ทางตันชีวิตคู่

สวัสดีสมาชิกทุกท่าน....ขอขอบคุณทุกท่านที่เสียสละเวลาเข้ามาอ่านและแสดงความคิดเห็นกับหัวข้อนี้
ผมกับภรรยา แต่งงานกันมาปีนี้เป็นปีที่3 มีลูกด้วยกัน 1 คน แล้วคนที่ 2 กำลังอุ้มท้องอยู่ คบกันมา6ปี แต่ง3ปี รวมระยะ 9 ปี ผมอายุ 27 ส่วนภรรยาอายุ37 
ตลอดระยะเวลา ที่คบที่อยู่ด้วยกันมา 6 ปี ทางบ้านทางครอบครัวพ่อแม่ผมก็ไม่เห็นด้วยกับการที่ผมจะใช้ชีวิตคู่กับผู้หญิงคนนี้ แม่ให้เหตุผลว่าครอบครัวนี้เขาไม่ทำมาหากินกันนะลูกเขาสร้างแต่หนี้....
แต่ผมก็พิสูจน์ทุกอย่างให้ทางครอบครัวผมเห็นว่า ผมกับเขารักกันจริง พร้อมที่จะใช้ชีวิตคู่และสร้างอนาคตไปด้วยกัน 
6 ปีผ่านเลยทางครอบครัวผมยอมให้ได้เริ่มต้นชีวิตคู่ด้วยกัน
พูดง่ายๆคือ อย่างน้อย ถึงทางครอบครัวผมจะไม่ยอมรับ แต่ก็ไม่ต่อต้าน  ค่าแต่ง ค่าสินสอด ทางครอบครัวผมก็จัดการกันเอง ทุกอย่าง หลังจากแต่งก็แพลนกันจะสร้างอนาคตไปด้วยกัน.....
หลังจากแต่งได้ไม่นาน ชีวิตก็เหมือนไปได้สวย พ่อแม่ผม หมดค่าจัดงานไปสองแสน ค่าสินสอดหนึ่งแสน(พ่อแม่ฝ่ายหญิงเอาไป) หลังจากแต่งพ่อแม่ผมก็ให้เงินมาตั้งตัวอีก 1 แสน ผมก็ให้ภรรยาเก็บบริหาร ทั้งทองแต่งและเงินทุกอย่าง ผมให้เธอเป็นฝ่ายเก็บ ตอนแรกเริ่มก้ดีเป็นระบบ แต่หลังจากนั้นผ่านมาหนึ่งปี ปัญหาทุกอย่างก็เริ่มที่จะเข้ามา ถ้าเป็นปัญหาของเราสองคนผมไม่มีปัญหาเลย ผมพร้อมที่จะฝ่าฟันไปด้วยกันได้ แต่มันกลับกลายเป็นว่าเขาดึงปัญหาครอบครัวเขาเข้ามาพัวพัน ไม่ว่าจะเป็นพี่สาวของฝ่ายหญิง พี่ชายฝ่ายหญิง พ่อแม่ฝ่ายหญิง รวมไปถึงฝ่ายผู้หญิงเอง เขาเอาปัญหาครอบครัวเขา เข้ามาปนเปกับชีวิตคู่ของเรา จนชีวิตคู่ของเราไม่สามารถก้าวไปข้างหน้า ไม่สามารถสร้างอนาคตด้วยกันอย่างที่แพลนกันไว้ ทุกอย่างกลับกลายเป็นไม่เหลือ เงินเก็บ ทองแต่ง ตอนนี้เราทั้งคู่เท่ากับศูนย์ ถ้าเกิดเหตุการแบบนี้ ผมควรไปต่อหรือพอแค่นี้ดี ผมพยายามแก้ พยายามคุย แต่มันก็ไม่ได้ดีขึ้น ผมชวนเอาออกมาใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน2คน เขาก็ไม่มา เขาจะอยู่กับครอบครัวเขา ถ้าแบบนี้ผมควรถอยมาดูแลตัวเองพ่อแม่ผมดีกว่ามั้ยครับ เพราะตลอดนะยะเวลา3ปีหลังจากต่าง ฝ่ายนั้นเขาก็ดึงผมไปอยู่กับเขาจนผมไม่มีโอกาสได้ทำหน้าที่ลูก แม้กระทั่งผมจะออกไปหาอาชีพเสริม วิ่งฟู๊ดเอย ขอไปทำงานการ์ดตามร้านอาหารเอย เขาก็จะคอยมาระแวงว่าผมจะไปหาผู้หญิงคนอื่น จะไปเจอใครคนอื่นอะไรเทือกนี้ซึ่งมันใช่เหรอ ผมก็ได้แต่ถามตัวเองว่าแบบนี้ก็ได้หรอ แต่ผมก็ไม่กล้าที่จะขัดเขา กลัวจะทะเลาะกัน ก็ได้แต่ยอมๆเขา จนเหตุการมันล่วงเลยมาเกินจะแก้
ชนวนเหตุก็คือ พี่ชายฝ่ายหญิงติดพนันหนักจนเป็นหนี้เอารถบริษัทไปจำ เล่นพนันจนเขาจะไล่ออก พ่อแม่เขาก็ให้ลูกชายเอาที่ดินบ้านไปจำนองเอาเงินมาใช้หนี้พนัน เพื่อเอารถบริษัทออก แล้วพี่ชายเขาก็ขาดส่ง จนต้องลำบากมาหาผม ให้ผมก็ไปคุยกับพ่อแม่ผมให้   พ่อแม่ผมก็พร้อมจะช่วยเพราะเห็นว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน ครอบครัวเขาก็รับปากว่าจะส่งกับพ่อแม่ผม (พ่อแม่ผมไม่คิดดอกด้วย) จนปัจจุปันขาดส่งตั้งแต่ปี ต้นปี64 ค้าง ห้าหมื่นบาทเอาไปแสนสาม เหตุการต่อมา พี่ชายเขามายืนรถพี่สะใภ้ไปใช้ แล้วพอเอารถไป ก็เหมือนเดิมเล่นพนัน เอารถไปลงเล่นจนเขายึดรถ จะส่งแยกชิ้นส่วน ตปท. ก็บากหน้ามาหาผม ผมก็ไปคุยกับพ่อแม่ พ่อแม่ผมก็ยอมช่วยควักให้อีกแสนห้า เพราะแกเห็นแก่ผมกับลูกผมที่พึ่งคลอด จวบจนมากระทั่งเหตุการณ์ล่าสุดคือผมประสบอุบัติเหตุ ต้องใช้เงินก้อนซ่อมรถ ผมก็บอกภรรยาว่า เทอ เราต้องใช้เงินมาเอารถออกมาใช้เพราะผมต้องไปฉีดวัคซีนเข็มที่ 2   (ซึ่งผมมีรถ2คันรถเก๋ง 1 คัน ผมให้ภรรยาใช้เพื่อที่จะได้สะดวกเวลาพาลูกไปหาหมอ และมีบิ๊กไบค์อีกคัน เอาไว้วิ่งกลับหาลูก) แต่คำตอบที่กลับมาคือไม่เหลือหมด ผมก็สตั๊น ถามต่อทองละ เขาก็ตอบมาว่า หมด รวมทั้งทองแต่งทองหมั้น ผมก็ถามว่าเอาไปทำอะไร คำตอบที่ได้คือ "ตัดสินใจพลาด กลับมาบ้านค่อยคุยกัน"  คือ ทุกอย่างไม่เหลือ แม้กระทั้งทองแต่ง ผมก็พึ่งทราบเรื่องจากปากเขาเมื่อ ต้นเดือน ก.ย. 64 ที่ผ่านมา 
ผมก็เข้าใจว่าครอบครัวเขามีปัญหา แต่ทำไมเขาไม่คิดถึงเรื่องลูกบ้าง อนาคตลูกโตขึ้นจะกินจะใช้อะไรบ้าง ผมเคยถามเขานะว่าถ้าคลอดคนที่สองเอาไง ในเมื่อมันไม่เหลือะไรแล้ว เขาก็ตอบมาว่า ถึงเวลามันก็มีมาเอง แบบนี้ก็ได้หรอ เงินเดือนทุกเดือนผมโอนให้เขา ทุกอย่างเขาเก็บ แต่สุดท้ายผมกลับมารู้ว่ามันไม่เหลือ  ผมควรถอยออกมามั้ย.......
ตอนนี้พ่อแม่ผมให้เลือกระหว่างฝั่งภรรยากับฝั่งพ่อแม่ ผมควรทำอย่างไรดีครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่