SUBARU OUTBACK ถือว่าเป็นรุ่นที่ต้องบอกว่าที่สุดของทางค่าย พรีเมียมและเป็นเรือธงสุดๆของค่ายนี้ด้วยเช่นกันซึ่งในประเทศไทยต้องบอกว่าเอาเข้ามาขายและเปิดตัวได้ไวมากๆเป็นประเทศแรกๆในโลกเลยแหละไวตามญี่ปุ่นมาติดๆครับ และเป็นรุ่นที่นำเข้าทั้งคัน จากประเทศญี่ปุ่นเรียกได้ว่าเอาคุณภาพแน่นๆจากประเทศบ้านเกิดมาเลยทีเดียว และทางด้านสเปก หรือ ว่าฟีเจอร์ในการใช้งานทั้งหมดก็ใส่เข้ามาแบบเต็มๆทั้งระบบการขับขี่ ระบบช่วยเหลือ Eyesight 4.0 ตัวใหม่ รวมถึงระบบสแกนใบหน้าต่างๆ ก็ใส่เข้ามาให้ครบอีกทั้งยังมาพร้อมกับหน้าจอขนาดใหญ่ที่เป็นการเปลี่ยนแปลงงานออกแบบภายในตัวรถครั้งใหญ่ของค่ายนี้ รวมถึงวัสดุการใช้งานหลายๆอย่างนั้นจัดเต็มมาก ซึ่งรุ่นที่ขายในไทยเองนั้นจะเป็นตัว 2.5 i-T Eyesight AWD ถือว่าเครื่องใหญ่กว่ารุ่นอื่นๆที่ขายในไทยเลยทีเดียว
SUBARU OUTBACK 2.5 I-T EYESIGHT AWD นั้นจะใช้งานขุมพลังเครื่องยนต์เพียวๆ เครื่องยนต์เบนซิน Boxer 4 สูบ DOHC with Dual AVCS ขนาด 2.5 ลิตร Direct Injection พละกำลังสูงสุด 188 แรงม้า (PS) ที่ 5,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 245 นิวตันเมตร ที่ 3,400 – 4,600 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Lineartronic ขับเคลื่อน 4 ล้อ Symmetrical All-Wheel Drive และยังคงมี X-MODE มาให้สำหรับการขับขี่ทางลุยๆได้เช่นกัน และแน่นอนว่าตัวนี้เครื่องยนต์ก็ยังคงวางต่ำมากๆตามสไตล์ค่ายนี้รวมถึงใช้งานบนพื้นฐานตัวรถ SGP แล้วเช่นกันครับ ที่สำคัญนอกเหนือจากระบบเครื่องยนต์แล้ว ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ความปลอดภัย การช่วยเหลือการขับขี่ที่ใช้งาน EYESIGHT 4.0 และมาพร้อมระบบสแกนใบหน้าคนขับ ที่จะคอยเตือนเวลาง่วง หรือไม่มองถนน รวมถึงการจดจำผู้ใช้งานได้ 5 ใบหน้าแบบ 3 มิติว่าปรับที่นั่งแบบไหนยังไง รวมถึงการขับขี่ต่างๆด้วยเช่นกันครับ ซึ่งตัวรถแบบนี้จะเป็นแนวทรงสเตชั่นแวกอนยกสูง ที่ต้องบอกว่าขนาดตัวรถ เซกเมนต์ของมันจะอยู่ในระดับ E-Class-AUDI A6 เลยทีเดียวครับเรียกได้ว่าความหรูรา ขนาดตัวรถนั้นไม่ธรรมดาเลยทีเดียว รวมถึงออฟชันอื่นๆที่ใส่เข้ามาให้นั้น ทั้งหน้าจอระบบสัมผัสขนาดใหญ่ 11.6 นิ้ว เชื่อมต่อกับ Apple CarPlay และ Android Auto ระบบเครื่องเสียง Harmon/Kardon 11 ลำโพงและซัฟวูฟเฟอร์ รวมถึงการตั้งค่าตัวรถทุกย่างบนหน้าจอทั้งหมดเช่นกัน และวัสดุภายในต่างๆนั้นไม่ธรรมดาในเรื่องของหนังแท้ Nappa และการตกแต่งออกแบบใหม่ทั้งหมดในยุคใหม่ของค่ายนี้ รวมถึงมาพร้อมกับหลังคา Sunroof พร้อมกับราวหลังคาที่สามารถสลับวางแนวขวาง หรือ แนวยาวได้ด้วยเช่นกัน
PRICE
- SUBARU OUTBACK รุ่นนี้จะเป็นการ นำเข้า CBU จากญี่ปุ่นทั้งคัน ในรุ่นย่อย
2.5 i-Touring Eyesight AWD 2,799,000 บาท และ มาพร้อมการรับประกันคุณภาพตัวรถ Warranty นาน 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร ด้วยเช่นกัน
EXTERIOR
งานออกแบบภายนอกรุ่นนี้ถือว่าเป็นรุ่นที่เปลี่ยนแปลงใหม่ทั้งหมดแต่ทางค่ายเองก็เหมือนจะพยายามคงเอกลักษณ์ในหลายๆส่วนถ้ามองเทียบกับรุ่นเดิม อาจจะไม่ได้เปลี่ยนทิ้งจากเดิมไปเยอะมากนัก เพราะเส้นสายหลายๆส่วนยังคงมีความคล้ายกับรุ่นก่อนเยอะมากเช่นกันจนบางทีอยากให้ค่ายกล้าเปลี่ยนแปลงให้มากกว่านี้ได้เยอะมากเช่นกันครับ ซึ่งตัวรถถือว่ามีขนาดใหญ่อันดับต้นๆของค่ายถ้ามองเทียบกับความยาว หรือว่าความกว้างขวางตัวรถเพราะเป็นรูปทรงแนว WAGON นั้นเองแต่จะเป็นการยกสูงนิดหน่อยครับ มาพร้อมกับขนาด ยาว 4,870 มิลลิเมตร กว้าง 1,875 มิลลิเมตร สูง 1,675 มิลลิเมตร รวมถึง ระยะฐานล้อ 2,745 มิลลิเมตร และ Ground Clearance 213 มิลลิเมตร ถือว่าสูงกว่าแนว WAGON ทั่วไปและทำให้การลุยหรือว่าการขับขี่ทางลุยๆนั้นทำได้ง่ายมากขึ้นกว่าทั่วไป ซึ่งส่วนตัวค่อนข้างชอบรถแนวนี้ และเหมาะกับสภาพถนนเมืองไทยมากเช่นกันรวมถึงเวลาลุยน้ำท่วมต่างๆก็สบาย
ถ้าเรามองดูเส้นสายแบบผ่านๆบอกเลยว่าเปลี่ยนแปลงไม่เยอะ แต่ถ้ามองเจาะรายละเอียดทุกๆจุดของตัวรถเปลี่ยนไปทั้งหมด ไฟหน้าเรียวยาวขึ้น ไฟท้ายสวยขึ้น และแน่นอนว่าทรงรถนั้นดูสปอร์ตมากขึ้น แต่ก็ยังคงความลุยในบรรดาขอบล้อ กันชนหน้าหลังสีดำไว้ทั้งหมดที่มีขนาดใหญ่และเป็นสีดำ ดูดุดันและลุยไปในตัวและแน่นอนว่าเอกลักษณ์ด้านข้างทั้งหลังคา ราวหลังคาขนาดใหญ่สีดำ พร้อมกับ ชายล่างด้านข้างสีดำและเขียน OUTBACK ยังคงโดดเด่น ส่วนตัวถือว่าถ้ามองแค่รุ่นนี้มันก็ยังคงสวยและน่าสนใจ แต่ถ้าเรามองเทียบกับรุ่นก่อนนั้นมันน่าจะเปลี่ยนแปลงให้ได้มากกว่านี้ ทั้งเส้นสาย รูปทรง หรือแม้แต่หน้าตาเองที่ยังไม่ได้หนีจากรุ่น XV FORESTER เท่าที่ควรเมื่อเทียบราคา
เมื่อมองหน้าตรงเรายังคงมีกลิ่นอายของ XV นิดๆทั้งรูปทรงไฟหน้าต่างๆ แต่ที่เด่นๆจะเป็นกันชนล่างที่สูง และ กันชนหน้าที่มีการเล่นแถบ 2 ส่วนทำให้มันดูหรูหราขึ้น พร้อมกับ ราวหลังคาขนาดใหญ่ด้านบนที่มองตรงๆแล้วเด่นขึ้นมาทันที รวมถึงความสูงก็กำลังเหมาะสำหรับถนนในไทย หรือแม้แต่ขับเข้าสวน ลุยสวนต่างๆระบบขับ 4 ไว้ใจได้แน่นอน และในด้านหลังเราจะเห็นเลยว่าแถบกันชนล่างสีดำขึ้นมาแทบจะถึงไฟท้ายแล้วเช่นกันพร้อมกับ สีเงินด้านสวยงามเสริมให้ตัวรถดูลุยมากขึ้นพร้อมกับไฟตัดหมอกด้านหลังทั้ง 2 ดวงในด้านล่าง รวมถึงมีสปอยเลอร์หลังมาให้ครบ
เจาะมาที่กระจังหน้าเราจะเห็นการออกแบบที่แตกต่างกับรุ่นอื่นๆ รุ่นนี้จะมีความหรูหรามากขึ้น และรูปทรงเพรียวกว่าตัวอื่นๆ ซึ่งจะเป็นกระจังยุคใหม่ของทางค่ายแล้ว เพราะว่าก่อนหน้านี้เราจะเห็นทรงบ้านๆพร้อมกับแถบบนสูงๆเส้นเดียวครับ แต่รุ่นนี้เปลี่ยนใหม่แล้ว สวย ลงตัวมากกว่าเดิมเยอะพร้อมกับ กล้องหน้าใต้โลโก้ รวมถึงกันชนล่างสีเงินเสริมเข้ามาให้เด่นขึ้นจากส่วนไฟเบอร์สีดำครับ ก็ถือว่าผสมผสานได้ลงตัวทั้ง สีดำ และ สีเงินด้าน ส่วนทางด้านไฟหน้าเองนั้นมาเป็นแบบจัดเต็มไฟเลี้ยว ไฟ DRL ขนาดใหญ่ LED ทั้งหมดที่มาพร้อมกับไฟหน้า LED ที่รองรับการเอียงตามเลี้ยว และไฟสูงอัตโนมัติก็ใส่เข้ามาให้ครบ ซึ่งมีระบบ เปิดปิดไฟสูงแยกซ้าย ขวาด้วย ทำให้ไม่แยงตาคันที่สวนและอีกฝั่งก็ยังคงติดใช้งานได้ถือว่าระบบฉลาด และแน่นอนว่ามีความสว่างและแสงคมมากๆตัวนึงในตอนนี้ และยังคงมาพร้อมที่ล้างไฟหน้า รวมถึงไฟตัดหมอกด้านล่างเองนั้นเป็นแสงสีขาว LED พร้อมกับกรอบโครเมียมเสริมให้โคมนั้นโดดเด่น
กระจกมองข้างขวานั้นจะมีกล้องมาให้ใช้งานสำหรับส่งด้านข้างเวลาจอดหรือเลี้ยว แต่จะไม่มีกล้องรอบคันนะครับแอบเสียดายมากๆ ซึ่งถ้าเทียบกับราคาของมันน่าจะใส่เข้ามาให้รอบคันได้แล้ว ส่วนกระจกมองข้างเองนั้นเล่นสีโครเมียมตัดกับสีเงินด้านสวยงามและดูเด่นกว่าทั่วไป และถ้ามองลงมาชายข้างล่างเราจะเห็นโลโก้ OUTBACK และชายล่างแบบลุยๆที่โค้งเข้าตัวรถที่จะสวยและช่วยให้เวลาลุยก็จะไม่ติดได้ง่ายขึ้นรวมถึงมีการเว้าเข้าไปเยอะมากเช่นกัน และเช่นเดียวกับขอบหลังคาที่จะเป็นราวหลังคาเอกลักษณ์ของรุ่นนี้ที่สามารถใช้งานแนวยาวหรือว่าแนวขวางได้ด้วยครับ
ทางด้านล้อตัวนี้มาพร้อมกับ ล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 225/60 R18 ลายที่เราอาจจะคล้ายกับในตัว XV GT แต่มีขนาดใหญ่และเส้นสายหนามากกว่าเดิม ซึ่งในส่วนของช่วงล่างก็ใช้แบบปีกนกอิสระทั้งด้านหน้าและด้านหลัง แยกการทำงานแบบอิสระ ถือว่าโดดเด่นและสมราคาของค่ายนี้ที่จะเน้นไปในเรื่องของช่วงล่างและการควบคุมรวมถึงตัวรถที่สูง 213 มม.ด้วยเช่นกันครับจะเห็นว่าโล่งมากๆใต้ท้องและสูงกว่าทั่วไปชัดเจนและด้านหลังจะมีเซนเซอร์พร้อมไฟตัดหมอกหลังให้มาทั้ง 2 ข้าง รวมถึง ท่อไอเสียจะหลบข้างใน ไม่มีปลายท่อหลอกอะไรใส่เข้ามาให้นะครับ
หลังคาที่เราเห็นนั้นจะเป็นแนวขวางอยู่ในส่วนของราวหลังคา ซึ่งเราจะสามารถเปลี่ยนเป็นแนวยาวตามตัวรถได้ถอดสลับได้ง่ายๆเลยผ่านอุปกรณ์ในตัวรถครับ รวมถึงทางด้านกระจกด้านบน Sunroof ก็สามารถเปิดออกมาได้แม้จะไม่ได้กว้างหรือใหญ่แบบพวก Panoramic Sunroof แต่ก็ถือว่าดีกว่าไม่ได้ให้มา พร้อมกับกล้อง EYESIGHT 4.0 ที่ครั้งนี้ติดกับเนื้อกระจกแล้วทำให้ ติดฟิล์มบานหน้ามืดๆได้ ไม่ต้องกังวลเรื่องปิดบังตัวกล้องแล้วด้วยเช่นกันถือว่าพัฒนาขึ้นเยอะมากๆในเรื่องของระบบ หรือจะเป็นการรองรับที่มุมมองกว้างขึ้น ไกลขึ้น และสูงขึ้นกว่าระบบก่อนๆ
และยามค่ำคืนอันนี้แอบเสียดาย เวลาปลดล็อกรถ ไฟหน้าไฟท้ายไม่มีอะไรติดมาให้ รวมถึงไม่มีไฟส่องพื้นตรงกระจกมองข้างหรือว่าตามมือจับประตูมาให้เลยแม้แต่น้อยเวลาปลดล็อก จะมีฟีเจอร์แค่เดินเข้าใกล้ตัวรถไฟภายในจะติดให้เองอันนี้ก็ถือว่าน่าสนใจแม้จะไม่ต้องกดปลดล็อกแต่แค่เดินใกล้ๆก็ติดให้ทันทีครับ และแสงสีเส้นสายไฟท้ายสวยงามมากเวลากลางคืน แม้ไฟถอย ไฟเลี้ยวจะไม่ใช่ LED ก็ตามแต่ไฟเบรกอะไรนั้นเป็น LED ทั้งหมดรวมถึงไฟหน้าเช่นกัน ซึ่งเมื่อเปิดประตูจะมีแค่ไฟส่องประตู คู่หน้าเท่านั้น แสงสีค่อนข้างน้อยมากๆและเป็นหลอดไส้ด้วยในจุดนี้ครับ
INTERIOR
ก่อนที่เราจะไปภายในนั้นเราจะเห็นว่าส่วนนึงที่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงอะไรคือหน้าตากุญแจที่เหมือนกับทั้ง XV FORESTER ก่อนหน้านี้ทั้งหมด บอกเลยว่าหน้าตาของมันค่อนข้างธรรมดาและไม่สมกับเรือธงราคา 2.7 ล้านของค่ายนี้เท่าไรนัก จริงๆอยากให้เปลี่ยนหน้าตาใหม่ให้เข้ากับยุคนี้ได้มากกว่านี้ แต่แน่นอนว่าถ้ามองในการใช้งานก็ไม่มีปัญหารองรับการใช้งานได้ดี เปิดประตูคู่หน้าได้แบบไม่ต้องกดอะไรแค่เอื้อมมือเข้าไปเปิดได้ทันที รวมถึงฝาท้ายกับระบบ เอามือไปใกล้โลโก้ก็สามารถเปิดได้ ไม่ต้องมายืนเตะฝาท้ายรถครับ ซึ่งแค่เอาอะไรก็ได้ไปใกล้โลโก้ก็จะเปิดได้ทันทีแอบสะดวกกว่าแบบเตะเหมือนกัน ส่วนทางด้านภายในถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของค่ายนี้เลยทีเดียว
[SR] รีวิว SUBARU OUTBACK 2.5 i-T Eyesight AWD ฟีเจอร์ EYESIGHT 4.0 ความปลอดภัยมาครบ นุ่มหนึบ !
SUBARU OUTBACK ถือว่าเป็นรุ่นที่ต้องบอกว่าที่สุดของทางค่าย พรีเมียมและเป็นเรือธงสุดๆของค่ายนี้ด้วยเช่นกันซึ่งในประเทศไทยต้องบอกว่าเอาเข้ามาขายและเปิดตัวได้ไวมากๆเป็นประเทศแรกๆในโลกเลยแหละไวตามญี่ปุ่นมาติดๆครับ และเป็นรุ่นที่นำเข้าทั้งคัน จากประเทศญี่ปุ่นเรียกได้ว่าเอาคุณภาพแน่นๆจากประเทศบ้านเกิดมาเลยทีเดียว และทางด้านสเปก หรือ ว่าฟีเจอร์ในการใช้งานทั้งหมดก็ใส่เข้ามาแบบเต็มๆทั้งระบบการขับขี่ ระบบช่วยเหลือ Eyesight 4.0 ตัวใหม่ รวมถึงระบบสแกนใบหน้าต่างๆ ก็ใส่เข้ามาให้ครบอีกทั้งยังมาพร้อมกับหน้าจอขนาดใหญ่ที่เป็นการเปลี่ยนแปลงงานออกแบบภายในตัวรถครั้งใหญ่ของค่ายนี้ รวมถึงวัสดุการใช้งานหลายๆอย่างนั้นจัดเต็มมาก ซึ่งรุ่นที่ขายในไทยเองนั้นจะเป็นตัว 2.5 i-T Eyesight AWD ถือว่าเครื่องใหญ่กว่ารุ่นอื่นๆที่ขายในไทยเลยทีเดียว
SUBARU OUTBACK 2.5 I-T EYESIGHT AWD นั้นจะใช้งานขุมพลังเครื่องยนต์เพียวๆ เครื่องยนต์เบนซิน Boxer 4 สูบ DOHC with Dual AVCS ขนาด 2.5 ลิตร Direct Injection พละกำลังสูงสุด 188 แรงม้า (PS) ที่ 5,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 245 นิวตันเมตร ที่ 3,400 – 4,600 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Lineartronic ขับเคลื่อน 4 ล้อ Symmetrical All-Wheel Drive และยังคงมี X-MODE มาให้สำหรับการขับขี่ทางลุยๆได้เช่นกัน และแน่นอนว่าตัวนี้เครื่องยนต์ก็ยังคงวางต่ำมากๆตามสไตล์ค่ายนี้รวมถึงใช้งานบนพื้นฐานตัวรถ SGP แล้วเช่นกันครับ ที่สำคัญนอกเหนือจากระบบเครื่องยนต์แล้ว ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ความปลอดภัย การช่วยเหลือการขับขี่ที่ใช้งาน EYESIGHT 4.0 และมาพร้อมระบบสแกนใบหน้าคนขับ ที่จะคอยเตือนเวลาง่วง หรือไม่มองถนน รวมถึงการจดจำผู้ใช้งานได้ 5 ใบหน้าแบบ 3 มิติว่าปรับที่นั่งแบบไหนยังไง รวมถึงการขับขี่ต่างๆด้วยเช่นกันครับ ซึ่งตัวรถแบบนี้จะเป็นแนวทรงสเตชั่นแวกอนยกสูง ที่ต้องบอกว่าขนาดตัวรถ เซกเมนต์ของมันจะอยู่ในระดับ E-Class-AUDI A6 เลยทีเดียวครับเรียกได้ว่าความหรูรา ขนาดตัวรถนั้นไม่ธรรมดาเลยทีเดียว รวมถึงออฟชันอื่นๆที่ใส่เข้ามาให้นั้น ทั้งหน้าจอระบบสัมผัสขนาดใหญ่ 11.6 นิ้ว เชื่อมต่อกับ Apple CarPlay และ Android Auto ระบบเครื่องเสียง Harmon/Kardon 11 ลำโพงและซัฟวูฟเฟอร์ รวมถึงการตั้งค่าตัวรถทุกย่างบนหน้าจอทั้งหมดเช่นกัน และวัสดุภายในต่างๆนั้นไม่ธรรมดาในเรื่องของหนังแท้ Nappa และการตกแต่งออกแบบใหม่ทั้งหมดในยุคใหม่ของค่ายนี้ รวมถึงมาพร้อมกับหลังคา Sunroof พร้อมกับราวหลังคาที่สามารถสลับวางแนวขวาง หรือ แนวยาวได้ด้วยเช่นกัน
PRICE
- SUBARU OUTBACK รุ่นนี้จะเป็นการ นำเข้า CBU จากญี่ปุ่นทั้งคัน ในรุ่นย่อย
2.5 i-Touring Eyesight AWD 2,799,000 บาท และ มาพร้อมการรับประกันคุณภาพตัวรถ Warranty นาน 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร ด้วยเช่นกัน
EXTERIOR
งานออกแบบภายนอกรุ่นนี้ถือว่าเป็นรุ่นที่เปลี่ยนแปลงใหม่ทั้งหมดแต่ทางค่ายเองก็เหมือนจะพยายามคงเอกลักษณ์ในหลายๆส่วนถ้ามองเทียบกับรุ่นเดิม อาจจะไม่ได้เปลี่ยนทิ้งจากเดิมไปเยอะมากนัก เพราะเส้นสายหลายๆส่วนยังคงมีความคล้ายกับรุ่นก่อนเยอะมากเช่นกันจนบางทีอยากให้ค่ายกล้าเปลี่ยนแปลงให้มากกว่านี้ได้เยอะมากเช่นกันครับ ซึ่งตัวรถถือว่ามีขนาดใหญ่อันดับต้นๆของค่ายถ้ามองเทียบกับความยาว หรือว่าความกว้างขวางตัวรถเพราะเป็นรูปทรงแนว WAGON นั้นเองแต่จะเป็นการยกสูงนิดหน่อยครับ มาพร้อมกับขนาด ยาว 4,870 มิลลิเมตร กว้าง 1,875 มิลลิเมตร สูง 1,675 มิลลิเมตร รวมถึง ระยะฐานล้อ 2,745 มิลลิเมตร และ Ground Clearance 213 มิลลิเมตร ถือว่าสูงกว่าแนว WAGON ทั่วไปและทำให้การลุยหรือว่าการขับขี่ทางลุยๆนั้นทำได้ง่ายมากขึ้นกว่าทั่วไป ซึ่งส่วนตัวค่อนข้างชอบรถแนวนี้ และเหมาะกับสภาพถนนเมืองไทยมากเช่นกันรวมถึงเวลาลุยน้ำท่วมต่างๆก็สบาย
ถ้าเรามองดูเส้นสายแบบผ่านๆบอกเลยว่าเปลี่ยนแปลงไม่เยอะ แต่ถ้ามองเจาะรายละเอียดทุกๆจุดของตัวรถเปลี่ยนไปทั้งหมด ไฟหน้าเรียวยาวขึ้น ไฟท้ายสวยขึ้น และแน่นอนว่าทรงรถนั้นดูสปอร์ตมากขึ้น แต่ก็ยังคงความลุยในบรรดาขอบล้อ กันชนหน้าหลังสีดำไว้ทั้งหมดที่มีขนาดใหญ่และเป็นสีดำ ดูดุดันและลุยไปในตัวและแน่นอนว่าเอกลักษณ์ด้านข้างทั้งหลังคา ราวหลังคาขนาดใหญ่สีดำ พร้อมกับ ชายล่างด้านข้างสีดำและเขียน OUTBACK ยังคงโดดเด่น ส่วนตัวถือว่าถ้ามองแค่รุ่นนี้มันก็ยังคงสวยและน่าสนใจ แต่ถ้าเรามองเทียบกับรุ่นก่อนนั้นมันน่าจะเปลี่ยนแปลงให้ได้มากกว่านี้ ทั้งเส้นสาย รูปทรง หรือแม้แต่หน้าตาเองที่ยังไม่ได้หนีจากรุ่น XV FORESTER เท่าที่ควรเมื่อเทียบราคา
เมื่อมองหน้าตรงเรายังคงมีกลิ่นอายของ XV นิดๆทั้งรูปทรงไฟหน้าต่างๆ แต่ที่เด่นๆจะเป็นกันชนล่างที่สูง และ กันชนหน้าที่มีการเล่นแถบ 2 ส่วนทำให้มันดูหรูหราขึ้น พร้อมกับ ราวหลังคาขนาดใหญ่ด้านบนที่มองตรงๆแล้วเด่นขึ้นมาทันที รวมถึงความสูงก็กำลังเหมาะสำหรับถนนในไทย หรือแม้แต่ขับเข้าสวน ลุยสวนต่างๆระบบขับ 4 ไว้ใจได้แน่นอน และในด้านหลังเราจะเห็นเลยว่าแถบกันชนล่างสีดำขึ้นมาแทบจะถึงไฟท้ายแล้วเช่นกันพร้อมกับ สีเงินด้านสวยงามเสริมให้ตัวรถดูลุยมากขึ้นพร้อมกับไฟตัดหมอกด้านหลังทั้ง 2 ดวงในด้านล่าง รวมถึงมีสปอยเลอร์หลังมาให้ครบ
เจาะมาที่กระจังหน้าเราจะเห็นการออกแบบที่แตกต่างกับรุ่นอื่นๆ รุ่นนี้จะมีความหรูหรามากขึ้น และรูปทรงเพรียวกว่าตัวอื่นๆ ซึ่งจะเป็นกระจังยุคใหม่ของทางค่ายแล้ว เพราะว่าก่อนหน้านี้เราจะเห็นทรงบ้านๆพร้อมกับแถบบนสูงๆเส้นเดียวครับ แต่รุ่นนี้เปลี่ยนใหม่แล้ว สวย ลงตัวมากกว่าเดิมเยอะพร้อมกับ กล้องหน้าใต้โลโก้ รวมถึงกันชนล่างสีเงินเสริมเข้ามาให้เด่นขึ้นจากส่วนไฟเบอร์สีดำครับ ก็ถือว่าผสมผสานได้ลงตัวทั้ง สีดำ และ สีเงินด้าน ส่วนทางด้านไฟหน้าเองนั้นมาเป็นแบบจัดเต็มไฟเลี้ยว ไฟ DRL ขนาดใหญ่ LED ทั้งหมดที่มาพร้อมกับไฟหน้า LED ที่รองรับการเอียงตามเลี้ยว และไฟสูงอัตโนมัติก็ใส่เข้ามาให้ครบ ซึ่งมีระบบ เปิดปิดไฟสูงแยกซ้าย ขวาด้วย ทำให้ไม่แยงตาคันที่สวนและอีกฝั่งก็ยังคงติดใช้งานได้ถือว่าระบบฉลาด และแน่นอนว่ามีความสว่างและแสงคมมากๆตัวนึงในตอนนี้ และยังคงมาพร้อมที่ล้างไฟหน้า รวมถึงไฟตัดหมอกด้านล่างเองนั้นเป็นแสงสีขาว LED พร้อมกับกรอบโครเมียมเสริมให้โคมนั้นโดดเด่น
กระจกมองข้างขวานั้นจะมีกล้องมาให้ใช้งานสำหรับส่งด้านข้างเวลาจอดหรือเลี้ยว แต่จะไม่มีกล้องรอบคันนะครับแอบเสียดายมากๆ ซึ่งถ้าเทียบกับราคาของมันน่าจะใส่เข้ามาให้รอบคันได้แล้ว ส่วนกระจกมองข้างเองนั้นเล่นสีโครเมียมตัดกับสีเงินด้านสวยงามและดูเด่นกว่าทั่วไป และถ้ามองลงมาชายข้างล่างเราจะเห็นโลโก้ OUTBACK และชายล่างแบบลุยๆที่โค้งเข้าตัวรถที่จะสวยและช่วยให้เวลาลุยก็จะไม่ติดได้ง่ายขึ้นรวมถึงมีการเว้าเข้าไปเยอะมากเช่นกัน และเช่นเดียวกับขอบหลังคาที่จะเป็นราวหลังคาเอกลักษณ์ของรุ่นนี้ที่สามารถใช้งานแนวยาวหรือว่าแนวขวางได้ด้วยครับ
ทางด้านล้อตัวนี้มาพร้อมกับ ล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 225/60 R18 ลายที่เราอาจจะคล้ายกับในตัว XV GT แต่มีขนาดใหญ่และเส้นสายหนามากกว่าเดิม ซึ่งในส่วนของช่วงล่างก็ใช้แบบปีกนกอิสระทั้งด้านหน้าและด้านหลัง แยกการทำงานแบบอิสระ ถือว่าโดดเด่นและสมราคาของค่ายนี้ที่จะเน้นไปในเรื่องของช่วงล่างและการควบคุมรวมถึงตัวรถที่สูง 213 มม.ด้วยเช่นกันครับจะเห็นว่าโล่งมากๆใต้ท้องและสูงกว่าทั่วไปชัดเจนและด้านหลังจะมีเซนเซอร์พร้อมไฟตัดหมอกหลังให้มาทั้ง 2 ข้าง รวมถึง ท่อไอเสียจะหลบข้างใน ไม่มีปลายท่อหลอกอะไรใส่เข้ามาให้นะครับ
หลังคาที่เราเห็นนั้นจะเป็นแนวขวางอยู่ในส่วนของราวหลังคา ซึ่งเราจะสามารถเปลี่ยนเป็นแนวยาวตามตัวรถได้ถอดสลับได้ง่ายๆเลยผ่านอุปกรณ์ในตัวรถครับ รวมถึงทางด้านกระจกด้านบน Sunroof ก็สามารถเปิดออกมาได้แม้จะไม่ได้กว้างหรือใหญ่แบบพวก Panoramic Sunroof แต่ก็ถือว่าดีกว่าไม่ได้ให้มา พร้อมกับกล้อง EYESIGHT 4.0 ที่ครั้งนี้ติดกับเนื้อกระจกแล้วทำให้ ติดฟิล์มบานหน้ามืดๆได้ ไม่ต้องกังวลเรื่องปิดบังตัวกล้องแล้วด้วยเช่นกันถือว่าพัฒนาขึ้นเยอะมากๆในเรื่องของระบบ หรือจะเป็นการรองรับที่มุมมองกว้างขึ้น ไกลขึ้น และสูงขึ้นกว่าระบบก่อนๆ
และยามค่ำคืนอันนี้แอบเสียดาย เวลาปลดล็อกรถ ไฟหน้าไฟท้ายไม่มีอะไรติดมาให้ รวมถึงไม่มีไฟส่องพื้นตรงกระจกมองข้างหรือว่าตามมือจับประตูมาให้เลยแม้แต่น้อยเวลาปลดล็อก จะมีฟีเจอร์แค่เดินเข้าใกล้ตัวรถไฟภายในจะติดให้เองอันนี้ก็ถือว่าน่าสนใจแม้จะไม่ต้องกดปลดล็อกแต่แค่เดินใกล้ๆก็ติดให้ทันทีครับ และแสงสีเส้นสายไฟท้ายสวยงามมากเวลากลางคืน แม้ไฟถอย ไฟเลี้ยวจะไม่ใช่ LED ก็ตามแต่ไฟเบรกอะไรนั้นเป็น LED ทั้งหมดรวมถึงไฟหน้าเช่นกัน ซึ่งเมื่อเปิดประตูจะมีแค่ไฟส่องประตู คู่หน้าเท่านั้น แสงสีค่อนข้างน้อยมากๆและเป็นหลอดไส้ด้วยในจุดนี้ครับ
INTERIOR
ก่อนที่เราจะไปภายในนั้นเราจะเห็นว่าส่วนนึงที่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงอะไรคือหน้าตากุญแจที่เหมือนกับทั้ง XV FORESTER ก่อนหน้านี้ทั้งหมด บอกเลยว่าหน้าตาของมันค่อนข้างธรรมดาและไม่สมกับเรือธงราคา 2.7 ล้านของค่ายนี้เท่าไรนัก จริงๆอยากให้เปลี่ยนหน้าตาใหม่ให้เข้ากับยุคนี้ได้มากกว่านี้ แต่แน่นอนว่าถ้ามองในการใช้งานก็ไม่มีปัญหารองรับการใช้งานได้ดี เปิดประตูคู่หน้าได้แบบไม่ต้องกดอะไรแค่เอื้อมมือเข้าไปเปิดได้ทันที รวมถึงฝาท้ายกับระบบ เอามือไปใกล้โลโก้ก็สามารถเปิดได้ ไม่ต้องมายืนเตะฝาท้ายรถครับ ซึ่งแค่เอาอะไรก็ได้ไปใกล้โลโก้ก็จะเปิดได้ทันทีแอบสะดวกกว่าแบบเตะเหมือนกัน ส่วนทางด้านภายในถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของค่ายนี้เลยทีเดียว
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้