ผังปฏิจจสมุปปาทแบบข้ามภพข้าชาติ:...มันไม่มีหรอก👉ภพชาติชรามรณะ..ในจิต..อันนั้นนักปรัชญาเขาตีความ

กระทู้คำถาม



หมายเลขที่-1: https://etipitaka.com/read/thai/24/103/
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
========================================
หมายเลขที่-2: https://etipitaka.com/read/thai/24/105/
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
=========================================
หมายเลขที่-3: https://etipitaka.com/read/thai/12/12/
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
============================================
หมายเลขที่-4: https://etipitaka.com/read/thai/10/57/
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
===========================================
หมายเลขที่-5: https://etipitaka.com/read/thai/21/154/
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
===========================================
หมายเลขที่-6: https://etipitaka.com/read/thai/16/63/
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้


สรุป
1. ปฏิจจสมุปปาท..ตลอดทั้งสาย.. เป็นการแสดงในลักษณะข้ามภพ-ข้ามชาติทั้งสิ้น..
    ไม่มีหรอก...ภพในจิต..ชาติชรามรณะในจิต..<--อันนี้เป็นการตีความที่จะเหลี่ยงเลี่ยงคำถามเรื่องชีวิตหลักความตาย
     ชาติก่อน-ชาติหน้า.. <--คือไม่รู้ว่าจะไปตอบเขาว่าอย่างไร...ก็เลยตอบไปอย่างนี้
     ไปดูนิยามของคำว่า " ชาติเป็นไฉน? ชรามรณะเป็นไฉน? ซิ... มันจัดให้ลงแบบขณะจิตไม่ได้เลย

2. ปฏิจจสมุปปาทแบบ..ขณะจิต..นะมีอยู่ตอนเดียวตามหมายเลข-5...
    คือผัสสะ..แล้วเกิดตัณหา-อุปาทาน..แล้วอนุสัยทั้ง3..ตามนอนบุคคลนั้น

3. การที่พระองค์กล่าวว่า
     " [๖๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เงื่อนต้นแห่งภวตัณหา ย่อมไม่ปรากฏในกาลก่อนแต่นี้ ภว ตัณหาไม่มี แต่ภายหลังจึงมี "...
    สงสัยไหมว่าทำไมไม่กล่าวรวม..." กามตัณหา..และ..วิภวตัณหา "..?  แต่กล่าวเพราะ " ภวตัณหา "...เท่านั้น
    ตอบ...เพราะว่านั้นคือ  " ก่อนชาติแรก... "...มันยังไม่มีผัสสะ...มันจะไปมีกามได้อย่างไร...
              และ..เมื่อยังไม่มีผัสสะ..มันก็ยังไม่มีปฏิฆะ..มันจะไปมี...วิภวตัณหา..ได้อย่างไร 
              ต้องมีนามรูป..มีผัสสะก่อน..ตัณหาทั้ง 2 จึงจะมีตามมา

4. ทุกๆผัสสะ..ที่เกิดขึ้น..ถ้ามนสิการไม่แยบคาย..อาสวะ 3 ก็จะเกิดขึ้น..และอนุสัย3..ก็จะนอนตามบุคคลนั้น..
     การมนสิการที่ไม่แยบคายหมายถึง...ปล่อยให้เกิด..ตัณหา.และ.อุปาทาน..ในผัสสะนั้นๆ 
     อุปาทานนี้หละ..จะไปก่อภพใหม่เมื่อมีการมรณะในชาตินี้
     นี่จึงเป็นที่มาของคำว่า " เมื่ออุปาทานเป็นปัจจัย..ภพจึงมี "..<---หมายถึงตายไปก็ไปมีภพใหม่..ไปได้ชาติใหม่..

5. ทำไม?...ไม่มีใครสงสัยนะว่า " ก่อนอวิชชา..มันจะมีได้อย่างไร??? " 
    ก็ในเมื่อ..อวิชชา..คือ..การไม่รู้ในทุกข์-การไม่รู้ในเหตุให้เกิดทุกข์-การไม่รู้ในเหตุให้ทุกข์ดับ-การไม่รู้ในวิธิดับทุกข์

    ตอนยังไม่มีอวิชชา.. หมายถึงรู้อริยสัจจ์..แล้วพออวิชชาปรากฏ..ก็กลับมาไม่รู้หรือไง??? <----ตอบว่าไม่ใช่

    มันมีวิธีเดียวคือ..." ตอนยังไม่มีอวิชชา.. มันคือตอนที่ไม่มีทุกข์ "....มันไม่มีขันธ์๕..ไม่มีชาติชรามรณะ
    ดังนั้น...จึงยังไม่มีอริยสัจจ์๔...ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า " ยังไม่มีอวิชชา "...
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่