น้ำท่วม 2564 กับน้ำท่วม2554

ปี 2554 ฝนมาไว พายุเข้าไวด้วย และเข้าหลายลูกด้วย ภาคเหนืออ่วมสุด
ลูกแรก ปลายเดือน มิถุนายน 2554 - พายุโซนร้อน ไหหม่า เข้าภาคอีสาน กับภาคเหนือตอนบน จังหวัดตามลุ่มแม่น้ำยม แม่น้ำน่าน น้ำท่วมกันถ้วนหน้า
ลูกที่ 2 ปลายเดือน กรกฎาคม 2554 - น้ำจากพายุลูกแรกยังไม่ทันแห้ง พายุโซนร้อน นกเตน เข้ามาซ้ำตามแนวพื้นที่เดิมอีก น้ำในเขื่อนสิริกิตต์ จากช่วงต้นเดือนมิถุนา ก่อนพายุเข้า มีน้ำประมาณครึ่งหนึ่งของความจุเขื่อน ผ่านอาทิตย์แรกของเดือนสิงหาคมไป รับน้ำจากพายุ 2 ลูกนี้ น้ำเพิ่มขึ้นเป็น 85% ของความจุเขื่อนทันที ระยะเวลาผ่านไปแค่ 2 เดือน
ลูกที่ 3 ปลายๆ เดือนกันยา 2554 - พายุโซนร้อน ไห่ถาง เข้ามาถึงภาคอีสาน ตอนบน แถวๆ จังหวัดที่ติดกับแม่น้ำโขง ได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า ถึงแม้ว่าพายุลูกนี้ จะสลายตัวก่อนไปถึงภาคเหนือ แต่ร่องมรสุมจากพายุ ก็ทำให้เกิดฝนตกหนักในภาคเหนืออยู่ดี น้ำก็ไหลเติมเขื่อนอย่างต่อเนื่อง
  ลูกที่ 4 มาติดๆ กันกับลูกที่ 3 เลยก็คือ พายุไต้ฝุ่น เนสาด วิ่งตามรอยไห่ถางมาเลย คราวนี้ภาคอีสานตอนบน ยิ่งหนักหน่วงกว่าเดิม และต่อเนื่องไปถึงภาคเหนือซีกตะวันออกด้วย ที่เกิดน้ำท่วม
ลูกที่ 5 มาแบบต่อเนื่องในช่วงสัปดาห์ ที่ 1-2 ของเดือนตุลาคม คือพายุไต้ฝุ่น นาลแก ถึงแม้ว่าศูนย์กลางพายุลูกนี้จะไม่ได้เข้าไทย แต่ก็เฉียดๆ บริเวณตอนเหนือของประเทศ ทำให้เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องทางภาคเหนือ และอีสาน

พายุทั้ง 5 ลูก ที่ไทยเจอตอนปี 54 ทำให้เกิดฝนตกหนัก ต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ยาวไปถึงตุลาคม แทบไม่ได้พักเลยครับ และพื้นที่ที่รับฝนอย่างต่อเนื่อง คือตอนบนของประเทศ ทำให้เกิดน้ำไหลลงเขื่อนต่อเนื่องมาตลอด ช่วงปลายเดือนกันยา เขื่อนใหญ่ๆ ทั้งภาคเหนือ และอีสาน น้ำเต็มความจุทุกเขื่อนครับ ระบายออกเต็มพิกัดอย่างเดียว ถึงไม่ระบาย น้ำก็ล้น spin way อยู่ดี น้ำในพื้นที่ภาคอีสาน ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับพื้นที่ภาคกลางตอนล่าง กรุงเทพ และปริมณฑล เพราะส่วนมาก ทางน้ำไหลออกไปทางแม่น้ำโขงหมด แต่น้ำในภาคเหนือส่งผลกระทบโดยตรงครับ นอกจากน้ำในเขื่อนแล้ว พื้นที่ตอนล่างของเขื่อน ก็ได้รับผลกระทบจากร่องมรสุมของพายุต่างๆ ด้วย ถึงแม้จะไม่เจอศูนย์กลางของพายุ แต่ก็เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องตลอด

น้ำไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ น้ำในเขื่อนก็ระบายออกเต็มที่ ส่วนพื้นที่ใต้เขื่อน เดิมๆ ก็น้ำท่วมจากฝนตกหนักต่อเนื่องอยู่แล้ว โดยเฉพาะบริเวณใกล้แม่น้ำ แถมยังมีน้ำจากเขื่อนมาเติมอีก น้ำก็ล้นแม่น้ำออกไปตามทุ่ง เป็นพื้นที่กว้างไปหมด คราวนี้ก็ไม่รู้แล้วว่ามันจะไปทางไหน เพราะไม่มีร่องน้ำให้มันไปแล้ว มันก็ไหลลามทุ่งไปเรื่อยๆ จนมาถึง กทม และปริมณฑล นั่นแหละครับ

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

สถานการณ์ ณ วันนี้ เมื่อเทียบกับปี 54 สำหรับ กทม และปริมณฑล ถือว่าเบา เพราะตอนนี้ น้ำในเขื่อนทางภาคเหนือ ปริมาณยังไม่ถึงครึ่งนึงของความจุเขื่อนเลยครับ และพายุก็เพิ่งเข้ามาลูกเดียวด้วย
ที่เขาบอกกันว่า ปีนี้ ไม่หนักเหมือนปี 54 เพราะว่า ในปี 54 จังหวัดที่ถูกประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมหนักในช่วงเดือน ก.ค.-พ.ย. มีถึง 59 จังหวัด (จริงๆ มีมากกว่านี้ แต่ตัดภาคใต้ออก เพราะเส้นทางน้ำไม่เกี่ยวเนื่องกัน) ถ้าไม่นับภาคใต้ 14 จังหวัด แสดงว่าประเทศไทยตอนบนมีพื้นที่น้ำท่วม 59 จังหวัด จาก 63 จังหวัด นั่นมันท่วมแทบจะทุกจังหวัดเลยนะครับ จขกท. .... ส่วนภาคอีสานไม่ต้องพูดถึงครับ ปี 2554 เป็นพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม ทั้งภาคครบทุกจังหวัดครับ

ถ้าเปรียบเทียบสถานการณ์ ณ วันนี้ ที่ชัยภูมิ โคราช เพชรบูรณ์ สุโขทัย ก็เสมือนกับเหตุการณ์ปี 54 ณ ช่วงเดือน กรกฎาคม นั่นแหละครับ ที่พายุลูกที่ 1-2 เข้ามา ถ้าจะหนักเหมือนตอนปี 54 คือ ต้องมีพายุเข้ามาอีกซัก 3 ลูก แต่ตอนนี้จะเข้าเดือนตุลาคม แล้ว โอกาสใช่ว่าจะไม่มี แต่ก็เป็นไปได้ยากครับ