ทริปกินยำ ในวันฝนพรำ ที่ประจวบคีรีขันธ์


       จุดเริ่มต้นของทริปคงมาจากการดู YouTube แล้วสะดุดตากับคลิปแม่ค้ากำลังปรุงเครื่องยำที่มีของทะเลอัดแน่นเต็มหม้อใบใหญ่​ ฉากหลังเห็นไกลๆผมจำได้ว่าเป็นทะเลอ่าวประจวบ ภาพลูกค้ามายืนรอต่อคิวกันเต็มรอบๆร้าน เมื่อมองดูที่ชื่อช่องจึงทราบว่าร้านนี้ชื่อเจ๊หนึ่ง แซ่บตามปากหลังจากนั้นผมก็กดติดตามช่อง​ และจะรับชมทุกครั้ง​ที่มีการลงคลิปใหม่​ ผมและภรรยาจึงเกิดความต้องการอยากจะไปสัมผัสประสบการณ์การรอคิวและรับประทานยำที่ร้านอันแสนจะไกลแห่งนี้
       จังหวัดประจวบคีรีขันธ์เป็นจังหวัดภาคกลางตอนล่างที่ต้องใช้เวลาถึงอย่างน้อย 4 ชั่วโมง หรือ ระยะทาง 300 กิโลเมตร แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเราสองคน ใช้เวลาตัดสินใจเพียงไม่กี่วินาที เราก็จัดกระเป๋าและสัมภาระไปเดินทางไปยังจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ทันที
       ผมดูแผนที่ Google Map ก่อนการเดินทางพบว่าถนนพระราม 2 มีรถติดยาวในขาออก ผมจึงเลือกใช้การเส้นทาง ถนนพุทธมณฑลสาย 4 ไปกระทุ่มแบนแทน ระหว่างที่ขับรถผ่านพุทธมลฑลสาย 2 ผมจำได้ว่าแถวพถทธมลฑลสาย 3 มีร้านข้าวขาหมูบุฟเฟ่ต์ ที่เจ๊ต่าย ยูทูปเบอร์ชื่อดังแห่งช่อง​ Cony Cry ได้เคยมารีวิว จึงขอฝากท้องมื้อเช้าที่ข้าวขาหมูบุฟเฟ่ต์เจ๊หนึ่งเลยแล้วกัน ซึ่งทางเข้าไปยังร้านหาได้ไม่ยาก​ มีป้ายบอกทางตั้งแต่ปากซอย ที่ร้านมีอากาศที่ปลอดโปร่ง​ ประกอบกับความร่มรื่นของสวนผักที่อยู่โดยรายรอบ ทางร้านมีมาตรการป้องกัน covid ที่ดีมากตั้งแต่ก้าวแรกที่เดินเข้าร้าน ทำให้ลูกค้ามั่นใจได้ในความปลอดภัยเมื่อมาใช้บริการ ราคาข้าวขาหมูคิดราคาอิ่มละ 40 บาท​ แบบไม่จำกัดปริมาณ เมื่อทานหมดจานแล้วไม่อิ่ม​ ก็สามารถขอเพิ่มได้ และยังสามารถเลือกได้ว่าจะเป็นแบบเนื้อ หรือ แบบเนื้อหนังผสมกัน ปริมาณข้าวขาหมูต่อจานเท่ากับร้านขาหมูปกติที่ขายทั่วไป ผมและภรรยาจึง รับประทานไปคนละ 2 จาน รสชาติถูกใจเป็นอย่างมาก อร่อยและจุกไปตามๆกัน ถ้าทานต่ออีกคงจะไม่ไหว
       ใช้เวลาเดินทางต่ออีกพอสมควรก็ถึงจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เราตรงไปยังที่พักก่อนเป็นอันดับแรกเนื่องจากฝนกำลังตกอยู่จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไปท่องเที่ยวยังสถานที่ต่างๆ และ​ ที่พักของเราในวันนี้คือเกาะหลักรีสอร์ท ซึ่งตั้งอยู่บริเวณริมทะเลอ่าวประจวบถัดไปทางอ่าวน้อย ในรีสอร์ทนี้มีร้านอาหารชื่อว่าเฉี่ยวโอชา ผมเองได้เคยมีโอกาสรับประทานอาหารที่นี่เมื่อสมัยเป็นนักศึกษา และ ผมยังจำเมนูผัดฉ่าพญาหอยได้ดี
       หลังจากพักผ่อนจากการเดินทางกันในห้องพักสักครู่ใหญ่ๆ ก็ได้เวลา 16.00 น. ซึ่งเป็นเวลาที่ถนนคนเดินประจวบคีรีขันธ์เปิดทำการ ในระหว่างผมขับรถตามถนนเลียบชายหาดผ่านเขาช่องกระจกได้มีโอกาสพบกับเหล่าฝูงลิงเจ้าถิ่นผู้ที่ไม่เกรงกลัวรถเลย นั่งให้การต้อนรับเราเป็นระยะๆ ด้วย
       เรามักมีความโชคดีในเรื่องที่จอดรถหลายๆครั้งในการท่องเที่ยว​ และในครั้งนี้มีรถยนต์ออกจากที่จอดรถพอดี ก็เลยได้โอกาสจอดแทนที่ทันที ฝนก็ไม่มีทีท่าจะหยุดตก​ ซึ่งเป็นฝนตกในลักษณะปอยๆจะเดินกลางแจ้งก็ไม่ได้ ทำได้แต่เพียงนั่งหลบฝนในศาลา 
       เจ๊หนึ่งคนสวยกำลังเตรียมเปิดร้านอยู่พอดีเมื่อเราไปถึง ก็เลยชะล่าใจยังไม่ได้สั่งอาหารตอนนั้น​ รอร้านเปิดแล้วค่อยสั่งจะดีกว่า แต่พอมาทราบทีหลังว่าได้มีคิวสั่งอาหารก่อนหน้าเราเป็นจำนวนมาก และ คนที่นั่งพักผ่อนในสวนสาธารณะเกือบทุกคน คือลูกค้าของร้านเจ๊หนึ่งแซบตามปากนั่นเอง 
เมนูยำต่างๆถือว่าตามใจปากของเราโดยแท้จริงดังชื่อร้าน​ เมนูของเรานั้นเน้นที่เป็นไข่เป็นหลัก​ เช่น ไข่ปลาริวกิว ไข่ปู ไข่แมงดา เมื่อสั่งเสร็จพี่เขาก็ให้เรารอ​ 1​ ชั่วโมง​ ถ้าทำแล้วเสร็จจะโทรเรียกระหว่างรอคิวเราเดินชมถนนคนเดินประจวบคีรีขันธ์ ในขณะฝนตกพรำๆ 
       ขอชื่นชมพ่อค้าและแม่ค้าที่นี่ส่วนมากฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มเกือบทุกร้านโดยแสดงเอกสารให้ลูกค้าเห็นเพื่อความมั่นใจ และผมที่เป็นลูกค้าก็มีเอกสารด้วยเช่นกัน 

       ผมได้ซื้อปูจักจั่นนึ่งและกะเพราไข่ดาวเพื่อ เสริมกำลังเผื่อว่า ยำของเจ๊หนึ่งนั้นอาจจะไม่ทำให้ผมอิ่มได้ เราใช้เวลาในการรอยำเจ๊หนึ่งเป็นเวลา 1 ชั่วโมง 30 นาที​ และในที่สุดก็ได้ยำกะละมังใหญ่ในราคา 500 บาท ถือว่าราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับปริมาณและความสดของวัตถุดิบที่ใด้มา แต่เราไม่สะดวกในการรับประทานที่บริเวณสวนสาธารณะ หรือ ริมชายหาดประจวบตามที่วางแผนไว้ได้เนื่องจากฝนยังคงตกอยู่ จึงต้องเปลี่ยนแผนโดยนำไปรับประทานยัง
       ที่พักที่เกาะหลักรีสอร์ท มีศาลาเล็กๆสำหรับให้นั่งรับประทานอาหาร โดยมีทิวทัศน์เป็นทะเลอ่าวประจวบ ประกอบกับมีน้องหมาตาแป๋วเป็นยามเฝ้าอยู่ตลอดเวลา จึงหายห่วงเรื่องความปลอดภัย   
       เมื่อเปิดกล่องเพื่อรับประทานพบกับปลาหมึกไข่ที่มีความสดเด้ง กุ้งตัวใหญ่ยักษ์เนื้อกรอบ ไข่ปลาก็สดไม่มีความคาว รสชาติของน้ำยำจี๊ดจ๊าดบวกกับน้ำปลาร้านัวๆ และไม่ใช่ผงชูรสในการปรุง ทำให้รสชาติออกมาลงตัว เราสองคนมีความเห็นตรงกันว่ารสชาติอร่อยตามคำร่ำลือจริงๆ คุ้มค่ากับการเดินทาง 300 กิโลเมตรเพื่อมารับประทานอาหาร 
       เมื่อยำเจ๊หนึ่งและอาหารที่ซื้อมาเข้าไปในกระเพาะที่ไม่ใหญ่นักของเราทั้งสองคน ทำให้เกิดอาการจุกไปตามๆกัน เมื่อหนังท้องตึง หนังตาก็หย่อนเป็นธรรมดาจึงขอพักผ่อนเอาแรงเพื่อเดินทางกลับในวันพรุ่งนี้
       เราตื่นมาในช่วงท้องฟ้าไม่แจ่มใสเท่าใดนัก แสงท้องฟ้ายังคงสลัว แดดยังไม่ออกทั้งที่เช้าแล้ว เราถ่ายรูปเป็นที่ระลึกริมอ่าวน้อยกันสักพักและจะเดินทางต่อไปยังคลองวาฬเพื่อซื้อของฝากไปให้พี่เขยและพี่สาวของภรรยา
       เมื่อผ่านทางเข้ากองบิน 5 อ่าวมะนาว เห็นว่ามีการเปิดรับนักท่องเที่ยว จึงได้โอกาสที่จะไปแวะรับประทานอาหารเช้าที่ร้านสวัสดิการกองบิน 5 เสียเลย ซึ่งเป็นที่เรามักจะแวะประจำในเวลาที่เราเดินทางไปภาคใต้ 
       อ่าวมะนาวช่วงเช้าค่อนข้างจะเงียบเหงาพอสมควร เมื่อเทียบกับช่วงเวลาปกติ อาจเป็นช่วงเวลาที่เริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ เราได้พบกับร้านอาหารใต้ และเลือกเมนูอาหารตามสั่งมา 2 เมนู ได้แก่ ผัดกะเพราหอยแมลงภู่ และ ข้าวผัดกุ้ง จากนั้นตามด้วยเมนูข้าวราดแกง ได้แก่ ต้มหน่อไม้กระดูกหมู แกงไตปลา และ ปลากระบอกทอด รสชาติอาหารร้านนี้ถูกใจเราสองคนมาก เป็นอาหารใต้แท้แน่นอน ฟังเสียงจากเจ้าของร้าน พูดสำเนียงใต้เสียงชัดเจนจากหลังร้าน ปริมาณอาหารเมื่อเทียบกับราคาแล้วถือว่าไม่แพงเลย แม่ค้าได้บอกว่าปลากระบอกที่นำมาทอดนั้น ซื้อมาจากเรือประมงของชาวบ้านในระแวกนั้น ภรรยาและผมถึงกับต้องรับประทานคนละ 2 จานอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เนื่องจากรสชาติถูกใจเป็นอย่างมาก และ ผมได้มีโอกาสพูดคุยช่วงสั้นๆกับเจ้าของร้าน ได้ทราบว่าช่วงสถานการณ์ covid ที่ผ่านมา ทางร้านเปิดตลอดแต่คนมาค่อนข้างน้อย และกลับไม่สามารถนั่งทานที่ร้านได้จะต้องซื้อกลับบ้านอย่างเดียว มีพนักงานหลายคนที่ต้องตกงานจากสถานการณ์นี้ 
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่