ผิดไหมที่เราไม่อยากใกล้ชิด แม่ตัวเอง

คือ ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี พูดไป ก็เหมือนคนอกตัญญู  แต่เราอยากเล่า อยากระบาย บางครั้ง ในชีวิตจริงไม่สามารถเล่าให้ใครฟังได้
             เริ่มต้นจากพ่อเราเสียไปในวัยเด็ก ตอนเรา ป.3 มีน้องชายอีกคน ห่างกัน 3 ปี  แม่เราสาวและสวย อายุยังอยู่ในเลข 3 กลางๆ แม่เราขายอาหารตั้งแต่ช่วงบ่ายเย็นๆจนถึงช่วง4-5 ทุ่ม  ร้านจึงปิด จริงๆ ตอนพ่อเราเสีย เราก็ไม่ได้ทุกข์ใจมาก เพราะรู้สึกว่าแม่ ยังให้ความรัก ดูแลเราได้อยู่  แม่เรามีคนมาจีบเยอะแยะ แต่แม่ไม่สนใจ        
                จนกระทั่งวันหนึ่ง ประมาน ป.4 มีคนหนึ่ง มาจีบแม่ แม่เราชอบเขา จากที่เคยขายอาหาร กลับบ้านไม่เกินเที่ยงคืน แม่เราก็ กลับ ตี 2 ตี 3 ช่วงนั้น เราอยู่บ้านกับน้อง 2 คน เราไม่รุ้ว่าน้องเรายังไม่รุ้เรื่องหรือว่าอะไร แต่เรารู้แล้วทุกครั้งที่เราตื่น มาเห็นนาฬิกา ตี 2 แล้วแม่เรายังไม่กลับบ้านเราจะร้องไห้ทุกครั้ง เรารู้ว่าแม่เราไปไหน กะใคร แต่น้องเราไม่เคยร้อง  แม่เรากลับมาเห็นเราร้องไห้ ไม่เคยโอ๋ปลอบใจ อะไรทั้งนั้น กลับมาบ่นแต่ว่า ทำงานกลับมาเหนื่อยๆ ยังมาร้องไห้ น่ารำคาน  ชีวิตเราวนลูป อยู่กะการ รอแม่กลับบ้าน ดูนาฬิกา ร้องไห้ ประมาณ 1 ปี แม่ก็เอาพ่อเลี้ยงเข้ามาอยู่ในบ้าน  ช่วงเวลา ความเป็นส่วนตัวแม้กระทั่งความสุข ในการดูการ์ตูน ตอนเย็นก็หมดไป เพราะทีวีมีเครื่องเดียว ต้องแย่งดูกะพ่อเลี้ยง บ้านเราไม่ได้รวย แต่ยังดีที่มีบ้านที่พ่อซื้อไว้ให้อยู่ ไม่มีภาระหนี้ต้องส่งบ้าน  หลังจากนั้นเราก็เลือกที่จะเก็บตัวอยู่ในห้องนอน ลงมาแค่ตอนกินข้าว อาบน้ำ เสร็จธุระ ก็กลับเข้าห้อง เรานอนกับน้อง บ้านเรามี 2 ห้องนอน แม่นอนกับพ่อเลี้ยง เรานอนกับน้อง  อยู่มาแบบทุกข์ทนพอสมควร พ่อเลี้ยงเรามันชาวเกาะ หลังๆ แม่เราไม่ได้ขายของแล้ว เพราะแม่มีปัญหากับร้านข้างๆ (แม่เราโดนนินทาตั้งแต่ คบกับพ่อเลี้ยง ไปๆมาๆ ก็ต้องเลิกขายของเพราะ มีเรื่องกระทบกระทั่งพูดแขวะไปมา) แม่เราไปทำงานประจำ งานบริษัท มีรายได้พอสมควร แต่พ่อเลี้ยงเราก็ไม่ทำงานเป็นชิ้นเป็นอัน ขายของหนีเข้าบ้านนอน เรากลับจากโรงเรียน เจอนอนในบ้านบ่อยๆ พอบอกแม่ ก็มีปัญหา ทะเลาะกัน เรารู้สึกว่า แม่ไม่เคยให้ความสำคัญกับเราเรย รายได้ที่แม่ได้มา แม่แบ่งให้พ่อเลี้ยงก่อนเสมอ  เราพูดจริงๆ วันเงินเดือนแม่เราออก มันจะมานั่งรอ บอกว่ามีค่าใช้จ่ายอะไรที่ต้องจ่ายบ้าง ที่มันขายของไม่พอจ่าย ค่าผ่อนรถ โน่นนี่ นั่น  มันเอาเงินจากแม่เราไปเป็นก้อนตอนสิ้นเดือน แล้วมันบอกแม่เรา ว่าจะให้เงินลูกไปโรงเรียนแทน แต่มันไม่ได้ให้เราดีๆหรอก เวลาที่เราต้องขอเงิน ค่าอุปกรณ์อื่นที่ไม่ใช่แค่ค่าขนม เช่น งานประดิษฐ์ กระดาษ กรรไกร เราจะโดนมันด่าๆ ว่าโกหกบ้างละ อะไรบ้างละ เราต้องขอแม้กระทั่งเงินซื้อผ้าอนามัยจากมัน ซึ่งก็มีบ้างครั้งที่มันไม่ให้ การไม่มีผ้าอนามัยใช้ ทรมานมากบอกเรย เราเคยนอนร้องไห้ เพราะ มีประจำเดือน แต่ไม่มีผ้าอนามัยใช้ เราจะใช้ประหยัดที่สุด คือ ใส่มันนานๆ นั่นแหละ เวลาใกล้จะหมดเลือดออกน้อยๆ เราใช้ทิชชู่ รอง ซึ่งมันก็ ไม่ได้ทดแทนกันได้หรอก เราทนๆๆๆ จนกระทั่งเราเริ่มอยู่ ม.ต้น  เราเบื่อกับชีวิตในบ้าน เราอยากอยู่ในบ้านให้น้อยที่สุด เราเริ่มมีแฟน จริงๆ เราไม่ได้อยากมีแฟนหรอก เชื่อมั๊ย เราแค่อยากหนีจากบ้าน อยากมีเวลาอยู่ในบ้านให้น้อยที่สุด เดิมก่อนหน้านี้เราสนิทกับน้องเล่นกันทุกวัน แต่พอเรามีแฟน เสาร์-อาทิตย์ เราเริ่มไม่อยู่บ้าน ออกมันทุกวันที่ออกได้ 8 โมงเช้า ออกจากบ้าน กลับบ้าน 6 โมงเย็น ทั้งแม่ทั้งพ่อเลี้ยง ด่าเราเสียๆ หาย ๆ แบบบางครั้งเดินออกจากซอย เสียงด่ายังตามไล่หลัง เราออกมาเรย แต่เราเป็นเด็กเรียนดี แบบเรียนเก่งเรยแหละ แต่บอกตรงๆ จากความฝันที่อยากเป็นหมอ เราก็ไม่เข้มแข็งพอที่จะขยันอ่านหนังสือ สอบให้ได้ คือเราทำยังไงก็ได้ที่จะไม่ต้องอยู่บ้าน จะเอาเวลาที่ไหนไปอ่านหนังสือ เราเปลี่ยนสายเรียนบริหารธุรกิจ คือแบบถึงไม่สนใจ อ่านก็ยังพอสอบได้ ตอนนั้นยอมรับตรงๆ ว่า เราเห็นแก่ตัว เราไม่ได้สนใจน้องเรยว่าน้อง อยู่ อย่างไร เราเอาแต่ตัวเอง เราพยายามอยู่บ้านให้น้อยที่สุด  พอเราขึ้น ม.ปลาย ปิดเทอมเราไปหางานทำ ตอนนี้ปัญหาทางการเงิน เราดีขึ้นละ ทุกปิดเทอม เราทำงาน มีเงินซื้อเสื้อผ้าใส่เอง มีเงินซื้อของใช้ส่วนตัว แต่เงินไปโรงเรียน ยังต้องขอ จากแม่และพ่อเลี้ยงนะ แต่เราจ่ายค่าเทอมตัวเองนะคะ พอมหาลัย เราไปอยู่ หอ เพราะไกล เดินทางไปกลับไม่ไหว เอาเวลาเดินทางไปกลับ ไปทำงาน พาร์ทไทม์ ตอนนี้แม่เราไม่ได้ส่งเราเรียนแล้ว มีเงินจากปู่ ให้เรา เดือนละ 2-3 พัน เราเป็นคนไปขอร้อง ให้แกส่งเราเอง แต่แม่เราด่าเราหนักมาก เหมือนเราหน้าด้านทำให้เขาอับอาย ไม่มีศักดิ์ศรี นู่น นี่ นั่น ตอนนั้นเราอยากเรียน ลำพังทำงานพาร์ไทม์ กับช่วงปิดเทอม ไม่พอค่าเทอม ค่ากิน ค่าอยู่ หรอก แม่เราไม่เคย ส่งเงินให้เรยจริงๆ ไม่เคยมาดูด้วยซ้ำว่าหอเราอยู่ยังไง ไม่เคยถาม ว่าเงินพอใช้มั๊ย อยู่อย่างไร เรายังรักดีค่ะ เราอยู่หอหญิง แชร์ค่าห้องกะเพื่อน เวลาที่เห็นแม่เพื่อนโทรหาเพื่อนด้วยความรัก ทุกเย็น รู้สึกอิจฉาแบบบอกไม่ถูก เขาถามสารทุกข์สุกดิบกันทุกวัน แต่เวลาแม่เราโทรมา มักจะมีแต่ เรื่องร้อนหู ร้อนใจ เราแทบไม่กลับบ้านเรย ตลอด 4 ปีที่เรียน น้องเราก็เป็นเด็กมีปัญหาไม่น้อยไปกว่าเราหรอก น้องเราเรียนไม่จบ ม.ปลาย แต่ตอนนั้น เราไม่ค่อยกลับบ้าน เวลาเรากลับไปมักทะเลาะกับพ่อเลี้ยง และช่วงเราเรียนมหาลัย แม่และพ่อเลี้ยงเรามีปัญหาระหองระแหงกัน บ้านยิ่งไม่น่ากลับเข้าไปใหญ่ เราถึงกลับเคย ไปบนให้แม่กะพ่อเลี้ยงเลิกกันเรยนะ แต่เขาก็ไม่เลิกกัน เรายึดแฟนเป็นที่พึ่งทางใจ เราไขว้คว้าหาความรัก หาคนเข้าใจ เราพยายามหาใครมาคุยโทรศัพท์กับเราในช่วงที่รูมเมทเราคุยกะแม่เขา ใครโทรมาเราคุยหมดแหละ แต่เรายังดีที่ไม่หลงรักใครง่ายๆ เราคุยหมด ทั้งชอบไม่ชอบเพื่อฆ่าเวลา เพื่อหาเพื่อน คิดย้อนไปแล้วสมเพชตัวเองมากเรย และก็ถึงวันที่เราเรียนจบ เราจบได้สักปีนึงมั้ง แม่เราก็เลิกกับพ่อเลี้ยง แต่เราไม่อยากกลับบ้านแล้ว ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่เรา ไม่อยากคุยกับแม่ เราทำงาน แม่เราก็เรียกร้องนะ ว่าควรให้เงินแม่ใช้บ้างเพื่อตอบแทนบุญคุณ เราก็ให้ เดือนละ 1,000-1,500 บาท เงินเดือนเริ่มทำงาน 9 พัน  ให้เงินแม่อยู่ประมานปี ถึง 2 ปี แต่เราก็ไม่เคยกลับบ้าน ไม่เคยไปนอนค้างคืนที่บ้านเรย และเราก็แต่งงาน สินสอดเราเอาไปใช้หนี้ให้แม่ค่ะ สินสอดเราไม่ได้เยอะ เราเข้าใจสถานะตัวเอง ว่าเราไม่รวย ไม่มีสมบัติ เราไม่กล้าเรียกร้องจากฝ่ายชาย บ้านผู้ชายก็ไม่ได้มี แต่เราได้มาก็ไปใช้หนี้ให้แม่นะ แต่แม่เราว่าเรานะ ว่าเรียนจบยังใช้ไม่คุ้มเรยแต่งงานซะแล้ว คำนี้ติดใจเรามาก เราคืออะไรสำหรับแม่ หลังจากแต่งงานได้  1 ปี เราท้องเราก็เลิกให้เงินแม่ เพราะตอนท้องเราต้องใช้เงินหาหมอ พอเราคลอดออกมา เราก็ต้องให้เงินแม่สามี เนื่องจากแม่สามีมาช่วยเลี้ยงลูก แม่เราทำงาน แม่เราทำงานได้เงินมากกว่า ที่เราให้เงินแม่สามีค่ะ  และหากเขาขอมากกว่านี้เราก็ไม่ไหว เราก็ไม่เคยกลับไปนอนบ้านแม่เราอีกเหมือนเดิมค่ะ แต่ถ้าเรามีเงินโบนัสออก เราพาแม่เราไปเที่ยวนะคะ ชีวิตเรา สับสนอยู่ระหว่างความรักและความเกลียดชังแม่ ตัวเอง พอเรามีลูกเรานึกย้อนไป กลับรู้สึกว่าเขาทิ้งให้เราอยู่กะน้อง 2 คน ตอนกลางคืนได้อย่างไร ความรู้สึกโกรธ ก็ย้อนไปมา  แม่เราค่อนข้างรักน้องเรามากกว่าเราสักหน่อย ถึงแม้น้องเรียนไม่จบ ก็ยังหาเงินลงทุนเปิดร้านค้าขายให้ ซื้อรถปิคอัพให้ทำมาหากิน เราก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ เพราะก็รู้ว่าน้องไม่ได้เรียน แต่แม่ไม่เคยมีน้ำใจกับเรา คำพูดเขามีแต่ทวงๆ บุญคุณกะเราเราเคยพูดนะ ว่าเราไม่ได้อยากได้อะไรเท่าน้อง ขอแค่ให้มีใจนึกถึงเราบ้างก็พอ เช่น สมมุติ มีเงิน 500,000 ให้เรา 100,000 เดียวก็ดีใจแล้วที่นึกถึงเรา พอพูดไปก็เหมือนจะดีขึ้นแปปๆ สักพักก็เหมือนเดิมอีก เวลาที่แม่เรามีธุระ และใช้เราไม่ได้อย่างใจ เช่น ใช้สามีเราให้ไปซ่อมบ้าน ถ้าเราบอกว่า ไม่ว่าง ไม่สะดวก ก็จะขุดๆ เรื่องเราขึ้นมาด่า  เราไม่อยากอยู่ใกล้เรย และก็บางครั้ง คิดว่าเราอาจทำกรรมกับเขามา เขาจึงไม่รัก เมื่อก่อนเวลาเขาให้อะไรน้องเรารู้สึกอยากได้บ้าง ถึงจะได้ไม่เท่าไม่เหมือน แต่ตอนนี้เรากลับคิดว่า ไม่อยากได้อะไรจากเขา เพราะไม่อยากให้เกิดบุญคุณกันอีก ผิดไหมคะ ถ้าเราไม่อยากเกิดมาเจอแม่อีก เรียกว่า อกตัญญูมั๊ยคะ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่