*เผื่อใครอยากฟังแทน กดที่ VDO ได้ครับ*
สวัสดีครับ เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ เป็นมุมมองของตัวผมเองด้านเดียวนะครับ และจะไม่เป็นแบบวิชาการมากนะครับ
เน้นไปที่เล่าประสบการณ์ของผมมากกว่า
ผมเคยผ่าตัดข้อเท้า เพราะอุบัติเหตุ ข้อเท้าพลิกธรรมดา แต่ไม่ยอม รักษาให้หายขาด ยังออกไปเล่นกีฬา
ทำกิจกรรมหนักๆตามปกติ เพราะตอนนั้นผมเป็นนักกีฬามหาลัยครับ เลยทำให้บาดเจ็บรุนแรง จนต้องผ่าตัดครับข้อเท้าครับ แต่อย่างไรก็ตาม
ผมก็มีการบาดเจ็บร่วมด้วยหลายอย่าง เช่น เอ็นร้อยหวายอักเสบ เจ็บหน้าแข้ง Shin spint และ ที่จะพูดถึงหลักๆ
คือ รองช้ำ เอ็นใต้ฝ่าเท้าอักเสบ โรคเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ plantar fasciitis ชื่อเรียกเยอะเหลือเกิน 555
หลังจากที่หมอให้คำแนะนำว่า ลองฉีดดีไหม เพราะก่อนหน้านี้ ผมก็ให้นักกายภาพบำบัด อัลตร้าซาวด์ และ Shockwave นวดไฟฟ้าแล้ว แต่อาการไม่ค่อยดีขึ้น และค่าใช้จ่ายมากด้วยครับ (ยอมรับว่าไม่ได้ไปทำบ่อยและการรักษาคงไม่ต่อเนื่อง) กลับมาที่ฉีดสเตียรอยด์ ฉีดที่ใต้เฝ่าเท้านี้แหละ ความรู้สึกเหมือนน้ำไหลเข้าไปในเท้าเลยครับ 555
หลังจากฉีดแล้ว หมอเพียงบอกแค่ว่า ให้ใช้งานให้น้อยที่สุด ไม่เล่นกีฬาหนักๆ สัก 2-3 อาทิตย์ ซึ่งผมก็ทำตามครับ
ตอนนั้นผมตัดสินใจ ออกจากการเป็นนักกีฬามหาลัยเลยนะครับ เสียใจมาก แต่เพราะกลัวข้อเท้าอาจจะอาการบาดเจ็บในอนาคต เหมือนผมทิ้งความฝันไปเลย อย่างไง อย่างงั้น แต่ไม่เป็นไร ยังไงสุขภาพก็สำคัญกว่า หลังจากฉีดแล้ว
อาการดีขึ้น เดินไม่ค่อยเจ็บใต้ ฝ่าเท้าแล้ว แต่ผมจำได้เลยนะครับ พอผ่านไปสัก 2-3 เดือน อาการกลับมาแล้วครับ
ตอนนั้นคิดมากหงุดหงิด ทั้งๆไม่ได้ออกกำลังกายอะไรเลย แต่อาการกลับมา คงเป็นเพราะว่า เราต้องเดินไปมา ระหว่างหอพัก กับ มหาลัยทุกวัน ผมเรียนอยู่ ABAC บางนา นะครับ มหาลัยไม่ใหญ่มาก แต่ก็ต้องเดินเยอะมาก จากสถานที่เรียนไป ร้านอาหารก็ไกลมากๆ ถึงแม้จะมีรถรางรับส่ง ก็ต้องเดินอยู่ดี เพราะรอไม่ไหว และจากอาคารเรียนเดินกลับหอ ก็ไกลเช่นกันครับ ผมคงคิดว่า เพราะอาการต่อไปนี้จึงทำให้กำเริบครับ
ณ ช่วงนั้น ผมก็ไม่ออกกำลังกายหนักอีกต่อไปแล้วนะครับ ก็เน้นไปที่ ว่ายน้ำอย่างเดียว หลังจากผ่านไปปีหนึ่ง อาการกลับมาเหมือนเดิม ก่อนฉีดอีกครับ และก็กลับมาปวดเหมือนเดิมเลย และผมก็ตัดสินใจ ฉีดสเตียรอยด์ อีกครั้ง แต่ก่อนฉีดผมก็แจ้งหมอแล้วนะครับ ว่าเคยฉีดไปแล้ว อันนี้สำคัญมาก แจ้งหมอด้วย ถึงหมอจะมีประวัติเรา แต่มันอาจจะเก่าเกินไปแล้วก็ได้ ฉีดมากๆไม่ดีนะครับ อาจจะทำให้เส้นเอนหรือกล้ามเนื้อส่วนนั้นฉีกขาดไปเลยได้ แต่โชคร้ายมากครับ ผมตัดสินใจผิด ตอนนั้นเป็นเทอมสุดท้ายก่อนจบ ผมย้ายคณะพอดี แล้วต้อง
เรียนการโรงแรม ที่ต้องเน้น ภาคปฏิบัติ สุดท้าย ต้องเดินและยืนเยอะ เหมือนเดิม คงไม่ต้องบอกนะครับว่า
ผ่านไปปีหนึ่ง อาการกลับมาเหมือนเดิมเลยครับ ส่วนตัวแล้ว ผมเลยคิดว่า ฉีดสเตียรอยด์ มันทำให้อาการดีขึ้นจริง
แต่ ตราบใดที่เรายังต้องทำงาน ต้องเดินทาง ใช้เท้าเยอะๆ ผมว่า มันไม่มีทางหายขาดได้หรอกครับ
ถ้าคุณอยากฉีดสเตียรอยด์
คุณก็ต้องวางแผนดีๆ หรือไม่ก็ งานที่คุณทำอยู่ คืองาน Office ที่ต้องนั่งทำงาน 8 ชั่วโมง ไม่เดินเยอะ
ผมว่าอาการดีขึ้นแน่นอนครับ
แต่ตัวผมปัจจุบันหายแล้วนะครับ แต่หายโดยการกายภาพบำบัดครับ ซึ่งใช้เวลากายภาพบำบัดแบบจริงๆจังๆ
ประมาน 3 เดือนครับ ปัจจุบันแทบจะไม่มีอาการปวดจากรองช้ำแล้ว ถ้าหากไม่ได้วิ่งแบบหักโหม 2 ชั่วโมง
หรือเดินทาง ท่องเที่ยว ที่ต้องเดิน 3 ชั่วโมงติดต่อกันครับ อาการกำเริบนิดหน่อย แต่สักพักไม่กี่ ช ม ก็หายเองครับ
รักษารองช้ำ เอ็นใต้ฝ่าเท้าอักเสบ โดย ฉีดสเตียรอยด์ – เล่าประสบการณ์
*เผื่อใครอยากฟังแทน กดที่ VDO ได้ครับ*
สวัสดีครับ เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ เป็นมุมมองของตัวผมเองด้านเดียวนะครับ และจะไม่เป็นแบบวิชาการมากนะครับ
เน้นไปที่เล่าประสบการณ์ของผมมากกว่า
ผมเคยผ่าตัดข้อเท้า เพราะอุบัติเหตุ ข้อเท้าพลิกธรรมดา แต่ไม่ยอม รักษาให้หายขาด ยังออกไปเล่นกีฬา
ทำกิจกรรมหนักๆตามปกติ เพราะตอนนั้นผมเป็นนักกีฬามหาลัยครับ เลยทำให้บาดเจ็บรุนแรง จนต้องผ่าตัดครับข้อเท้าครับ แต่อย่างไรก็ตาม
ผมก็มีการบาดเจ็บร่วมด้วยหลายอย่าง เช่น เอ็นร้อยหวายอักเสบ เจ็บหน้าแข้ง Shin spint และ ที่จะพูดถึงหลักๆ
คือ รองช้ำ เอ็นใต้ฝ่าเท้าอักเสบ โรคเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ plantar fasciitis ชื่อเรียกเยอะเหลือเกิน 555
หลังจากที่หมอให้คำแนะนำว่า ลองฉีดดีไหม เพราะก่อนหน้านี้ ผมก็ให้นักกายภาพบำบัด อัลตร้าซาวด์ และ Shockwave นวดไฟฟ้าแล้ว แต่อาการไม่ค่อยดีขึ้น และค่าใช้จ่ายมากด้วยครับ (ยอมรับว่าไม่ได้ไปทำบ่อยและการรักษาคงไม่ต่อเนื่อง) กลับมาที่ฉีดสเตียรอยด์ ฉีดที่ใต้เฝ่าเท้านี้แหละ ความรู้สึกเหมือนน้ำไหลเข้าไปในเท้าเลยครับ 555
หลังจากฉีดแล้ว หมอเพียงบอกแค่ว่า ให้ใช้งานให้น้อยที่สุด ไม่เล่นกีฬาหนักๆ สัก 2-3 อาทิตย์ ซึ่งผมก็ทำตามครับ
ตอนนั้นผมตัดสินใจ ออกจากการเป็นนักกีฬามหาลัยเลยนะครับ เสียใจมาก แต่เพราะกลัวข้อเท้าอาจจะอาการบาดเจ็บในอนาคต เหมือนผมทิ้งความฝันไปเลย อย่างไง อย่างงั้น แต่ไม่เป็นไร ยังไงสุขภาพก็สำคัญกว่า หลังจากฉีดแล้ว
อาการดีขึ้น เดินไม่ค่อยเจ็บใต้ ฝ่าเท้าแล้ว แต่ผมจำได้เลยนะครับ พอผ่านไปสัก 2-3 เดือน อาการกลับมาแล้วครับ
ตอนนั้นคิดมากหงุดหงิด ทั้งๆไม่ได้ออกกำลังกายอะไรเลย แต่อาการกลับมา คงเป็นเพราะว่า เราต้องเดินไปมา ระหว่างหอพัก กับ มหาลัยทุกวัน ผมเรียนอยู่ ABAC บางนา นะครับ มหาลัยไม่ใหญ่มาก แต่ก็ต้องเดินเยอะมาก จากสถานที่เรียนไป ร้านอาหารก็ไกลมากๆ ถึงแม้จะมีรถรางรับส่ง ก็ต้องเดินอยู่ดี เพราะรอไม่ไหว และจากอาคารเรียนเดินกลับหอ ก็ไกลเช่นกันครับ ผมคงคิดว่า เพราะอาการต่อไปนี้จึงทำให้กำเริบครับ
ณ ช่วงนั้น ผมก็ไม่ออกกำลังกายหนักอีกต่อไปแล้วนะครับ ก็เน้นไปที่ ว่ายน้ำอย่างเดียว หลังจากผ่านไปปีหนึ่ง อาการกลับมาเหมือนเดิม ก่อนฉีดอีกครับ และก็กลับมาปวดเหมือนเดิมเลย และผมก็ตัดสินใจ ฉีดสเตียรอยด์ อีกครั้ง แต่ก่อนฉีดผมก็แจ้งหมอแล้วนะครับ ว่าเคยฉีดไปแล้ว อันนี้สำคัญมาก แจ้งหมอด้วย ถึงหมอจะมีประวัติเรา แต่มันอาจจะเก่าเกินไปแล้วก็ได้ ฉีดมากๆไม่ดีนะครับ อาจจะทำให้เส้นเอนหรือกล้ามเนื้อส่วนนั้นฉีกขาดไปเลยได้ แต่โชคร้ายมากครับ ผมตัดสินใจผิด ตอนนั้นเป็นเทอมสุดท้ายก่อนจบ ผมย้ายคณะพอดี แล้วต้อง
เรียนการโรงแรม ที่ต้องเน้น ภาคปฏิบัติ สุดท้าย ต้องเดินและยืนเยอะ เหมือนเดิม คงไม่ต้องบอกนะครับว่า
ผ่านไปปีหนึ่ง อาการกลับมาเหมือนเดิมเลยครับ ส่วนตัวแล้ว ผมเลยคิดว่า ฉีดสเตียรอยด์ มันทำให้อาการดีขึ้นจริง
แต่ ตราบใดที่เรายังต้องทำงาน ต้องเดินทาง ใช้เท้าเยอะๆ ผมว่า มันไม่มีทางหายขาดได้หรอกครับ
ถ้าคุณอยากฉีดสเตียรอยด์
คุณก็ต้องวางแผนดีๆ หรือไม่ก็ งานที่คุณทำอยู่ คืองาน Office ที่ต้องนั่งทำงาน 8 ชั่วโมง ไม่เดินเยอะ
ผมว่าอาการดีขึ้นแน่นอนครับ
แต่ตัวผมปัจจุบันหายแล้วนะครับ แต่หายโดยการกายภาพบำบัดครับ ซึ่งใช้เวลากายภาพบำบัดแบบจริงๆจังๆ
ประมาน 3 เดือนครับ ปัจจุบันแทบจะไม่มีอาการปวดจากรองช้ำแล้ว ถ้าหากไม่ได้วิ่งแบบหักโหม 2 ชั่วโมง
หรือเดินทาง ท่องเที่ยว ที่ต้องเดิน 3 ชั่วโมงติดต่อกันครับ อาการกำเริบนิดหน่อย แต่สักพักไม่กี่ ช ม ก็หายเองครับ