ประการณ์ การใช้งาน ของ Klipsch T5II ANC Standard & McLaren Edition ครับ มีข้อดีข้อเสียยังงัยลองตามไปอ่านกันครับ

* กระทู้นี้สามารถใช้งานได้เฉพาะผู้ที่มี Link นี้เท่านั้นค่ะ
กระทู้สนทนา
มีเพื่อนถามกันเข้ามาหลายท่านว่าผมใช้กล้องอะไรถ่ายรูปลงเวลาเขียนรีวิว นะครับผมไม่ได้ใช้กล้อง DSLR หรือ Millorless นะครับ โดยใช้เจ้ามือถือนั่นแหละเจ้า 🔸️🔸️🇰🇷 Samsung S21 Ultra🇰🇷🔸️🔸️ #samsungs21ultra ครับ มันใช้สะดวก ถ่ายปุ๊ป ปรับแสงปรับลงได้เลย ภาพขยายแล้วความคมชัดอาจจะไม่ได้ชัดเหมือนกล้อง Full Frame นะครับ แต่ผมว่าเพียงพอต่อการลงในเฟซบุ๊คละครับ  และใช้โปรแกรม 🔸️🔸️Samsung Note ในการเขียนรีวิว🔸️🔸️ถ้าถามอีกทำไมไม่ใช้ Iphone หละ 😅 ง่ายนิดเดียวถนัด Android มากกว่า ยืดหยุ่นกว่า ตรงนี้ก็ แล้วแต่ความชอบ และ ถนัดของเพื่อนแต่ละท่านเลยครับ

เกริ่นซะยาว เรามาเข้าเรื่อง ของเจ้า KLIPSCH T5II ANC กันครับ ตอนแรกได้มา McLaren Edition มาก่อน และได้ตัว Standard ตามมาทีหลัง สุดท้ายค่อยตามกันดูครับ ว่าผมเลือกตัวไหนเก็บไว้



Klipsch แบรนด์ที่ทำลำโพง เสียงดีๆออกมาขายหลายรุ่น แต่ผมยังไม่เคยลองเลย 😅 และพอมาทำ  หูฟัง True Wireless ออกมา ก็ได้มีเทคโนโลยี ไดร์เวอร์ ของตัวเอง Horn ที่คุยว่าสามารถขับเสียงได้ยอดเยี่ยมกว่าหูฟังไดร์เวอร์แบบธรรมดา





ผมเคยใช้แต่ TWS นั่นแหละรุ่นก่อนคือเจ้า T5II McLaren Sport Edition รุ่นนี้ออกมารองรับ ANC ที่ต่อยอดจากรุ่นเดิม ปีทีแล้ว ซึ่งตอนนี้หลายค่ายที่ยังไม่มีฟังก์ชั่นนี้ถือว่า ต้องมาแล้วหละครับ สำหรับผู้บริโภค เสียงเพลง การใช้งานคุยมือถือ อย่างเรา

🔸️Gen นี้ทำออกมา 2 รุ่น คือ ตัว T5II ANC กับ T5II ANC McLarenความเหมือน และ ความแตกต่างทั้ง 2 ตัวนี้เฉพาะเรื่องเสียงและฟังก์ชั่นแทบไม่ต่างกันเลย
( เพื่อนๆท่านไหนมีข้อมูลจุดที่ต่าง เพิ่มเติมจากที่ผมเขียน รบกวนแชร์ไว้ด้วยครับ 😁)ลองดูตามภาพที่ผมถ่ายเลย ทั้งตัวหูฟัง ตัวเคส





💥สิ่งที่แตกต่าง ระหว่าง 2 รุ่นนี้💥

1. ตัวหูฟังผมว่าเหมือนกันครับ เปลี่ยนแค่แผ่นเพลทด้านหน้า ตัวอักษรที่ไม่เหมือนกัน
2. ตัวเคสรุ่นแสตนดาร์ด ทำจากอลูมิเนี่ยม เงา มีน้ำหนัก ส่วน McLaren Edition ทำจากไฟเบอร์ พิเศษ น้ำหนักเบา และใช้ลวดลายเคฟล่า เคสทำเป็นลายล้อรถ
3. แอสเซสเซอรี่ในกล่อง รุ่น McLaren จะให้แท่นชาร์จไร้สาย อันใหญ่มา ให้ด้วย
4. จุกหูฟังแบบเดียวกันแค่สีต่างกัน



🔸️ANC & Transparency  Mode

สำหรับผมถือว่าทำออกมาได้เป็น ระบบตัดเสียงที่เป็นธรรมชาติตัวนึงครับ อย่างที่ผมเคยเขียนไป เดี๋ยวนี้หูฟังหลายตัวทำ ANC ออกมาแบบถ้าเราปรับสุด มักจะไปเพิ่ม ย่านเสียงขึ้นมาโดยเฉพาะเบส 

ANC ที่เป็นธรรมชาติ ผมคิดว่าระบบมันควรจะทำหน้าที่แค่ตัดเสียงรอบข้างออกไปโดยไม่ไปบูสเสียงขึ้นมา ซึ่งทำให้เราได้เสียงจากหูฟังคงเดิม โดยที่ได้ความสงัดขึ้น ( ตรงจุดนี้ถ้าเพื่อนมีอะไรเพิ่มเติม หรือเห็นต่างรบกวนบอกผมด้วยนะครับ 😁)

แอพสามารถปรับจากระดับน้อยสุด ถึงมากสุด ไม่ได้เป็นระดับขั้น เอาตามใจเราเลยครับ ทั้ง โหมด ANC และ Transparency เวลาใช้ฟังเพลงจะเปิดแค่ระดับกลาง ถึงแม้บางจังหวะจะได้ยินเล็ดลอดเข้ามา แต่ก็ยังโฟกัสได้ยินเสียงเพลงที่ดังอยู่ ครับโหมด Transparency ก็สามารถรับเสียงภายนอกเข้ามาได้ดีเป็นธรรมชาติ ก็สามารถปรับระดับได้เหมือน ANC โหมด



🔸️DIRAC Sound

GEN นี้ทั้ง 2 ตัว ใส่เทคโนโลยี Dirac® HD Sound บนหูฟัง TWS ที่ไปปรับแนวเสียงโดยผ่านการส่งสัญญาณ Digital ให้มีความสมจริง ทรงพลัง เนื้อเสียงมีความคมชัด เคลียร์ใส และรายละเอียดจัดเต็มมากขึ้น  หลังจากที่ปรับแล้วมันจะอัพเสียงขึ้นจากเดิม ทุกย่าน ทั้งเบส เสียงร้อง และมิติ เป็นไดนามิคเพิ่มมากขึ้น  เหมือน แบรนด์อื่นที่มีแอพเพิ่มอัพเสียงให้กับหูฟังตัวเอง  สำหรับผม สามารถฟังได้ ทั้งแบบที่เป็นดั้งเดิมของทาง Klipsch และ เวลาเปิด Dirac Sound ครับ เอาไว้ฟังต่างสถานะการณ์กัน เวลาอยากฟังเรียบๆเบาเพราะ ก็ปิด Dirac เวลาอยากได้เสียงร้อง ความแหลม กังวาลเพิ่มขึ้น ก็เปิดเจ้า Dirac Sound และไม่ใช่แค่เปิด ปิด โหมดอย่างเดียว เรายังสามารถเข้าไปปรับ EQ อิสระได้อีกเพิ่มเติมต่างหาก ถือว่า Klipsch ทำมายืดหยุ่นดีมาก

🔸️BRAGI MOVE
โหมดนี้ทำขึ้นมาเพื่อใช้การรับสาย โทรศัพท์ และการวางสาย และการเปลี่ยนแทร็คเพลง โดยใช้การส่ายหัว และพยักหน้าเท่านั้น 🤣 เอาตรงๆผมไม่เคยเปิดใช้เลย และไม่คิดว่าจะเอามาใช้ด้วยครับ แต่ก็ต้องชมในความคิดแปลกแหวกแนวของทาง Klipsch ครับ 👏👏

🔸️ไมค์โครโฟน

ไมค์ของหูฟังจะมีทั้งหมด 6 ตัวเป็น ไมค์รับเสียง 4 ตัว แบบ beamforming โดยจำกัดทิศทางของการรับเสียง และไมค์ตัดเสียงรบกวน 2 ตัวแบบ hybrid ถึงแม้จะไม่ได้เป็น TWS ที่มีก้านยื่นออกมาแต่ใช้คุยมือถืออยู่ในเกณ์ดีได้เสียงชัดทั้งต้นสายปลายสาย ตัดเสียงแบ็คกราวน์รอบข้างได้ดี



🔸️พูดถึงแนวเสียงเจ้าตัวนี้

ก่อนเริ่มใช้ จุดที่ต้องระวังคือเรื่องจุกซึ่งของ Klipsch จะทำมาไม่เหมือนทั่วไปรูปร่างวงรี และ แกนเวลาใส่ก็จะไม่เหมือนจุกทั่วไปครับ  ซึ่งการที่เป็นจุกลักษณะวงรีแบบนี้ ตอนใส่ใช้งานจะต้องปรับหมุนให้เข้ากับตำแหน่งช่องหูของเราให้ดีที่สุด จะให้การซีลเสียงได้ดีที่สุด ไม่งั้นจะได้ยินเสียงจากหูฟังบาง เบส เสียงร้องมาไม่เต็มครับ เพราะคิดว่าเสียงของหูฟังตัวนี้เสียงร้องจะเด่นกว่าทุกตัวที่ลองมาเลย👍

ผมถือว่า จัดเต็มสมกับเป็นแบรนด์ Klipsch จริงๆ ทั้งที่ตอนแรกไม่ได้คาดหวังว่าดีขึ้นจาก T5 II McLaren ตัวเดิมสักเท่าไรนัก

ไดรเวอร์แบบ Dynamic Moving Coil Micro Speaker ขนาดข้างละ 5.8 มิลลิเมตร จูนเสียงตามสไตล์ของแบรนด์ Klipsch ( แต่หวังว่าอยากให้ไดร์เวอร์มีขนาดใหญ่กว่านี้อีกได้แล้วเพราะในตลาด TWS ตอนนี้ มีบางตัวไปถึง 11-13 มม กันแล้ว ถ้า Klipsch  ด้วยความที่คิดค้นแบบไดร์เวอร์ของตัวเอง ผมคาดว่านะจะให้เสียงดีกว่า ไดร์เวอร์ขนาดที่มีอยู่ รอครับ 😁 ในเจนต่อๆไป

เสียงของเจ้า Klipsch T5II ANC ตัวนี้ ฟังแล้วเป็นธรรมชาติ เสียงร้องเด่น ใกล้หูเรา เสียงร้องเสียงกลาง คม ละเอียดดี เสียงสูงละมุน ทอดไปได้พอสมควร ไม่มีการบาดหู  ฟังเพลง ร้อง เพลงPop , Acoustic , Easy Listening ได้ดีมาก   แยกเสียงรายละเอียดดี  เสียงเบสมาแบบอิมแพ็ค ไม่ได้เป็นลูกใหญ่มาก แต่เอาไปฟังเพลง Rock  ก็ถือว่าเบสยังฟังได้สนุก แต่ถ้าสำหรับคนที่ต้องการเบสเยอะๆตัวนี้อาจไม่เหมาะ

🔸️การใช้ในการดู Netflix , Youtube , Disney+
ไม่มีดีเลย์เลยนะครับ สบายๆเลย แต่เล่นเกมก็ดีเลย์นิดหน่อยแต่เล่นได้





🔸️ก็ขอสรุปคร่าวๆกับเจ้า Klipsch T5II ANC แค่นี้ครับ🔸️

เพื่อนๆหาฟังเสียงและจัดหามาเป็นเจ้าของกันได้เลยที่ มั่นคง แก็ดเจ็ท (รู้จักเจ้าเดียวมั้ง🤣) และ ผู้ที่เป็นตัวแทนนำเข้า แบรนด์ Klipsch เข้ามาจำหน่ายในไทย Sound Republic Thailand
#munkong #soundrepublicthailand









สุดท้ายผมเลือกตัวไหนเก็บไว้เหรอครับ สรุปเอาเจ้า ตัวธรรมดาครับ เพราะชอบ วัสดุเคสที่เป็นอลูมีเนียม เคลือบเงา ถึงจะหนักกว่าตัว McLaren ที่ใช้วัสดุเป็น Carbon Fiber ส่วนตัวคิดว่ามันสวยกว่า และการชาร์จไร้สายผมก็แทบไม่ได้ใช้ เอามาก็คงเก็บไว้ในกล่อง โดยที่เสียง และฟังก์ชั่นไม่ได้ต่างกันกับ McLaren Edition เลย

🙏ขอบคุณเพื่อนทุกท่านที่เข้ามาอ่านรีวิวเจ้า KLIPSCH T5II ANC กันครับ🙏
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่