เงินเก็บ คือเรื่องจำเป็นของทุกคนอะค่ะ ยิ่งตอนนี้นะ เจอโควิด เสี่ยงตกงาน เจอน้ำท่วมอีก รายรับหาย รายจ่ายบาน คือมีแต่จ่ายๆๆๆๆๆ จริงๆ เราเองถึงจะไม่ตกงาน มีงานทำ แต่ก็ได้รับผลกระทบเหมือนกัน อย่างข้าวของแพงนี่ก็ใช่ ล่าสุดซื้อไข่มา ยกแพงไป 100 กว่าบาทแล้ว ทำให้ชีวิตตอนนี้เริ่มคิดถึงเงินเก็บแบบจริงๆจังๆมากขึ้นค่ะ
ไม่ใช่ว่าที่ผ่านมาไม่มีเงินเก็บนะคะ มันเป็นแบบเล็กๆน้อยๆ ไม่ได้เป็นก้อนใหญ่ๆที่จะเอามาอุดรอยรั่วค่าใช้จ่ายได้ทั้งหมด ที่เค้าว่า ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา ก็คือเรื่องจริง เพราะถ้าไม่เจอสถานการณ์แบบนี้ก็คงไม่คิดถึงเงินเก็บ คงไม่อยากวางแผนการใช้เงินเหมือนกันค่ะ
เราก็เลยมาสำรวจตัวเองว่าจะมีวิธีไหนที่จะมีเงินเพิ่มได้บ้าง สิ่งแรกที่คิดเหมือนๆทุกคนคือ หาอาชีพเสริมค่ะ
ซึ่งมันก็จะมีอาชีพเสริม 2 ประเภทที่เราคิดเองนะคะ คือเลิกงานประจำ ไปทำอีกที่นึง แต่อันนี้ตัดไปได้เลย เพราะที่ทำงานเราเลิกดึกคือ ทุ่มนึง กว่าจะเดินทางกลับหอพัก ขึ้นวิน บีทีเอส ต่อรถประจำทาง ตีไปกลมๆสามทุ่ม แล้วงานเสริมที่หามาคือ เลิกดึกมาก ค่ารถแพงอีก สรุป ทำงานเสริมแล้วมาหาจ่ายค่ารถกลับไม่คุ้มค่ะ เลยตัดข้อนี้ไป
อีกแบบก็จะเป็น สกิลเสริมในการทำอาชีพ แบบคนชอบทำกับข้าวก็ทำกับข้าวขาย ทำอาหารขาย เดี๋ยวนี้คนขายกันเยอะ แต่เราไม่มีฝีมือจริงๆ คือ ทำไม่ได้เลยค่ะ เคยฝึกแล้ว รสชาติก็เป็นแบบที่เรากินได้อ่ะ แต่คนอื่นไม่ได้อร่อยด้วย

แบบไม่ได้จริงๆค่ะ เลยตัดข้อนี้ไปอีกเหมือนกัน
ทีนี้ทำไงดี เลยกลับมามองว่า เงินเดือนจากงานประจำเนี่ย พอจะจัดการให้มันเป็นเงินเก็บบางส่วนได้มั้ย ช่วง 2-3 เดือนก่อนเลยเร่งปิดบัตรที่เหลือจนหมดค่ะ ทำให้เงินที่ต้องจ่ายบัตรกลายเป็นเงินเก็บแทน แต่ก็อยากเก็บได้มากกว่านี้อีก เลยคิดหาวิธีใหม่ๆ
อันนี้จะเป็นวิธีที่เราเจอมาจากที่อื่นนะคะ อ่านบทความบ้าง มีคนรอบตัวมาแนะนำบ้างค่ะ พอเอามาใช้จริงก็เวิร์คนะคะ ได้เป็นเงินก้อนหลักหมื่นแบบหยิบจับได้จริงๆ ซึ่งหลักๆที่เปลี่ยนการใช้เงิน มีการวางแผนมากขึ้น เราใช้ 3 คำนี้ค่ะ เก็บให้ได้ จ่ายให้คุ้ม และลงมือทำเองค่ะ
1.ลด ละ เลิก ใช้แบงค์ 50 และเก็บแบงค์ 100 เมื่อแตกแบงค์ใหญ่ เป็นวิธีการที่ง่ายมาก แบบเบสิคเลยค่ะ คนทั่วไปทำกันเยอะ เก็บแปบๆก็ได้เงินก้อนใหญ่แล้ว เห็นแล้วอยากลองทำบ้าง เลยลองเก็บดูค่ะ พอได้แบงค์ 50 ก็เก็บ ไม่ใช้ ไม่จ่าย เอาแบงค์อื่นจ่ายแทน ใช้แทน พอแตกมาเป็นแบงค์ 50 ก็เก็บอีก แล้ววันไหนแตกแบงค์ใหญ่ก็จะเอาไปรวมกับกองนี้ทุก 100 บาทด้วยค่ะ อันนี้เราคิดขึ้นมาเองค่ะ แบบไหนๆก็แตกแบงค์ใหญ่แล้ว แบ่งเก็บบ้างจะเป็นไรไป อย่างเมื่อวานแตกแบงค์พัน ก็แบ่งเก็บ 100 บาท เอามารวมๆกันไรงี้ ก็ได้เยอะอยู่นะคะ นี่เก็บมา 2-3 เดือนก็ได้หลายพันแล้วค่ะ
เพิ่งเก็บได้ไม่กี่เดือนเองค่ะ ไม่เยอะเท่าไหร่ หวังว่าเก็บไปนานกว่านี้จะเป็นเงินหมื่นกับเค้าบ้างนะคะ ฮ่าๆๆๆ
2. สมัครสมาชิกออนไลน์ ได้ส่วนลดเพียบ แม้เราจะลดละเลิกบางอย่าง แต่บางอย่างมันก็ต้องซื้อใช้ทุกเดือนจริงๆค่ะ ของเราที่จ่ายประจำนอกจากของใช้ส่วนตัว ซื้อของเข้าหอ ก็สกินแคร์เนี่ยแหละค่ะ ราคาไม่เบา แล้วยังต้องใช้ทุกเดือนอีก

ดังนั้น ไหนๆก็ต้องจ่ายล่ะ สมัครสมาชิก เอาส่วนลด เอาแต้มมันซะเลยค่ะ เป็นการจ่ายที่คุ้มค่าและได้ส่วนลดกลับคืนมาจากการใช้จ่ายแต่ละครั้งด้วย ไหนจะโปรโมนชั่นเสริมอีก อ่ะ เอาให้คุ้มกันไปเลยค่ะ
ผลจากการเป็นสมาชิก MAC เราเอาลิปสติกที่ใช้หมดแล้วไปแลกเป็นลิปสติกใหม่ได้ 1 แท่งค่ะ บอกเลยประหยัดค่าลิปไปได้อีก 2-3 เดือนค่ะ
3.ประกันชีวิต เป็นเมื่อก่อนตอนทำงานใหม่ๆ มีแค่ประกันตัวสองตัว กับประกันสังคมแล้วก็สวัสดิการออฟฟิศก็พอแล้วค่ะ แต่พอชีวิตโตขึ้น ความเสี่ยงมันเยอะขึ้นค่ะ จากโรคเอย อุบัติเหตุเอย แล้วค่ารักษาส่วนนี้มันเยอะมาก ยิ่งปีที่ผ่านมาคือ ปีแห่งการเจ็บป่วย ปีแห่งอุบัติเหตุเยอะมากๆ เลยอยากซื้อประกันชีวิตที่มันชัดเจนไปเลยเรื่อง ค่ารักษาอุบัติเหตุแบบที่ดีที่สุด เท่าที่เราจะจ่ายได้ค่ะ
เมื่อต้นปีที่ผ่านมาเลยซื้อประกันมาถือเพิ่มอีกตัวค่ะ ซึ่งตัวที่เราซื้อคือ ประกันสุขภาพ good health ของโตเกียวมารีนค่ะ ตัวนี้จะเป็นแบบเหมาจ่าย ตัดปัญหาค่าใช้จ่ายงอก ค่าห้องเอย ค่าหมอ ค่าแอดมิดป่วยนอกป่วยใน ตัวนี้จะจ่ายให้หมดค่ะ แถมพอครบปีไม่ได้เป็นอะไรก็เอาไปตรวจสุขภาพประจำปีแทนได้ด้วย คือซื้อประกันตัวนี้แล้วช่วยตัดปัญหาไม่ต้องจ่ายค่าเจ็บป่วยเพิ่มเติม เพราะอย่าลืมด้วยว่า สถานการณ์ปีนี้ เงินทองหายากค่ะ ไม่รู้ว่า จะต้องควักเงินจ่ายค่าเจ็บป่วยเอง นอกเหนือจากที่ประกันสังคมจ่ายให้หรือเปล่า เพราะพอถึงเวลาเจ็บป่วยเราก็ไม่รู้หรอกค่ะว่า ส่วนนี้ครอบคลุมด้วยมั้ย เดี๋ยวก็ได้เอาเงินเก็บออกมาจ่ายเองเหมือนปีที่ผ่านๆมาอีกอ่ะค่ะ ก็ซื้อประกันไว้อุ่นใจกว่าค่ะ ช่วยเซฟค่าเจ็บป่วยในอนาคตไปในตัว ไม่ต้องกังวลเรื่อง ค่าใช้จ่ายตรงนี้เลยค่ะ
ดังนั้น ลงทุนกับประกัน ลงทุนกับชีวิตเราถือว่าเป็นการจ่ายที่คุ้มค่ามากๆและช่วยลดการจ่ายเงินก้อนโตจากการเจ็บป่วยในอนาคตไปได้เยอะสุดๆค่ะ แถมเอาไปลดหย่อนภาษีดีอีกด้วย คุ้มค่าที่สุดแล้วค่า
4.บัญชีเงินฝาก ที่นึกถึงแรกๆคือ บัญชีเงินฝากประจำค่ะ แต่ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่มีเงินเย็นค่ะ ฮ่าๆๆ คือ เราเป็นคนมีวินัยในการเงินประมาณนึงนะคะ แต่ไม่ถึงขั้นแบบเข้มงวดอะไรมาก เลยไม่แน่ใจว่า บัญชีเงินฝากประเภทนี้เหมาะกับเรามั้ย แล้วก็มองๆอีกตัวคือ ประกันเพื่อเงินออมค่ะ แต่ก็จะถอนมาใช้ไม่ได้เหมือนกับบัญชีเงินฝากประจำค่ะ แล้วก็เป็นการลงทุนระยะยาวด้วยค่ะ คือมันไม่สะดวกเราจริงๆ ไว้รอดูอีก 2-3 ปี ถ้ามีเงินเย็นมั่นคงกว่านี้ก็อยากลองลงทุนดูค่ะ เพราะสองตัวนี้ผลตอบแทนระยะยาวค่อนข้างมั่นคงแล้วก็สูงอยู่เหมือนกัน
สรุปเลยมาออมกับบัญชีเงินฝากดิจิทัลแทนค่ะ ตัวนี้จะสามารถเบิกถอนได้ตลอด(เผื่อฉุกเฉินจำเป็นต้องใช้จริงๆ) เปิดปิดก็ไม่ต้องใช้บัญชี แค่โหลดแอพในมือถือก็ฝากถอนได้เลยค่ะ แล้วบัญชีประเภทนี้ก็ยังให้ดอกเบี้ยสูงกว่าฝากประจำด้วยค่ะ เราจะเปิดอยู่ 2 ธนาคารคือ กสิกรกับกรุงศรีค่ะ ดอกเบี้ยตอนนี้อยู่ที่ 1.500% ต่อปี ( จริงๆก็แล้วแต่เลือกมากกว่าว่าธนาคารไหนให้ดอกเบี้ยสูง ยังไงเพื่อนๆก็ลองหาข้อมูลเทียบเองดีกว่านะคะ) สำหรับเราคือ โอเคเลยกับการเก็บเงินแบบนี้เพราะ เป็นได้ทั้งเงินออมยามจำเป็นและได้กำไรจากที่ลงทุนด้วยค่ะ
5.กินข้าวบ้าน เคยมีความคิดว่าซื้อกินสะดวกกว่า เพราะไม่ต้องจ่ายค่าแก๊ส ซื้อเครื่องปรุงหลายสิบขวดอุปกรณ์ครัวต่างๆเพิ่มเติม แต่เห็นมีหลายคนแนะนำวิธีนี้กันเยอะมากๆ เลยลองทำดูค่ะ อย่างแรกที่พอทำข้าวกินที่บ้านผ่านไปได้เดือนเห็นชัดๆเลยคือ อิ่มขึ้น ฮ่าๆๆๆ คือมันได้กินในปริมาณที่อิ่มและคุ้มมาก ตักเท่าไหร่ก็ได้ไม่อั้นและที่สำคัญถูกปากค่ะ เลือกวัตถุดิบเองได้ด้วย ชอบไม่ชอบอะไรก็ใส่ไป และที่สำคัญ ประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปกินข้าวนอกบ้านด้วยค่ะ จากที่ต้องนั่งรถต่อไปกินข้าว ต้องไปยืนรอคิว เผื่อเวลาร้านข้าวปิด ปัญหาเยอะ ก็ตัดจบ กลับมาทำกินเองที่บ้านแถมยังทำให้ได้กลับบ้านมากินข้าวไวขึ้น ได้นั่งกินข้าวผ่อนคลายไปกับการดูหนังสักเรื่อง ได้ทั้งประหยัดเงิน คุ้มค่าเงินที่จ่ายค่ากับข้าวและได้มีเวลาพักผ่อนเพิ่มมากขึ้นด้วย ทำให้หลายเดือนมานี้แทนที่จะกรอบเพราะเงินไม่มี กลับอ้วนขึ้น 1-2 โล สรุป ไม่อดค่ะ อิ่มมาก ฮ่าๆๆๆ
ใส่กล่องไปกินที่ทำงานก็มีนะคะ ทำมื้อเดียวกินเช้า กลางวัน เย็นไปเลย ทำแต่เมนูที่ชอบ แล้วก็ดีที่เป็นคนกินง่าย เบื่อยาก เมนูเดียวก็กินได้ทั้งวันก็ไม่เบื่อค่ะ
5.ซ่อมเองบ้าง รับบทนางซ่อมค่ะ อยู่หอคนเดียว ของบางอย่างพังก็ซ่อมเองได้ หรือถ้าไม่รู้โทรถามคนที่บ้าน ไม่ก็กดเสิร์ชหาวิธีซ่อมง่ายๆจากอินเตอร์เน็ท เดี๋ยวนี้มีคนแชร์เยอะแยะแถมบางวิธีคือ ง่ายกว่าที่คิดอ่ะสารพัด 108 วิธีเลือกเอาค่ะ นอกจากจะประหยัดค่าซ่อมแล้ว นี่ยังได้ทักษะส่วนตัวเพิ่มไปอีกค่ะ ล่าสุดนี่ก็เพิ่งซ่อมซิงค์ที่มันอุดตันเพราะตอนทำกับข้าวเศษอาหารมันลงไปอุดตันค่ะ นี่ก็ไปเลยค่ะ ซื้ออุปกรณ์ช่างมาไว้เพราะยังไงอยู่หอ ท่อมันตันบ่อยแน่ๆ ซื้อครั้งเดียวใช้ได้อีกหลายสิบปีค่ะ ก็ใช้ปั๊มลงยาง ปั๊มๆดูดๆ แล้วเอาท่อดักกลิ่นออกมาล้างๆ แปบเดียว น้ำไหลลงรูเร็วขึ้นมากๆค่ะ
6.ของมือสองก็ดีนะ ของมือหนึ่งอาจจะแพงไป ลองมองหาของมือสองดีๆมาใช้แทนก็ได้ เดี๋ยวนี้คนขายกันเยอะเยอะ ของมือสองสภาพดี มีเพียบ แถมราคาถูกกว่าตั้งครึ่งนึง เมื่อก่อนก็ไม่เคยซื้อ แต่พอเปิดใจซื้อ โห ของดีๆเพียบ แล้วใช้ดีกว่าที่คิดด้วยค่ะ มีรองเท้าคู่นี้ซื้อมือสองคนเค้ามาปล่อยขายก็สภาพดีมาก ถูกกว่าของมือหนึ่งตั้งหลายร้อย นี่ซื้อมาใส่ 3 เดือนแล้วยังไม่เปื่อยเลยค่ะ ใส่ดีมากๆ
ดำหน่อยนะคะ ไม่ได้ซักนาน ฮ่าๆๆ คู่นี้ซื้อมาเพราะเจ้าของเค้าใส่ถ่ายรูปรับปริญญาครั้งเดียวแล้วเอามาปล่อยขาย กล่องครบ ของครบ ตอนมาถึงคือ มือหนึ่ง เลยล่ะค่ะ ได้มาในราคา 900 บาทถ้วน รวมส่งค่ะ
7.วางแผนการใช้เงิน แล้วคนอย่างดิชั้นก็มาถึงจุดนี้ ฮ่าๆๆๆ คือ ไม่ใช่คนใช้จ่ายไม่คิดนะคะ แต่ว่าจะเป็นประเภทวางแผนการเงินไว้ในหัว แบบจะจ่ายอะไรก็คิดแพลนไว้ในหัวแต่ไม่เคยจดเป็นลายลักษณ์อักษร เชื่อว่าหลายๆคนก็เป็น เพราะเห็นว่ามันยุ่งยาก คือสำหรับคนที่ยังไม่มีครอบครัว ภาระอะไรมากก็อาจจะไม่ทำสมุดรายรับรายจ่ายตรงนี้ เราเองก็เป็นค่ะ แต่ก็ลองตัดสินใจทำดู ทำสัก 2 เดือนมันช่วยให้เห็นค่าใช้จ่ายเยอะมาก ว่าเดือนนึงเราจ่ายกับอะไร ใช้ไปกับอะไร เป็นมูลค่าเท่าไหร่ แล้วทุกๆเดือนจะมานั่งเปิดสมุดดู บางอย่างที่ซื้อก็ไม่ได้จำเป็นจริงๆแล้วก็เป็นเงินก้อนใหญ่ด้วย พอเดือนถัดมาจะซื้อมันก็มีการชั่งใจมากขึ้น อะไรแบบนี้อ่ะค่ะ คือทำเถอะ มันช่วยให้เราวางแผนการเงินได้รอบคอบมากขึ้นจริงๆค่ะ
หลักๆประมาณนี้เลยค่ะ ปลีกย่อยเพิ่มเติมไม่มีแล้ว เพราะมีเงินจัดการได้แค่นี้ค่ะ ฮ่าๆๆๆ แต่ว่ายิ่งมีน้อย หาเพิ่มไม่เก่งยิ่งต้องใช้จ่ายให้คุ้มค่า ไอ้จะมาสายประหยัดนับเงินกินข้าวแต่ละมื้อ ลงเดินเป็นกิโลแทนนั่งรถ ก็ไม่ใช่ทางของเราเท่าไหร่ ก็เลยต้องไปลงกับค่าใช้จ่ายที่จำเป็นและคุ้มค่าแทนค่ะ นี่มองว่าพวกปัจจัยพื้นฐานสำคัญมาก ควรใช้จ่ายตรงนี้ไปเลยค่ะ แต่เอาให้คุ้ม ไม่ว่าจะเป็นอาหาร การรักษา อาการเจ็บป่วย ไม่เสียเปล่าแน่นอนค่ะ
อาจจะไม่มีเงินเก็บเยอะเท่าคนอื่นๆ แต่ทำเล็กๆน้อยๆก็พอมีเก็บมีใช้นะคะ เป็นกำลังใจให้ทุกคนที่อยากเก็บเงินแต่ไม่มีความสามารถพิเศษในการหาเงินเพิ่มแบบคนอื่นเค้า ลองทำดูค่ะ อาจจะช่วยให้มีเงินเก็บและเลือกตัดสินใจใช้จ่ายที่จำเป็นได้ง่ายมากขึ้นค่า
ใช้จ่ายยังไงให้คุ้มและมีเงินเก็บ แบบมนุษย์เงินเดือนที่ไม่มีงานเสริมทำเลย
ไม่ใช่ว่าที่ผ่านมาไม่มีเงินเก็บนะคะ มันเป็นแบบเล็กๆน้อยๆ ไม่ได้เป็นก้อนใหญ่ๆที่จะเอามาอุดรอยรั่วค่าใช้จ่ายได้ทั้งหมด ที่เค้าว่า ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา ก็คือเรื่องจริง เพราะถ้าไม่เจอสถานการณ์แบบนี้ก็คงไม่คิดถึงเงินเก็บ คงไม่อยากวางแผนการใช้เงินเหมือนกันค่ะ
เราก็เลยมาสำรวจตัวเองว่าจะมีวิธีไหนที่จะมีเงินเพิ่มได้บ้าง สิ่งแรกที่คิดเหมือนๆทุกคนคือ หาอาชีพเสริมค่ะ
ซึ่งมันก็จะมีอาชีพเสริม 2 ประเภทที่เราคิดเองนะคะ คือเลิกงานประจำ ไปทำอีกที่นึง แต่อันนี้ตัดไปได้เลย เพราะที่ทำงานเราเลิกดึกคือ ทุ่มนึง กว่าจะเดินทางกลับหอพัก ขึ้นวิน บีทีเอส ต่อรถประจำทาง ตีไปกลมๆสามทุ่ม แล้วงานเสริมที่หามาคือ เลิกดึกมาก ค่ารถแพงอีก สรุป ทำงานเสริมแล้วมาหาจ่ายค่ารถกลับไม่คุ้มค่ะ เลยตัดข้อนี้ไป
อีกแบบก็จะเป็น สกิลเสริมในการทำอาชีพ แบบคนชอบทำกับข้าวก็ทำกับข้าวขาย ทำอาหารขาย เดี๋ยวนี้คนขายกันเยอะ แต่เราไม่มีฝีมือจริงๆ คือ ทำไม่ได้เลยค่ะ เคยฝึกแล้ว รสชาติก็เป็นแบบที่เรากินได้อ่ะ แต่คนอื่นไม่ได้อร่อยด้วย
ทีนี้ทำไงดี เลยกลับมามองว่า เงินเดือนจากงานประจำเนี่ย พอจะจัดการให้มันเป็นเงินเก็บบางส่วนได้มั้ย ช่วง 2-3 เดือนก่อนเลยเร่งปิดบัตรที่เหลือจนหมดค่ะ ทำให้เงินที่ต้องจ่ายบัตรกลายเป็นเงินเก็บแทน แต่ก็อยากเก็บได้มากกว่านี้อีก เลยคิดหาวิธีใหม่ๆ
อันนี้จะเป็นวิธีที่เราเจอมาจากที่อื่นนะคะ อ่านบทความบ้าง มีคนรอบตัวมาแนะนำบ้างค่ะ พอเอามาใช้จริงก็เวิร์คนะคะ ได้เป็นเงินก้อนหลักหมื่นแบบหยิบจับได้จริงๆ ซึ่งหลักๆที่เปลี่ยนการใช้เงิน มีการวางแผนมากขึ้น เราใช้ 3 คำนี้ค่ะ เก็บให้ได้ จ่ายให้คุ้ม และลงมือทำเองค่ะ
1.ลด ละ เลิก ใช้แบงค์ 50 และเก็บแบงค์ 100 เมื่อแตกแบงค์ใหญ่ เป็นวิธีการที่ง่ายมาก แบบเบสิคเลยค่ะ คนทั่วไปทำกันเยอะ เก็บแปบๆก็ได้เงินก้อนใหญ่แล้ว เห็นแล้วอยากลองทำบ้าง เลยลองเก็บดูค่ะ พอได้แบงค์ 50 ก็เก็บ ไม่ใช้ ไม่จ่าย เอาแบงค์อื่นจ่ายแทน ใช้แทน พอแตกมาเป็นแบงค์ 50 ก็เก็บอีก แล้ววันไหนแตกแบงค์ใหญ่ก็จะเอาไปรวมกับกองนี้ทุก 100 บาทด้วยค่ะ อันนี้เราคิดขึ้นมาเองค่ะ แบบไหนๆก็แตกแบงค์ใหญ่แล้ว แบ่งเก็บบ้างจะเป็นไรไป อย่างเมื่อวานแตกแบงค์พัน ก็แบ่งเก็บ 100 บาท เอามารวมๆกันไรงี้ ก็ได้เยอะอยู่นะคะ นี่เก็บมา 2-3 เดือนก็ได้หลายพันแล้วค่ะ
ดังนั้น ลงทุนกับประกัน ลงทุนกับชีวิตเราถือว่าเป็นการจ่ายที่คุ้มค่ามากๆและช่วยลดการจ่ายเงินก้อนโตจากการเจ็บป่วยในอนาคตไปได้เยอะสุดๆค่ะ แถมเอาไปลดหย่อนภาษีดีอีกด้วย คุ้มค่าที่สุดแล้วค่า
4.บัญชีเงินฝาก ที่นึกถึงแรกๆคือ บัญชีเงินฝากประจำค่ะ แต่ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่มีเงินเย็นค่ะ ฮ่าๆๆ คือ เราเป็นคนมีวินัยในการเงินประมาณนึงนะคะ แต่ไม่ถึงขั้นแบบเข้มงวดอะไรมาก เลยไม่แน่ใจว่า บัญชีเงินฝากประเภทนี้เหมาะกับเรามั้ย แล้วก็มองๆอีกตัวคือ ประกันเพื่อเงินออมค่ะ แต่ก็จะถอนมาใช้ไม่ได้เหมือนกับบัญชีเงินฝากประจำค่ะ แล้วก็เป็นการลงทุนระยะยาวด้วยค่ะ คือมันไม่สะดวกเราจริงๆ ไว้รอดูอีก 2-3 ปี ถ้ามีเงินเย็นมั่นคงกว่านี้ก็อยากลองลงทุนดูค่ะ เพราะสองตัวนี้ผลตอบแทนระยะยาวค่อนข้างมั่นคงแล้วก็สูงอยู่เหมือนกัน
สรุปเลยมาออมกับบัญชีเงินฝากดิจิทัลแทนค่ะ ตัวนี้จะสามารถเบิกถอนได้ตลอด(เผื่อฉุกเฉินจำเป็นต้องใช้จริงๆ) เปิดปิดก็ไม่ต้องใช้บัญชี แค่โหลดแอพในมือถือก็ฝากถอนได้เลยค่ะ แล้วบัญชีประเภทนี้ก็ยังให้ดอกเบี้ยสูงกว่าฝากประจำด้วยค่ะ เราจะเปิดอยู่ 2 ธนาคารคือ กสิกรกับกรุงศรีค่ะ ดอกเบี้ยตอนนี้อยู่ที่ 1.500% ต่อปี ( จริงๆก็แล้วแต่เลือกมากกว่าว่าธนาคารไหนให้ดอกเบี้ยสูง ยังไงเพื่อนๆก็ลองหาข้อมูลเทียบเองดีกว่านะคะ) สำหรับเราคือ โอเคเลยกับการเก็บเงินแบบนี้เพราะ เป็นได้ทั้งเงินออมยามจำเป็นและได้กำไรจากที่ลงทุนด้วยค่ะ
5.กินข้าวบ้าน เคยมีความคิดว่าซื้อกินสะดวกกว่า เพราะไม่ต้องจ่ายค่าแก๊ส ซื้อเครื่องปรุงหลายสิบขวดอุปกรณ์ครัวต่างๆเพิ่มเติม แต่เห็นมีหลายคนแนะนำวิธีนี้กันเยอะมากๆ เลยลองทำดูค่ะ อย่างแรกที่พอทำข้าวกินที่บ้านผ่านไปได้เดือนเห็นชัดๆเลยคือ อิ่มขึ้น ฮ่าๆๆๆ คือมันได้กินในปริมาณที่อิ่มและคุ้มมาก ตักเท่าไหร่ก็ได้ไม่อั้นและที่สำคัญถูกปากค่ะ เลือกวัตถุดิบเองได้ด้วย ชอบไม่ชอบอะไรก็ใส่ไป และที่สำคัญ ประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปกินข้าวนอกบ้านด้วยค่ะ จากที่ต้องนั่งรถต่อไปกินข้าว ต้องไปยืนรอคิว เผื่อเวลาร้านข้าวปิด ปัญหาเยอะ ก็ตัดจบ กลับมาทำกินเองที่บ้านแถมยังทำให้ได้กลับบ้านมากินข้าวไวขึ้น ได้นั่งกินข้าวผ่อนคลายไปกับการดูหนังสักเรื่อง ได้ทั้งประหยัดเงิน คุ้มค่าเงินที่จ่ายค่ากับข้าวและได้มีเวลาพักผ่อนเพิ่มมากขึ้นด้วย ทำให้หลายเดือนมานี้แทนที่จะกรอบเพราะเงินไม่มี กลับอ้วนขึ้น 1-2 โล สรุป ไม่อดค่ะ อิ่มมาก ฮ่าๆๆๆ
6.ของมือสองก็ดีนะ ของมือหนึ่งอาจจะแพงไป ลองมองหาของมือสองดีๆมาใช้แทนก็ได้ เดี๋ยวนี้คนขายกันเยอะเยอะ ของมือสองสภาพดี มีเพียบ แถมราคาถูกกว่าตั้งครึ่งนึง เมื่อก่อนก็ไม่เคยซื้อ แต่พอเปิดใจซื้อ โห ของดีๆเพียบ แล้วใช้ดีกว่าที่คิดด้วยค่ะ มีรองเท้าคู่นี้ซื้อมือสองคนเค้ามาปล่อยขายก็สภาพดีมาก ถูกกว่าของมือหนึ่งตั้งหลายร้อย นี่ซื้อมาใส่ 3 เดือนแล้วยังไม่เปื่อยเลยค่ะ ใส่ดีมากๆ
หลักๆประมาณนี้เลยค่ะ ปลีกย่อยเพิ่มเติมไม่มีแล้ว เพราะมีเงินจัดการได้แค่นี้ค่ะ ฮ่าๆๆๆ แต่ว่ายิ่งมีน้อย หาเพิ่มไม่เก่งยิ่งต้องใช้จ่ายให้คุ้มค่า ไอ้จะมาสายประหยัดนับเงินกินข้าวแต่ละมื้อ ลงเดินเป็นกิโลแทนนั่งรถ ก็ไม่ใช่ทางของเราเท่าไหร่ ก็เลยต้องไปลงกับค่าใช้จ่ายที่จำเป็นและคุ้มค่าแทนค่ะ นี่มองว่าพวกปัจจัยพื้นฐานสำคัญมาก ควรใช้จ่ายตรงนี้ไปเลยค่ะ แต่เอาให้คุ้ม ไม่ว่าจะเป็นอาหาร การรักษา อาการเจ็บป่วย ไม่เสียเปล่าแน่นอนค่ะ
อาจจะไม่มีเงินเก็บเยอะเท่าคนอื่นๆ แต่ทำเล็กๆน้อยๆก็พอมีเก็บมีใช้นะคะ เป็นกำลังใจให้ทุกคนที่อยากเก็บเงินแต่ไม่มีความสามารถพิเศษในการหาเงินเพิ่มแบบคนอื่นเค้า ลองทำดูค่ะ อาจจะช่วยให้มีเงินเก็บและเลือกตัดสินใจใช้จ่ายที่จำเป็นได้ง่ายมากขึ้นค่า