ม.หอการค้าไทย ประเมิน "น้ำท่วม" เสียหายแล้ว 2.5 หมื่นล้านบาท เกษตรกรรับผลกระทบถึง 3 ล้านราย
https://ch3plus.com/news/program/260868
วันที่ 7 ต.ค. 64 นาย
ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของภาคธุรกิจและหอการค้าทั่วประเทศ ประจำเดือนกันยายน พบว่า ค่าดัชนีฯ ลดลงจากระดับ 19.8 ในเดือนสิงหาคม มาอยู่ที่ระดับ 19.4 โดยปรับตัวลดลงในทุกภาค ต่ำสุดในรอบ 33 เดือน และลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 จากผลกระทบน้ำท่วมที่เกิดขึ้นในหลายจังหวัด
สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินของประชาชน รวมทั้งผลผลิตทางการเกษตร ที่ล่าสุดประเมินความเสียหายอยู่ที่ระดับ 20,000 ถึง 25,000 ล้านบาท กระทบจีดีพี ไตรมาส 4 0.5% ครึ่งหนึ่งอยู่ในภาคการเกษตร ที่วันนี้นาข้าวจมน้ำไปแล้วกว่า 2 ล้านไร่ เกษตรกรได้รับผลกระทบถึง 3 ล้านราย
รวมถึงความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ปัญหาค่าครองชีพ และราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกชนิด โดยผู้ประกอบการต้องการให้รัฐคลายล็อกให้กลับมาดำเนินธุรกิจได้เหมือนเดิม หรือ ใกล้เคียงเดิม ออกมาตรการที่รัดกุม พร้อมรองรับกับการเปิดประเทศ รับนักท่องเที่ยวให้เข้ามาช่วยกระตุ้นฟื้นฟูเศรษฐกิจในประเทศ
เพื่อไทยลงพื้นที่ลพบุรี ช่วยเหลือประชาชน
https://www.innnews.co.th/news/news-general/news_206726/
เพื่อไทยลงพื้นที่ลพบุรี ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม
พรรคเพื่อไทย นำโดย นาย
ประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมาและเลขาธิการพรรคเพื่อไทย , นาย
อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรค ,
นางสาว
อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรค และคณะส.ส.ของพรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่ บ้านเนินยาวและวัดบ้านคลอง ตำบลหนองทรายขาว และวัดหนองเมือง ตำบลหนองเมือง อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี เพื่อช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดลพบุรี ซึ่งต้องจมอยู่ในน้ำมานานมากกว่า 10 วัน
โดยชาวบ้านส่วนใหญ่ สะท้อนว่าสถานการณ์น้ำท่วมครั้งนี้สร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านอย่างหนัก เนื่องจากระดับน้ำที่สูงมากกว่า 1 เมตร จะเดินทางไปไหนต้องลุยน้ำที่สูงระดับหน้าอก บางชุมชนระดับน้ำสูงเกือบถึงชั้นสองของบ้านพัก อีกทั้งการที่น้ำท่วมขังเป็นเวลานาน ทำให้เริ่มเกิดปัญหาน้ำเน่าและเกิดโรคที่มากับน้ำ รวมทั้งมีปัญหาการขาดแคลนอาหาร น้ำดื่มและยารักษาโรค นอกจากนี้ชาวบ้านในพื้นที่ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวนา ยังได้แจ้งความเสียหายที่เกิดขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่เก็บเกี่ยวไม่ทัน และได้พยายามสอบถามถึงความชัดเจนของรัฐบาล ที่จะมีมาตรการชดเชยความเสียหายให้กับเกษตรกร
ด้านนาย
ประเสริฐ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยห่วงใยพี่น้องประชาชนที่ต้องอยู่อย่างยากลำบากเป็นเวลานาน เนื่องจากน้ำท่วมขังมานานนับสิบวัน แต่ระดับน้ำกลับไม่ลดลง ซึ่งตลอดการลงพื้นที่ได้เห็นอย่างชัดเจนว่า นาข้าวของชาวบ้านจมน้ำจำนวนมาก ดังนั้นรัฐบาลจึงควรเร่งหาทางระบายน้ำออกจากพื้นที่ เพื่อช่วยเหลือให้พี่น้องประชาชนกลับมาใช้ชีวิตปกติได้โดยเร็ว รวมทั้งบรรเทาความเสียหายอันเกิดจากน้ำท่วมนาข้าวและผลผลิตอื่นๆ ของพี่น้องประชาชนด้วย
เพื่อไทยกำชับส.ส.ทุกคนลงพื้นที่อย่างเต็มที่ เตรียมความพร้อมเลือกตั้ง 3 ระดับ
นาย
จิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส. กทม. พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงสถานการณ์ปัจจุบัน ส.ส.ทุกคนได้เตรียมตัว เตรียมความพร้อมในการเลือกตั้ง 3 ระดับ คือ การเลือกตั้ง อบต. การเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งประเทศ ว่า ขณะนี้มีการเตรียมความพร้อม โดยพรรคเพื่อไทยได้กำชับให้ ส.ส.ทุกคนลงพื้นที่อย่างเต็มที่เพื่อเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้ง
ส่วนการเปิดสมัยประชุมในวันที่ 1 พ.ย.นี้ พรรคเพื่อไทยจะมีการประชุมเพื่อกำหนดท่าทีในการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจแบบไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 อีกครั้ง ว่าจะอภิปรายรูปแบบใด จะอภิปรายทั้งคณะ หรือเป็นรายบุคคล เนื่องจากในช่วงปิดสมัยประชุมพรรคเพื่อไทยได้รับเรื่องร้องเรียนการทุจริตของข้าราชการโดยเฉพาะกระทรวงต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก และคาดว่าในวันที่ 1 พ.ย.จะได้มีการสรุปอีกครั้งในเรื่องการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ
สรุปดราม่า #ไฟเซอร์นักเรียน หลังนักเรียนบางกลุ่มปฏิเสธฉีดไฟเซอร์ หวั่นผลข้างเคียง-ถูกสลับวัคซีนไม่รู้ตัว
https://thematter.co/brief/157021/157021
แฮชแท็ก #ไฟเซอร์นักเรียน กลายเป็นประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในช่วงคืนที่ผ่านมา หลังมีผู้ใช้ TikTok บางกลุ่มที่เป็นนักเรียนออกมาโพสต์คลิปวิดีโอปฏิเสธวัคซีนไฟเซอร์ พร้อมยกเหตุผลต่างๆ มาประกอบ จนทำให้เกิดเทรนด์ปฏิเสธวัคซีนไปตามๆ กัน
สาเหตุของการปฏิเสธวัคซีนไฟเซอร์คืออะไร และนอกเหนือจากประเด็นปฏิเสธวัคซีนยังมีดราม่าอื่นๆ ที่ถูกหยิบมาพูดถึงในแฮชแท็กอะไรบ้าง The MATTER จะสรุปให้ฟัง
1. หลังจากต้องเรียนออนไลน์กันมานาน กระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงศึกษาธิการได้จัดฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้กับนักเรียนที่มีอายุระหว่าง 12-17 ปีจำนวน 5,000,000 คน โดยเพิ่งดีเดย์เริ่มฉีดไปเมื่อวันที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา เพื่อเตรียมการให้เด็กนักเรียนกลับไปเรียนในรูปแบบออนไซต์ให้ทันเดือนพฤศจิกายน
2. กระทรวงสาธารณสุขจัดให้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์กับเด็กนักเรียน เพราะไฟเซอร์เป็นวัคซีนตัวเดียวในไทยขณะนี้ที่สำนักงานอาหารและยา (อย.) อนุมัติใช้กับเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป ขณะที่วัคซีนโมเดอร์น่าก็ได้รับอนุมัติใช้กับเด็กแล้วเช่นกัน แต่ยังไม่ได้นำเข้ามา
ประกอบกับตัววัคซีนไฟเซอร์เองเป็นวัคซีนที่มีผลวิจัยรองรับอย่างกว้างขวางว่ามีประสิทธิภาพดีในการป้องกันสายพันธุ์เดลต้า และเป็นวัคซีนตัวแรกที่องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐฯ อนุมัติ นั่นจึงพออนุมานได้ว่า วัคซีนไฟเซอร์เป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ และปลอดภัยสำหรับเด็กในช่วงอายุดังกล่าว
ส่วนวัคซีนเชื้อตายอย่างซิโนแวคและซิโนฟาร์มยังอยู่ระหว่างการพิจารณาข้อมูลความปลอดภัย คุณภาพ และประสิทธิภาพวัคซีนจึงยังไม่สามารถนำมาฉีดให้เด็กได้ในตอนนี้
3. อย่างไรก็ตาม วัคซีนไฟเซอร์นั้นก็เหมือนวัคซีนตัวอื่นๆ ที่แม้จะมีการรับรองคุณภาพและความปลอดภัย แต่ก็ยังพบผลข้างเคียงในลักษณะต่างๆ อยู่บ้าง ทั้งผลข้างเคียงที่ไม่รุนแรง เช่น ปวดกล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย คลื่นไส้ หนาวสั่น ไปจนถึงผลข้างเคียงที่ค่อนข้างรุนแรงอย่างอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ
(อ่านรายละเอียดสรุปผลข้างเคียงและงานวิจัยในวัคซีน Pfizer สำหรับเด็กได้ที่ :
https://thematter.co/quick-bite/vaccine-pfizer-in-kids/156198)
4. ผลข้างเคียงเหล่านี้สร้างความกังวลให้กับเหล่าเด็กนักเรียนของไทยที่ได้สิทธิฉีดวัคซีนไฟเซอร์ จนทำให้หลายคนออกมาปฏิเสธการฉีดวัคซีน และเริ่มต่อความคิดเห็นเหล่านี้ไปในโลกออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแพลตฟอร์ม TikTok จนทำให้เกิดเทรนด์ปฏิเสธวัคซีนตามๆ กัน ด้วยเหตุผลคล้ายๆ กันคือ “
คิดถึงอนาคต กลัวตาย” ซึ่งหลายคนมองว่านี่ก็ไม่ใช่เหตุผลที่ผิด เพราะเรามีสิทธิเลือกวัคซีนด้วยตัวเอง
5. แต่เหตุผลนี้ก็อดทำให้หลายคนตั้งคำถามไม่ได้ว่า “
ไม่ฉีดไฟเซอร์ แล้วจะฉีดอะไร?” เพราะอย่างที่กล่าวไปข้างต้น วัคซีนไฟเซอร์เป็นวัคซีนตัวเดียวที่ไทยมีอยู่ และผ่านการอนุมัติจาก อย.ให้ฉีดกับเด็กได้
6. ขณะที่หลายคนมองว่า ที่ผ่านมาประชาชนกลุ่มอื่นๆ ต่างออกมาเรียกร้องให้เด็กนักเรียนได้ฉีดไฟเซอร์ เพราะต้องการให้เด็กได้กลับไปเรียนในแบบปกติโดยเร็ว ซึ่งการออกปฏิเสธวัคซีน (ซึ่งบางกลุ่มมองว่าเป็นการตามกระแส) นั้นไม่เกิดผลดีกับใครเลย
7. เด็กมหา’ลัยบางส่วนยังออกมาแสดงความเห็นว่า หากนักเรียนไม่ฉีดก็ควรส่งวัคซีนนั้นมาให้เด็กมหา’ลัย เพราะเด็กมหา’ลัยก็ต้องการกลับไปเรียนออนไซต์เหมือนกัน พร้อมทั้งออกมาวิพากษ์วิจารณ์เกณฑ์การจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ ที่ดูเหมือนจะให้ความสำคัญกับเด็กนักเรียน ขณะที่เด็กมหาลัยถูกทอดทิ้ง
8. The MATTER ได้ไปพูดคุยกับคุณครูคนหนึ่งจากโรงเรียนในจังหวัดเพชรบูรณ์ถึงประเด็นเรื่องเด็กปฏิเสธวัคซีน คุณครูคนนี้มีส่วนร่วมสำรวจการฉีดวัคซีนของเด็กชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และพบว่ามีเด็กบางส่วนปฏิเสธไม่ฉีดวัคซีน เพราะกลัวผลข้างเคียง และพอเห็นเด็กคนหนึ่งไม่ฉีด ก็เลยไม่ฉีดตามๆ กัน
เมื่อถามว่าเทรนด์ใน TikTok มีอิทธิพลมากน้อยแค่ไหน คุณครูมองว่ามีส่วน เพราะเด็กบางคนที่อยู่ในวัยนี้ยังไม่มีวุฒิภาวะในการเสพสื่อมากพอ ทำให้รับข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน และตัดสินใจโดยยังไม่ได้ผ่านการไตร่ตรองทุกประเด็น ส่วนประเด็นผู้ปกครองกีดกัน จากที่คุณครูได้พูดคุยมา ผู้ปกครองส่วนใหญ่สนับสนุนให้นักเรียนฉีด ที่นักเรียนไม่ฉีดวัคซีนนั้นเป็นการตัดสินใจของเด็กเอง
คุณครูมองว่าวิธีหนึ่งที่จะช่วยแก้ปัญหานี้คือ ทางโรงเรียนหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรจัดอบรมและให้ความรู้กับเด็ก ทั้งเรื่องประสิทธิภาพวัคซีน และอัตราการเกิดผลข้างเคียง เพื่อให้นักเรียนรับข้อมูลที่ครบถ้วนและถูกต้อง ซึ่งหลังจากนั้นเด็กจะตัดสินใจฉีดหรือไม่ฉีด ก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของนักเรียนแต่ละคน
9. ความเห็นดังกล่าวสอดคล้องกับ ดร.
สุวดี พันธุ์พานิช เลขานุการกลุ่มโรงพยาบาลธนบุรี และรองโฆษกพรรคไทยสร้างไทยที่ออกโพสต์ข้อความถึงประเด็นนี้ด้วยว่า
“ฉีดหรือไม่ฉีดวัคซีนเป็นสิทธิส่วนบุคคล วัคซีนที่ได้รับการรับรองจาก WHO ให้ฉีดได้ในกลุ่มเด็ก เป็นข้อมูลที่ช่วยยืนยันว่า มีข้อดีมากกว่าข้อเสียในระดับที่ยอมรับได้ ทั้งนี้ คนต้องเลือกวัคซีน ไม่ใช่วัคซีนเลือกคน เอามาให้หลากหลายมากพอเถอะค่ะรัฐบาล #ไฟเซอร์นักเรียน”
10. ทั้งนี้ ไม่ได้เพียงแต่เรื่องความกังวลเรื่องผลข้างเคียงที่ทำให้เด็กไม่ฉีดวัคซีน ยังมีเด็กอีกส่วนหนึ่งที่ปฏิเสธวัคซีนเพราะไม่มั่นใจว่าจะได้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์จริงไหม และกลัวว่าจะถูกสลับวัคซีน เนื่องจากมีการแชร์ภาพในอินเทอร์เน็ตว่าพบกล่องวัคซีนซิโนแวคในจุดฉีดวัคซีนไฟเซอร์ อย่างไรก็ตาม จนถึงตอนนี้ก็ไม่มีการหลักฐานยืนยันว่ามีการสลับวัคซีนโดยไม่ได้แจ้งก่อนฉีดแต่อย่างใด
11. นอกจากประเด็นเรื่องปฏิเสธวัคซีน ในแฮชแท็ก #ไฟเซอร์นักเรียน ยังมีการแชร์ปัญหาการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ในรูปแบบอื่นๆ อีก ไม่ว่าจะเป็น
– การจำกัดอายุฉีดวัคซีนที่ครอบคลุมแค่ 12-17 ปี ทำให้เด็กมัธยมศึกษาปีที่ 6 ซึ่งอายุครบ 18 ปีตกขบวนวัคซีนไฟเซอร์ ถูกเปลี่ยนให้ฉีดสูตร Sinovac+AstraZeneca
– เด็กนอกระบบที่อายุไม่ถึง 18 ปี ไม่ได้สิทธิฉีดวัคซีน
– การจัดสรรวัคซีนไม่เพียงพอต่อจำนวนนักเรียนที่ต้องการฉีดวัคซีน จนต้องมาตัดชื่อนักเรียนออกทีหลัง
– การออกระเบียบให้เด็กนักเรียนต้องแต่งตัว และทำผลถูกระเบียบ ไม่งั้นไม่ได้ฉีดวัคซีน
– ผู้ปกครองบางส่วนไม่ยินยอมให้ลูกหลานเข้ารับวัคซีน
12. จนถึงขณะนี้มีนักเรียนที่ลงทะเบียนประสงค์ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ประมาณ 3,600,000 คน หรือร้อยละ 71 จากทั้งหมดกว่า 5,000,000 คน หลายคนจึงมองว่า กระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงสาธารณสุขควรช่วยกันเร่งมือหาทางกระจายวัคซีนอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
นำวัคซีนส่วนที่ยังไม่ถูกใช้ในจุดหนึ่งมาเร่งให้บริการอีกจุดหนึ่งที่ขาดแคลน เพราะวัคซีนไฟเซอร์เป็นวัคซีนชนิด mRNA ที่มีวิธีการเก็บรักษาที่ค่อนข้างยาก ดังนั้นจึงควรเร่งใช้ประโยชน์จากวัคซีนส่วนนี้ก่อนที่จะเสื่อมสภาพ
อ้างอิงจาก
https://news.thaipbs.or.th/content/308329
https://www.matichon.co.th/social/news_2977694
https://twitter.com/DrSuwadee/status/1445751107754496015
https://www.sanook.com/news/8454298/
https://www.bangkokbiznews.com/news/960847
JJNY : 4in1 ประเมิน"น้ำท่วม"เสียหาย2.5หมื่นล.│พท.ลงพื้นที่ลพบุรี ช่วยปชช.│สรุปดราม่า#ไฟเซอร์นักเรียน│อ.ปายป่วน!ป่วยโควิด
https://ch3plus.com/news/program/260868
สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินของประชาชน รวมทั้งผลผลิตทางการเกษตร ที่ล่าสุดประเมินความเสียหายอยู่ที่ระดับ 20,000 ถึง 25,000 ล้านบาท กระทบจีดีพี ไตรมาส 4 0.5% ครึ่งหนึ่งอยู่ในภาคการเกษตร ที่วันนี้นาข้าวจมน้ำไปแล้วกว่า 2 ล้านไร่ เกษตรกรได้รับผลกระทบถึง 3 ล้านราย
รวมถึงความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ปัญหาค่าครองชีพ และราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกชนิด โดยผู้ประกอบการต้องการให้รัฐคลายล็อกให้กลับมาดำเนินธุรกิจได้เหมือนเดิม หรือ ใกล้เคียงเดิม ออกมาตรการที่รัดกุม พร้อมรองรับกับการเปิดประเทศ รับนักท่องเที่ยวให้เข้ามาช่วยกระตุ้นฟื้นฟูเศรษฐกิจในประเทศ
เพื่อไทยลงพื้นที่ลพบุรี ช่วยเหลือประชาชน
https://www.innnews.co.th/news/news-general/news_206726/
เพื่อไทยลงพื้นที่ลพบุรี ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม
พรรคเพื่อไทย นำโดย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมาและเลขาธิการพรรคเพื่อไทย , นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรค ,
นางสาวอรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรค และคณะส.ส.ของพรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่ บ้านเนินยาวและวัดบ้านคลอง ตำบลหนองทรายขาว และวัดหนองเมือง ตำบลหนองเมือง อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี เพื่อช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดลพบุรี ซึ่งต้องจมอยู่ในน้ำมานานมากกว่า 10 วัน
โดยชาวบ้านส่วนใหญ่ สะท้อนว่าสถานการณ์น้ำท่วมครั้งนี้สร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านอย่างหนัก เนื่องจากระดับน้ำที่สูงมากกว่า 1 เมตร จะเดินทางไปไหนต้องลุยน้ำที่สูงระดับหน้าอก บางชุมชนระดับน้ำสูงเกือบถึงชั้นสองของบ้านพัก อีกทั้งการที่น้ำท่วมขังเป็นเวลานาน ทำให้เริ่มเกิดปัญหาน้ำเน่าและเกิดโรคที่มากับน้ำ รวมทั้งมีปัญหาการขาดแคลนอาหาร น้ำดื่มและยารักษาโรค นอกจากนี้ชาวบ้านในพื้นที่ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวนา ยังได้แจ้งความเสียหายที่เกิดขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่เก็บเกี่ยวไม่ทัน และได้พยายามสอบถามถึงความชัดเจนของรัฐบาล ที่จะมีมาตรการชดเชยความเสียหายให้กับเกษตรกร
ด้านนายประเสริฐ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยห่วงใยพี่น้องประชาชนที่ต้องอยู่อย่างยากลำบากเป็นเวลานาน เนื่องจากน้ำท่วมขังมานานนับสิบวัน แต่ระดับน้ำกลับไม่ลดลง ซึ่งตลอดการลงพื้นที่ได้เห็นอย่างชัดเจนว่า นาข้าวของชาวบ้านจมน้ำจำนวนมาก ดังนั้นรัฐบาลจึงควรเร่งหาทางระบายน้ำออกจากพื้นที่ เพื่อช่วยเหลือให้พี่น้องประชาชนกลับมาใช้ชีวิตปกติได้โดยเร็ว รวมทั้งบรรเทาความเสียหายอันเกิดจากน้ำท่วมนาข้าวและผลผลิตอื่นๆ ของพี่น้องประชาชนด้วย
เพื่อไทยกำชับส.ส.ทุกคนลงพื้นที่อย่างเต็มที่ เตรียมความพร้อมเลือกตั้ง 3 ระดับ
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส. กทม. พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงสถานการณ์ปัจจุบัน ส.ส.ทุกคนได้เตรียมตัว เตรียมความพร้อมในการเลือกตั้ง 3 ระดับ คือ การเลือกตั้ง อบต. การเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งประเทศ ว่า ขณะนี้มีการเตรียมความพร้อม โดยพรรคเพื่อไทยได้กำชับให้ ส.ส.ทุกคนลงพื้นที่อย่างเต็มที่เพื่อเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้ง
ส่วนการเปิดสมัยประชุมในวันที่ 1 พ.ย.นี้ พรรคเพื่อไทยจะมีการประชุมเพื่อกำหนดท่าทีในการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจแบบไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 อีกครั้ง ว่าจะอภิปรายรูปแบบใด จะอภิปรายทั้งคณะ หรือเป็นรายบุคคล เนื่องจากในช่วงปิดสมัยประชุมพรรคเพื่อไทยได้รับเรื่องร้องเรียนการทุจริตของข้าราชการโดยเฉพาะกระทรวงต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก และคาดว่าในวันที่ 1 พ.ย.จะได้มีการสรุปอีกครั้งในเรื่องการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ
สรุปดราม่า #ไฟเซอร์นักเรียน หลังนักเรียนบางกลุ่มปฏิเสธฉีดไฟเซอร์ หวั่นผลข้างเคียง-ถูกสลับวัคซีนไม่รู้ตัว
https://thematter.co/brief/157021/157021
แฮชแท็ก #ไฟเซอร์นักเรียน กลายเป็นประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในช่วงคืนที่ผ่านมา หลังมีผู้ใช้ TikTok บางกลุ่มที่เป็นนักเรียนออกมาโพสต์คลิปวิดีโอปฏิเสธวัคซีนไฟเซอร์ พร้อมยกเหตุผลต่างๆ มาประกอบ จนทำให้เกิดเทรนด์ปฏิเสธวัคซีนไปตามๆ กัน
สาเหตุของการปฏิเสธวัคซีนไฟเซอร์คืออะไร และนอกเหนือจากประเด็นปฏิเสธวัคซีนยังมีดราม่าอื่นๆ ที่ถูกหยิบมาพูดถึงในแฮชแท็กอะไรบ้าง The MATTER จะสรุปให้ฟัง
1. หลังจากต้องเรียนออนไลน์กันมานาน กระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงศึกษาธิการได้จัดฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้กับนักเรียนที่มีอายุระหว่าง 12-17 ปีจำนวน 5,000,000 คน โดยเพิ่งดีเดย์เริ่มฉีดไปเมื่อวันที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา เพื่อเตรียมการให้เด็กนักเรียนกลับไปเรียนในรูปแบบออนไซต์ให้ทันเดือนพฤศจิกายน
2. กระทรวงสาธารณสุขจัดให้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์กับเด็กนักเรียน เพราะไฟเซอร์เป็นวัคซีนตัวเดียวในไทยขณะนี้ที่สำนักงานอาหารและยา (อย.) อนุมัติใช้กับเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป ขณะที่วัคซีนโมเดอร์น่าก็ได้รับอนุมัติใช้กับเด็กแล้วเช่นกัน แต่ยังไม่ได้นำเข้ามา
ประกอบกับตัววัคซีนไฟเซอร์เองเป็นวัคซีนที่มีผลวิจัยรองรับอย่างกว้างขวางว่ามีประสิทธิภาพดีในการป้องกันสายพันธุ์เดลต้า และเป็นวัคซีนตัวแรกที่องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐฯ อนุมัติ นั่นจึงพออนุมานได้ว่า วัคซีนไฟเซอร์เป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ และปลอดภัยสำหรับเด็กในช่วงอายุดังกล่าว
ส่วนวัคซีนเชื้อตายอย่างซิโนแวคและซิโนฟาร์มยังอยู่ระหว่างการพิจารณาข้อมูลความปลอดภัย คุณภาพ และประสิทธิภาพวัคซีนจึงยังไม่สามารถนำมาฉีดให้เด็กได้ในตอนนี้
3. อย่างไรก็ตาม วัคซีนไฟเซอร์นั้นก็เหมือนวัคซีนตัวอื่นๆ ที่แม้จะมีการรับรองคุณภาพและความปลอดภัย แต่ก็ยังพบผลข้างเคียงในลักษณะต่างๆ อยู่บ้าง ทั้งผลข้างเคียงที่ไม่รุนแรง เช่น ปวดกล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย คลื่นไส้ หนาวสั่น ไปจนถึงผลข้างเคียงที่ค่อนข้างรุนแรงอย่างอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ
(อ่านรายละเอียดสรุปผลข้างเคียงและงานวิจัยในวัคซีน Pfizer สำหรับเด็กได้ที่ :
https://thematter.co/quick-bite/vaccine-pfizer-in-kids/156198)
4. ผลข้างเคียงเหล่านี้สร้างความกังวลให้กับเหล่าเด็กนักเรียนของไทยที่ได้สิทธิฉีดวัคซีนไฟเซอร์ จนทำให้หลายคนออกมาปฏิเสธการฉีดวัคซีน และเริ่มต่อความคิดเห็นเหล่านี้ไปในโลกออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแพลตฟอร์ม TikTok จนทำให้เกิดเทรนด์ปฏิเสธวัคซีนตามๆ กัน ด้วยเหตุผลคล้ายๆ กันคือ “คิดถึงอนาคต กลัวตาย” ซึ่งหลายคนมองว่านี่ก็ไม่ใช่เหตุผลที่ผิด เพราะเรามีสิทธิเลือกวัคซีนด้วยตัวเอง
5. แต่เหตุผลนี้ก็อดทำให้หลายคนตั้งคำถามไม่ได้ว่า “ไม่ฉีดไฟเซอร์ แล้วจะฉีดอะไร?” เพราะอย่างที่กล่าวไปข้างต้น วัคซีนไฟเซอร์เป็นวัคซีนตัวเดียวที่ไทยมีอยู่ และผ่านการอนุมัติจาก อย.ให้ฉีดกับเด็กได้
6. ขณะที่หลายคนมองว่า ที่ผ่านมาประชาชนกลุ่มอื่นๆ ต่างออกมาเรียกร้องให้เด็กนักเรียนได้ฉีดไฟเซอร์ เพราะต้องการให้เด็กได้กลับไปเรียนในแบบปกติโดยเร็ว ซึ่งการออกปฏิเสธวัคซีน (ซึ่งบางกลุ่มมองว่าเป็นการตามกระแส) นั้นไม่เกิดผลดีกับใครเลย
7. เด็กมหา’ลัยบางส่วนยังออกมาแสดงความเห็นว่า หากนักเรียนไม่ฉีดก็ควรส่งวัคซีนนั้นมาให้เด็กมหา’ลัย เพราะเด็กมหา’ลัยก็ต้องการกลับไปเรียนออนไซต์เหมือนกัน พร้อมทั้งออกมาวิพากษ์วิจารณ์เกณฑ์การจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ ที่ดูเหมือนจะให้ความสำคัญกับเด็กนักเรียน ขณะที่เด็กมหาลัยถูกทอดทิ้ง
8. The MATTER ได้ไปพูดคุยกับคุณครูคนหนึ่งจากโรงเรียนในจังหวัดเพชรบูรณ์ถึงประเด็นเรื่องเด็กปฏิเสธวัคซีน คุณครูคนนี้มีส่วนร่วมสำรวจการฉีดวัคซีนของเด็กชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และพบว่ามีเด็กบางส่วนปฏิเสธไม่ฉีดวัคซีน เพราะกลัวผลข้างเคียง และพอเห็นเด็กคนหนึ่งไม่ฉีด ก็เลยไม่ฉีดตามๆ กัน
เมื่อถามว่าเทรนด์ใน TikTok มีอิทธิพลมากน้อยแค่ไหน คุณครูมองว่ามีส่วน เพราะเด็กบางคนที่อยู่ในวัยนี้ยังไม่มีวุฒิภาวะในการเสพสื่อมากพอ ทำให้รับข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน และตัดสินใจโดยยังไม่ได้ผ่านการไตร่ตรองทุกประเด็น ส่วนประเด็นผู้ปกครองกีดกัน จากที่คุณครูได้พูดคุยมา ผู้ปกครองส่วนใหญ่สนับสนุนให้นักเรียนฉีด ที่นักเรียนไม่ฉีดวัคซีนนั้นเป็นการตัดสินใจของเด็กเอง
คุณครูมองว่าวิธีหนึ่งที่จะช่วยแก้ปัญหานี้คือ ทางโรงเรียนหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรจัดอบรมและให้ความรู้กับเด็ก ทั้งเรื่องประสิทธิภาพวัคซีน และอัตราการเกิดผลข้างเคียง เพื่อให้นักเรียนรับข้อมูลที่ครบถ้วนและถูกต้อง ซึ่งหลังจากนั้นเด็กจะตัดสินใจฉีดหรือไม่ฉีด ก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของนักเรียนแต่ละคน
9. ความเห็นดังกล่าวสอดคล้องกับ ดร.สุวดี พันธุ์พานิช เลขานุการกลุ่มโรงพยาบาลธนบุรี และรองโฆษกพรรคไทยสร้างไทยที่ออกโพสต์ข้อความถึงประเด็นนี้ด้วยว่า “ฉีดหรือไม่ฉีดวัคซีนเป็นสิทธิส่วนบุคคล วัคซีนที่ได้รับการรับรองจาก WHO ให้ฉีดได้ในกลุ่มเด็ก เป็นข้อมูลที่ช่วยยืนยันว่า มีข้อดีมากกว่าข้อเสียในระดับที่ยอมรับได้ ทั้งนี้ คนต้องเลือกวัคซีน ไม่ใช่วัคซีนเลือกคน เอามาให้หลากหลายมากพอเถอะค่ะรัฐบาล #ไฟเซอร์นักเรียน”
10. ทั้งนี้ ไม่ได้เพียงแต่เรื่องความกังวลเรื่องผลข้างเคียงที่ทำให้เด็กไม่ฉีดวัคซีน ยังมีเด็กอีกส่วนหนึ่งที่ปฏิเสธวัคซีนเพราะไม่มั่นใจว่าจะได้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์จริงไหม และกลัวว่าจะถูกสลับวัคซีน เนื่องจากมีการแชร์ภาพในอินเทอร์เน็ตว่าพบกล่องวัคซีนซิโนแวคในจุดฉีดวัคซีนไฟเซอร์ อย่างไรก็ตาม จนถึงตอนนี้ก็ไม่มีการหลักฐานยืนยันว่ามีการสลับวัคซีนโดยไม่ได้แจ้งก่อนฉีดแต่อย่างใด
11. นอกจากประเด็นเรื่องปฏิเสธวัคซีน ในแฮชแท็ก #ไฟเซอร์นักเรียน ยังมีการแชร์ปัญหาการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ในรูปแบบอื่นๆ อีก ไม่ว่าจะเป็น
– การจำกัดอายุฉีดวัคซีนที่ครอบคลุมแค่ 12-17 ปี ทำให้เด็กมัธยมศึกษาปีที่ 6 ซึ่งอายุครบ 18 ปีตกขบวนวัคซีนไฟเซอร์ ถูกเปลี่ยนให้ฉีดสูตร Sinovac+AstraZeneca
– เด็กนอกระบบที่อายุไม่ถึง 18 ปี ไม่ได้สิทธิฉีดวัคซีน
– การจัดสรรวัคซีนไม่เพียงพอต่อจำนวนนักเรียนที่ต้องการฉีดวัคซีน จนต้องมาตัดชื่อนักเรียนออกทีหลัง
– การออกระเบียบให้เด็กนักเรียนต้องแต่งตัว และทำผลถูกระเบียบ ไม่งั้นไม่ได้ฉีดวัคซีน
– ผู้ปกครองบางส่วนไม่ยินยอมให้ลูกหลานเข้ารับวัคซีน
12. จนถึงขณะนี้มีนักเรียนที่ลงทะเบียนประสงค์ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ประมาณ 3,600,000 คน หรือร้อยละ 71 จากทั้งหมดกว่า 5,000,000 คน หลายคนจึงมองว่า กระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงสาธารณสุขควรช่วยกันเร่งมือหาทางกระจายวัคซีนอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
นำวัคซีนส่วนที่ยังไม่ถูกใช้ในจุดหนึ่งมาเร่งให้บริการอีกจุดหนึ่งที่ขาดแคลน เพราะวัคซีนไฟเซอร์เป็นวัคซีนชนิด mRNA ที่มีวิธีการเก็บรักษาที่ค่อนข้างยาก ดังนั้นจึงควรเร่งใช้ประโยชน์จากวัคซีนส่วนนี้ก่อนที่จะเสื่อมสภาพ
อ้างอิงจาก
https://news.thaipbs.or.th/content/308329
https://www.matichon.co.th/social/news_2977694
https://twitter.com/DrSuwadee/status/1445751107754496015
https://www.sanook.com/news/8454298/
https://www.bangkokbiznews.com/news/960847