ต้นทุนชีวิตเราไม่เท่ากัน 1 - หมาข้างถนน

#ต้นทุนชีวิตเราไม่เท่ากัน 1/3....#หมาข้างถนน....#ต่ำต้อยและด้อยค่า
#ผมจะเป็นคนดี...
ในช่วงหนึ่งของชีวิตการเรียนหนังสือ....คนในครอบครัวมักพูดเป็นเสียงเดียวกัน...เพื่อบอกผมว่า....”แกมันสมองไม่ดี..เรียนหนังสือไม่เก่ง...และสู้น้องชายไม่ได้”.....ซึ่งผมก็รับรู้เฉกเช่นนั้นมาโดยตลอด....เพราะทุกภาคการศึกษา...ก็จะถูกตอกย้ำด้วยสมุดพกฯ...เอกสารการแจ้งผลการสอบการเรียนจากโรงเรียน......”กลางๆ”...คือนิยามผลการเรียนของผม........
......................................................
จบประถมศึกษาปีที่ 7 หรือที่ใครๆ ก็เรียกกันสั้นๆว่า "ป.7"....จำได้ว่าปีนั้น...เป็นปีสุดท้ายของ ป.7.....นั่นหมายถึง...ป.6 และ ป.7 ต้องสอบคัดเลือกเพื่อไปเรียนต่อที่โรงเรียนอื่นพร้อมกัน...รวมถึงตัวผมและน้องชายที่ห่างกันหนึ่งชั้นเรียน.....ผลจากนโยบายรัฐ...ที่ปรับเปลี่ยนการศึกษาอนาคตของชาติ...ไปเรื่อยๆ...เหมือนหนูทดลอง....
......................................................
ด้วยเพราะฐานะที่บ้านไม่ได้มีเงินเช่นเดียวกับคนรอบๆ บ้านแถวนั้น......การสอบคัดเลือกเข้าโรงเรียนรัฐบาล...คือหนทางเดียวที่จะได้เรียนต่อโดยไม่เป็นภาระครอบครัว....ไม่มีการเสี่ยงโชคด้วยการจับสลากเข้าเรียนเหมือนสมัยนี้......และแน่นอนสมัยนั้นไม่มีโรงเรียนกวดวิชา....แต่ถึงจะมี...ก็คงไร้วาสนาหาเงินไปเรียน.....
......................................................
“โรงเรียนวัดสุทธิฯ”....คือสถาบันการศึกษารัฐบาลเป้าหมายของคนในย่านนั้น....เป็นโรงเรียนชื่อดังแถวบ้าน....ที่เด็กๆรุ่นนั้น....ต้องแข่งกันแย่งสิทธิ์ที่นั่งเรียน....หากเชิ๊ตขาวแขนสั้นของใคร...ปักคำว่า....."ส.ธ."...ที่หน้าอก...มันดูโก้หรู.....ดูเป็นอีกชนชั้นต่างกับเด็กทั่วไป.....และแน่นอน...มันส่งสารความภูมิใจไปถึงพ่อแม่วงศ์ตระกูล.....จนดูเหมือนว่า...การสอบครั้งนั้น....คือจุดสูงสุดของชีวิต...ของเด็กเก่งคนนั้น.......เลยทีเดียว.....
......................................................
ผ่านการสอบไปได้เกือบเดือน....และวันสำคัญก็มาถึง....วันประกาศผลสอบคัดเลือกเข้าเรียน......จำได้ว่า....วันนั้นพ่อแม่ดีใจมากมาย.....คนข้างบ้านไม่มีใครไม่รู้.....ว่าน้องชายผมสามารถสอบผ่านการคัดเลือกได้......ทุกคนภูมิใจ.....ที่คนเก่งของบ้าน....ไม่สร้างความผิดหวังให้กับครอบครัว....เหมือนที่เคยเป็นมา......
............................................................................
“ฟ้ากับเหว”....คือค่าความแตกต่างวันนั้น...ผมเหมือนส่วนเกินของบ้าน....เหมือนเป็นภาระของครอบครัว....และเหมือนเป็นคนที่คอยสร้างความผิดหวังให้กับครอบครัวอยู่เสมอ....ไร้ค่าและไม่ได้เรื่อง....คือความรู้สึกที่รับรู้ได้จากสายตาของพ่อ...ทุกคนพูดถึงแต่น้องชายด้วยความสุขความยินดี...และก็ตบท้ายด้วยคำว่า...”พี่ชายมันไม่ได้เรื่องสู้น้องชายไม่ได้”......มันเหมือนฆ้อนหนักหลายกิโลกรัม....ตอกย้ำผมจนจมดิน....และปักป้ายประกาศว่า...”มันไม่ได้เรื่อง”.......
............................................................................
หลังจากวันนั้น...ไม่มีใครสนใจผมอีกเลย....ไม่มีใครสนใจแม้กระทั่งผมบอกแม่ว่า.....”ผมไม่เรียนต่อ...จะหางานทำ”....ไม่มีใครคัดค้าน...ลึกๆในใจแล้วทุกคนเห็นด้วย...”คนไม่ได้เรื่องจะเรียนต่อไปทำไม...ไปทำงาน...ไปฝึกอาชีพเถอะ”.....นั่นจึงเป็นการสิ้นสุดการเรียนของผม...เข้าสู่โลกของการทำงาน....และเข้าสู่โลกของผู้ใหญ่ที่ใช้แรงงาน....ในขณะที่เพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน......ต่างไปเรียนหนังสือกับโรงเรียนใหม่...และเพื่อนใหม่
.................................................................
ความรู้เพียง ป.7...จะทำอะไรได้....นอกจากขายแรงงาน.....และไม่จำเป็นต้องมีความรู้ถึงชั้น ป.7....ก็เป็นกรรมกรได้....ทำหมดทุกอย่าง....ก่อสร้าง...ทาสี...อู่ซ่อมรถ....และโรงกลึง.....สถานที่ทำงาน...ก็ข้างถนนหน้าร้านนั่นไง......เครื่องแบบที่ใส่...ก็เป็นเสื่อผ้าเก่าๆรุ่มร่าม...ที่เปรอะเปื้อนด้วยความสกปรกมอมแมมไปทั้งชุด...จนดูไม่ออกว่า...สีเดิมของเสื้อสีอะไร.....และทุกระยะของฝ่ามือบนเนื้อผ้า...มีรอยเย็บปะอย่างหยาบๆ...เพียงเพื่อมิให้เห็นถึงเนื้อในเท่านั้น.....ขณะที่เพื่อนในวัยเดียวกันใส่ชุดนักเรียนใหม่........ในช่วงเวลาก้าวย่างเข้าสู่วัยรุ่น...หลายคนกำลังวิ่งเล่นมีความสุขในสนามโรงเรียน....แต่ผมกำลังแบกของหนักอยู่ข้างถนน...เพื่อแลกเศษเงิน...ทำไงได้หล่ะ...ก็เรามันหัวไม่ได้เรื่องนี่นา.....
............................................................................
งานในแต่ละวัน...นอกจากงานที่ได้รับมองหมายจากเถ้าแก่....อีกงานสำคัญคือ...งานที่เถ้าแก่เนี้ยใช้ให้ไปซื้อของ...ในระแวกแถวที่ทำงาน......ทำภาระกิจของเมียเถ้าแก่ด้วยเครื่องแบบที่ผมมี.....เป็นกิจวัตรเช่นนี้ทุกวัน......จนถึงวันที่ตัวเองไร้ค่าไร้ราคา...อีกครั้งในชีวิต..
...........................................................................
ระหว่างทางที่จะไปซื้อของให้เถ้าแก่เนี้ย....เดินผ่านนักเรียนกลุ่มหนึ่งที่กำลังเดินกลับบ้าน..ทุกคนกำลังพูดคุยเล่นหัว...และหัวเราะอย่างสนุกสนาน....ผมจำได้ว่าหนึ่งในนักเรียนกลุ่มนั้นคือเพื่อนสมัยเรียน ป.7 ของผม....เขาชะงักเล็กน้อย...และตกใจกับสภาพเสื้อผ้าและตัวตนของผมที่เขาเห็น......”แสนอับอาย”......คือความรู้สึกขณะนั้น....ผมได้แต่เดินเลี่ยงไปอีกฝั่งถนน....จนเพื่อนและนักเรียนกลุ่มนั้นเดินเลยผ่านไป......ไม่มีคำทักทาย...ไม่มีคำถาม...
............................................................................
เดินเข้าร้านค้า...ที่ต้องซื้อของให้เถ้าแก่เนี้ย....ผ่านกระจกบานใหญ่ของร้าน....เห็นเงาของสภาพตัวเองในกระจก...ซึ่งก็คือภาพของคนที่ผมเห็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน....กลับสะท้อนภาพที่เปลี่ยนไป....
.....................
วันแห่งความอดสู....วันที่ทำให้ผมเห็นภาพที่แท้จริง...ด้วยเสียงดังๆที่ตะโกนเข้ามาในสมอง......”ไอ้หมาข้างถนน”...มันคือตัวตนที่คนไม่ได้เรื่องอย่างผมที่เป็นอยู่ในเวลานั้น....."ไร้ค่าและต่ำต้อย"......
มันคงจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป.....ในสังคมที่แสนโหดร้าย.....ที่ไม่เคยปรานี..โดยเฉพาะ....คนไม่ได้เรื่อง....อย่างผม....
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่