ลำไยยายย่ามากๆ…ตำราการตั้งครรภ์และเลี้ยงลูกสมัยก่อนกับสมัยนี้มันต่างกันหน้ามือกับหลังมือเลยเหรอคะ?

ท้องได้ 5 เดือนนิดๆ แล้วค่ะ น้ำหนักขึ้นมาถึงตอนนี้ 3.5 กก. (ช่วงแรกๆแพ้เยอะหน่อย) เพิ่งอัลตราซาวด์คุณหมอก็ว่าลูกโตดีตามเกณฑ์ค่ะ ปกติราบรื่นดีไม่มีปัญหา แต่ถึงจะน้ำหนักขึ้นไม่มาก เดี๋ยวตอน 6 เดือนก็จะให้ตรวจคัดกรองเบาหวานอยู่ดี เพราะเราอายุมาก และพันธุกรรมมีคุณยายเป็นเบาหวานด้วยค่ะ ทุกวันนี้เน้นกินโปรตีน ผัก ผลไม้ที่ไม่หวาน คุณหมอยังชมเลยค่ะ ว่าดูแลได้ดี

แต่ที่น่ารำคาญใจก็คือ 2 แม่นี่ล่ะค่ะ…ทั้งแม่ตัว และแม่สามีเลย จนเราถึงกับสงสัยว่าตำราการตั้งครรภ์สมัยก่อนกับสมัยนี้ไม่เหมือนกันเหรอคะ? ทำไมเราโดนบ่นโดนว่าทุกข้อเลย

1. เรื่องน้ำหนักตัวนี่ล่ะค่ะ คือเราไม่ได้ใส่ชุดคลุมท้อง คือช่วงตัว แขนขา ยังเท่าเดิมค่ะ มีแต่พุงที่ป่อง เลยยังใส่ชุดเดิมๆได้ เช่น เดรสที่ปล่อยๆเอว, เสื้อเชิ้ตที่หลวมๆหน่อย แต่พวกกางเกงเดิมเราใส่ไม่ได้แล้วนะคะ ซื้อเลกกิ้งคนท้องมาใส่แทน แล้วพอวันไหนแม่ๆมาเยี่ยม ก็มาเอะอะโวยวายใส่เราทุกที ว่าไม่บำรุงเลย หลานจะตัวเล็ก มีแต่มาเคี่ยวเข็ญให้กินเยอะๆๆ บอกแต่ละท้องต้องน้ำหนักขึ้น 20 กก. เป็นอย่างน้อยค่ะ (ห๊ะ! ใช่เหรอ?)

2. ตอนนี้นมตราหมีเต็มบ้านแล้วค่ะ น่าจะกินได้ยันลูกครบขวบ แม่ๆขนซื้อมากัน บอกว่าให้กินแทนน้ำเลย (ก่อนท้องเรากินนม 1 แก้วทุกเช้ามาตลอดค่ะ พอท้องคุณหมอให้เพิ่มอีกแค่ 1 แก้วตอนไหนก็ได้ อย่ามากกว่านี้เดี๋ยวลูกจะเกิดมาแพ้นมวัวค่ะ) แม่ๆบอกตอนท้องก็กินนมแทนน้ำเช่นกัน นี่ยังงงอยู่ว่าแล้วเรากับสามีเกิดมาไม่แพ้นมวัวกันได้ไง?

3. กลับไปที่เรื่องเบาหวาน เราเล่าตามที่คุยกับคุณหมอให้แม่ๆฟังแล้วนะคะ แต่ก็มิได้นำพาแต่อย่างใด แม่เราเอาถั่วเขียวต้มน้ำตาลมาจะให้กินบำรุง ยิ่งแม่สามีเอาทุเรียนมาให้กินค่ะ บอกว่ากินทุเรียนเยอะๆ เด็กจะสมองดี ผิวดี (ห๊ะ! ตำราไหน? -- อันนี้ไม่มีทางค่ะ เกิดมานี่ทุเรียนเข้าปากไม่เกิน 3 ครั้งแน่ๆ เป็นคนไม่กินทุเรียนค่ะ…เหม็น)

4. พอรู้ว่าเรายังขับรถไปไหนมาไหนเองอยู่ก็โวยวายกัน ทั้งๆที่คุณหมอก็บอกว่าขับได้ยัน 8 เดือนโน่นค่ะ บางคนขับไปคลอดเองยังมี!

5. สามีเรานางเห่อลูกค่ะ สั่งซื้อเสื้อเบบี๋มาเตรียมไว้แล้ว พอแม่ๆมาบ้านมาเห็นเข้าก็โวยวายกันอีก แล้วมาวุ่นวายกับลิสต์รายการที่เราเตรียมไว้ซื้อของ บอกห้ามซื้อก่อนนะ (ห้ามได้ที่ไหน เดี๋ยวเราจะซื้ออยู่ดีค่ะ รอคลอดแล้วค่อยซื้อมันทันที่ไหนล่ะ? และบางทีซื้อช่วงปลายปีมีโปรด้วย) มีการมาตัดรายการโน้นนี้ออกด้วย บอกเดี๋ยวให้เอาของเก่าของหลานคนนั้นคนนี้มาใช้ อันนี้หงุดหงิดจริงค่ะ…ก็เราจะซื้อของใหม่ให้ลูกเราอ่ะ จะทำไม?

6. อันนี้แม่เราเองค่ะ จะไม่ยอมให้ซื้อคาร์ซีทค่ะ บอก 6 เดือนแรกเด็กยังคอไม่แข็ง บอกให้แม่อุ้มเวลานั่งรถ ซึ่งเราบอกว่าคาร์ซีทมันมีแบบที่ใช้ได้ตั้งแต่แรกเกิด มีซัพพอร์ตคออย่างดี และเมืองนอกก็มีกฎหมายถ้าไม่มีคาร์ซีทไม่ให้รับเด็กออกจาก รพ นะคะ แม่ก็ยังยืนยันว่าลูกหลานทุกคนไม่มีใครเคยนั่งคาร์ซีท (แต่เรานี่แหละ…คือลูกของแม่คนที่แม่เคยทำหัวโขกกระจกตอนพ่อเบรกรถมาแล้วตั้งแต่ยังไม่เข้าโรงเรียน ส่วนหลานๆนี่ปีนป่ายกันทั่วรถเลยค่ะ ไปเบาะหน้าเบาะหลัง นั่งรถด้วยน่ารำคาญมาก) เราก็ยืนยันว่าเราจะให้ลูกนั่งคาร์ซีทเสมอ เราจะไม่มีวันอุ้มลูกเราบนรถเด็ดขาด เพราะคาร์ซีทมันเซฟตี้กว่า มีแม่ทำลูกหลุดมือเวลาเกิดอุบัติเหตุมามากแค่ไหนแล้ว? กลายเป็นแม่ตีความว่าเราไม่กล้าอุ้มลูกนั่งรถ เลยต้องซื้อคาร์ซีท แม่เลยบอกว่างั้นถ้าจะไปไหน แม่มาอุ้มลูกเรานั่งรถให้ก็ได้ (กรีดร้องอยู่ในใจ ไ ม่ เ อ า โ ว้ ย ย ย…)

7. แม่เราเองอีกค่ะ บอกนมแม่ไม่ต้องให้หรอกนะ เด็กกินนมแม่มีแต่ตัวผอมๆ ให้กินนมผงดีกว่าจะได้ตัวอ้วนๆดี (ตัวอ้วนๆมันดียังไง?)

จิตตกรายวันค่ะ…กับยายย่าเนี่ย มาเยี่ยมทีไรนี่แทบอยากจะปิดบ้านทำเป็นไม่อยู่ หรือถ้าไม่กลัวว่าจะแตกตื่นกันไปเกินเบอร์นี่อยากจะปล่อยข่าวว่าติดโควิดงดเยี่ยมแล้วค่ะเนี่ย ใครมีวิธีรับมือยังไงได้บ้างคะ? นี่ขนาดยังไม่คลอด เห็นแววถ้าคลอดแล้วจะบันเทิงกว่านี้อีกค่ะ แหม…ถ้ารวยๆนี่น่าซื้อบ้านใหม่แอบย้ายหนีไม่บอกที่อยู่ซะเลยค่ะ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่