเตรียมส่งมอบรถเกราะล้อยาง 15 คัน ให้ประเทศภูฏาน เพื่อประจำการที่ UN
 
เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน ที่บริษัท ชัยเสรีเม็ททอล แอนด์ รับเบอร์ จำกัด ต.คูบางหลวง อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี นางนพรัตน์ กุลหิรัญ เจ้าของฉายามาดามรถถัง ผู้ก่อตั้ง บริษัท ชัยเสรีเม็ททอล แอนด์ รับเบอร์ จำกัด เตรียมความพร้อมส่งมอบรถเกราะล้อยาง สีขาว 4×4 รุ่น First Win ในการปฏิบัติภารกิจของ UN จำนวน 15 คัน เพื่อส่งมอบให้ประเทศภูฏานนำไปประจำการที่สหประชาชาติวันที่ 19 พ.ย.นี้
 
นางนพรัตน์กล่าวว่า บริษัทเริ่มก่อตั้งในปี พ.ศ.2506 เริ่มค้าขายกับกองทัพไทย มีสัญญาฉบับแรกในสมัย พล.อ.ประภาส จารุเสถียร เป็นผู้บัญชาการทหารบก พ.ศ.2511 โดยมีสัญญาซ่อมบำรุงรถ ค่าขายอะไหล่รถให้กับกองทัพ ส่วนมากคือการซ่อมรถต่อเนื่องมาจนถึงวันนี้รวมระยะเวลา 54 ปีแล้ว สิ่งที่โรงงานเราทำคือ 
 
1. การซ่อมรถให้กองทัพทุกชนิด ตั้งแต่รถจิ๊ป M151 รถบรรทุกทหาร M35 รถกู้ซ่อม รถถังทุกชนิด รถถังจีน รถถังอเมริกัน M113 M60 M48
 
นางนพรัตน์กล่าวว่า 
 
2. เนื่องจากเราซ่อมรถมาเยอะ โดยเฉพาะรถเกราะล้อยาง รถข้อต่อสายพาน หรือที่เรียกว่ารถถัง ในโลกนี้มี 2 แบบ คือประเภทแบบตีนตะขาบ ซึ่งบริษัทชัยเสรีได้ผลิตช่วงล่างทั้งหมดของรถถังขายไปทั่วโลก 44 ประเทศ หมายถึงขายโดยตรงถึงกองทัพในแต่ละประเทศ 
 
และ 3. ชัยเสรีสามารถผลิตรถเกราะล้อยางที่เราออกแบบเอง โดยคิดค้นดัดแปลงรถปิกอัพมาติดเกราะแต่มีน้ำหนักมากจึงไม่ประสบความสำเร็จ
 
(ชมคลิป)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

“เราเอารถฮัมวี่มาติดเกราะก็ไม่ดีอีก เนื่องจากรถแต่ละชนิดที่เขาทำมาได้คำนวณน้ำหนักที่เหมาะสมแล้ว เมื่อเพิ่มเกราะไปการเคลื่อนที่ก็ลำบาก เราจึงคิดค้นออกแบบใหม่เป็นรถเกราะล้อยางที่สามารถกันกระสุน กันระเบิด รถเกราะของเราจึงไม่เหมือนรถเกราะของประเทศต่างๆ ที่กันเฉพาะห้องผู้โดยสาร ซึ่งรถเกราะล้อยางของเราสามารถป้องกันได้ทั้งคัน ใต้ท้องรถก็สามารถกันระเบิดได้ เราพัฒนาถึง 5 แบบจึงประสบความสำเร็จ และสามารถขายให้กองทัพ
 
“อุตสาหกรรมป้องกันประเทศนั้น เมื่อผลิตแล้วประเทศผู้ผลิตไม่ได้ใช้ก็อย่าหวังว่าจะไปขายให้ประเทศต่างๆ ได้ เพราะฉะนั้นอุตสาหกรรมป้องกันประเทศมีความสำคัญมาก คือเมื่อเราผลิตแล้ว ประเทศไทยเราต้องใช้ก่อน เมื่อเราขายให้กองทัพไทยได้ เราก็ขายให้กองทัพมาเลเซีย อินโดนีเชีย รวมถึงขายให้กับ UN เนื่องจากเราซ่อมรถให้กับ UN ทุกชนิด ประสบการณ์ในการซ่อมรถมาอย่างยาวนานจึงได้รับความไว้วางใจจากหลายๆ ประเทศทั่วโลก แต่ประเทศไทยมีแอ๊กชั่นในเรื่องแบบนี้น้อย เพราะถือเป็นหน้าตาของประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มของประเทศอาเซียน ไม่มีประเทศใดที่ผลิตและซ่อม นอกจากประเทศไทย ซึ่งก็มีคติอยู่ข้องหนึ่งคือไทยทำไทยใช้ไทยเจริญ” นางนพรัตน์กล่าว

นางนพรัตน์กล่าวต่อว่า เมื่อปี พ.ศ.2562 กองทัพไทยจะต้องไปรักษาสันติภาพที่ประเทศเซาท์ซูดาน ในฐานะสมาชิก UN ด้วยความเป็นห่วงคนไทยที่จะไปปฏิบัติภารกิจ ชัยเสรีจึงออกแบบรถเกราะพยาบาลที่สามารถช่วยคนได้เยอะๆ แต่กองทัพไทยบอกไม่มีเงินซื้อ เราจึงให้กองทัพไปใช้ไม่ต้องเสียเงิน แต่กองทัพปฏิเสธการรับเพราะไม่มีกฎหมายรองรับ ซึ่งเราก็เสียใจที่ทุ่มเททั้งกลางวันกลางคืน เพื่อสร้างรถเกราะพยาบาลที่ในโลกยังไม่มีใครทำ เมื่อ UN ทราบว่าประเทศไทยไม่รับ และเขามองในเรื่องความปลอดภัยของกำลังพลจึงยินดีรับ

“ชัยเสรีเป็นบริษัทเอกชน ไม่ได้ร่ำรวย เราให้กองทัพไทยเพราะเราเป็นคนไทย เพื่อตอบแทนคุณแผ่นดินเป็นสิ่งที่เราทำได้ UN มีเงิน เราจึงขายรถให้ไปในราคาต้นทุน ซึ่งเขาก็ยินดีรับรถเกราะล้อยางของเราไปประจำการที่สหประชาชาติ
 
“พระราชาจิกมี แห่งประเทศภูฏาน ได้ทำการทดสอบรถเกราะจากทั่วโลก พบว่ารถของประเทศไทยราคาไม่สูง คุณภาพดี เหมาะกับประเทศเขา จึงได้จัดซื้อ จำนวน 15 คัน โดยส่งคณะทหารมาฝึกการขับรถ การบำรุงรักษา การซ่อม มีทั้งชุดที่ประจำการที่ประเทศภูฏาน และประจำการที่สหประชาชาติ ทั้งหมดนี้มีสัญญาเรียบร้อยแล้ว โดยวันที่ 19 พ.ย.64 เวลา 14.00 น. เราจะมีการส่งมอบที่กระทรวงกลาโหม ศรีสมาน นนทบุรี ซึ่งจะมีทูตานุทูต ผู้แทนพระองค์ของพระราชาจิกมี เอกอัครราชทูต ประเทศภูฏาน นับว่าเป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่ส่งรถเกราะล้อยางไปประจำการที่สหประชาชาติ” นางนพรัตน์กล่าว
 
มาดามรถถังระบุเพิ่มเติมว่า ชัยเสรีของเราทำการตลาดกับประเทศต่างๆ ในการซื้อขายได้โดยตรงอยู่แล้ว แต่เรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับรัฐบาลจึงเจรจาและการทำสัญญาซื้อขายรถเกราะล้อยางแบบรัฐต่อรัฐ (Government to Government : G to G) โดยเสนอขายจากรัฐบาลเราไปยังรัฐบาลหลายๆ ประเทศ ซึ่งก็มีประโยชน์ต่อประเทศไทยมากที่สามารถผลิตยุทโธปกรณ์จำหน่ายไปทั่วโลก
 
“ในสภาวะแบบนี้รัฐบาลต้องมีผลงาน และแสดงถึงรัฐบาลไทยมีความเข้มแข็ง เป็นหนึ่งในผู้นำอาเซียน ได้เซ็น MOU กับกองทัพฟิลิปปินส์ในโครงการขายรถเกราะล้อยาง จำนวน 900 คันโดย ล็อตแรก จำนวน 200 คันก่อน เพราะฉะนั้นคนขายต้องตามคนซื้อ ถ้าเราจะไปตั้งกฎเกณฑ์โน่นนี่นั่นมากมาย ใครจะมาซื้อของเรา การที่เราได้งานแบบนี้ดีตรงนี้ทำให้คนงานเรามีงานทำในสภาวการณ์แบบนี้” มาดามรถถังกล่าว
 


'เลขาฯเพื่อไทย' ชี้ เมื่อแก้ รธน.ทีละประเด็นไม่ได้ คราวหน้าเสนอแก้ทั้งฉบับโดยขอประชามติจาก ปชช.
https://www.matichon.co.th/politics/news_3047820

‘เลขาฯเพื่อไทย’ ชี้ เมื่อแก้ รธน.ทีละประเด็นไม่ได้ คราวหน้าเสนอแก้ทั้งฉบับโดยขอประชามติจาก ปชช. ย้ำ ไม่ผ่านก็ยื่นเรื่อยๆ เพื่อแสดงเจตนาอันแท้จริงที่ต้องการแก้ไข รธน.ให้เป็น ปชต.มากที่สุด
 
เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีฝ่ายที่ไม่รับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับภาคประชาชน ระบุเหตุที่รับไม่ได้เพราะการเสนอแก้ไขเป็นการนำประเด็นไปรวมกับ 13 เรื่องที่ยื่นแก้ไขมาก่อนหน้านี้ ซึ่งหากอนาคตจะมีการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญอีก พรรค พท.จะมีแนวทางในการดำเนินการอย่างไร ว่า เราเสนอกันมาหลายรอบ นับครั้งไม่ถ้วน และยังมีความจำเป็นที่จะเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไป เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้ต้องแก้ไข ซึ่งตนเห็นว่า ถ้าจะเสนอแก้ครั้งหน้า จะต้องเสนอแก้ไขทั้งฉบับแล้ว
 
เมื่อถามว่า ก็อาจจะอ้างได้ว่า การเสนอแก้ทั้งฉบับก็เคยเสนอมาแล้ว และสภาก็ไม่เห็นชอบมาแล้ว นายประเสริฐกล่าวว่า ครั้งที่ผ่านมา กฎหมายประชามติยังไม่ผ่าน คราวหน้าประชามาติผ่านแล้ว ก็ใช้ประชามติของประชาชนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญในภาพรวมทั้งฉบับ ถ้าเสนอแยกประเด็นไม่ได้ ก็เสนอแก้ทั้งฉบับโดยใช้ประชามติจากประชาชน คราวนี้คุณจะอ้างไม่ได้แล้ว
 
เมื่อถามว่า คิดว่าเสนอครั้งหน้าจะผ่านหรือไม่ นายประเสริฐกล่าวว่า ได้ไม่ได้เป็นเรื่องของอนาคต แต่เราต้องแสดงเจตนาไปว่า เรามีความจำเป็นที่ต้องแก้ไข และถ้าจะให้รอ ส.ว.หมดไปตามบทเฉพาะกาล ก็จะนานเกินไป อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะผ่านหรือไม่ผ่านก็เป็นหน้าที่ของเราที่ต้องเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ประชาชนเรื่อยๆ เพื่อแสดงเจตนาอันแท้จริงที่ต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ให้เป็นประชาธิปไตยมากที่สุด
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่