สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นต้องแจ้งก่อนนะคะว่านี่เป็นกระทู้แรกของเรา และพึ่งสมัครใช้งานเมื่อกี้เองค่ะ หากมีประโยคไหนที่ตกหล่น หรือพิมพ์ผิดขอภัยด้วนนะคะ
เข้าเรื่องเลยนะคะ ตอนนี้เรากับแฟน อายุใกล้30 ค่ะ แฟนกับเราทำงานอยู่ในจังหวัดบ้านเกิดเรา และเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายแฟนจึงย้ายมาอยู่กับเราที่บ้านของพ่อแม่เราค่ะ ย้อนกลับไปเมื่อ 2ปีก่อน จากการที่ผู้ชายมาอยู่บ้านผู้หญิงแล้วอาจจะผิดประเพณีที่บ้าน ทางครอบครัวเราจึงให้เราสองคนหมั้นกัน (โดยสินสอดหมั้นที่นำมาวางใสพานให้ทางฝ่ายชายถือมาให้ ราวๆ1แสนบาท เป็นเงินของพ่อแม่เรานะคะ เพราะท่านคิดเป็นการรักษาหน้าทั้งเราและฝั่งฝ่ายชายด้วยค่ะ จะได้ไม่ถูกนินทาภายหลัง เสร็จงานเราก็เก็บคืนพ่อแม่ค่ะ) เป็นการจัดงานหมั้นที่บ้านของเราเอง กินเลี้ยงเล็กน้อย ญาติๆและชาวบ้านใกล้เรือนเคียงทางบ้านเราประมาณ 70 คน โดยมีญาติทางฝ่ายชายมาประมาณ 10กว่าคน (เนื่องจากทางบ้านฝ่ายชายอยู่ต่างจังหวัดการเดินทางมาโดยรถตู้ ใช้เวลาเกือบ2วัน พ่อแม่ฝั่งชายได้ออกค่าเดินทางราวๆ 13,000 บาท) ทางเราจึงตกลงว่างั้นค่าใช้จ่ายในการจัดงานหมั้น พ่อแม่ของฝั่งหญิงจะออกให้หมดเลย ถือว่าจัดให้เราและแฟน เพื่อจะได้ไม่ถูกชาวบ้านซุบซิบนินทาเพราะแฟนจะอยู่บ้านเราแบบสบายใจ และที่ต้องนำเงินมาวางแทนก็เพื่อรักษาหน้าให้ฝั่งชายด้วยว่ามีของมาหมั้นลูกสาวด้วยนะ และงานหมั้นก็ผ่านพ้นไปด้วยดีค่ะ
ณ ตอนนี้ก็คบกันได้5ปีแล้วค่ะ และเราก็ท้อง!! ซึ่งพ่อแม่เราดีใจมากท่านอยากอุ้มหลานอยู่แล้ว ดังนั้นทางเราและแฟนก็คุยกันว่าจะจัดงานแต่งภายใน2เดือนนี้ เริ่มแรกทางพ่อแม่เราได้คุยกับทางพ่อแม่ฝ่ายชายผ่านทางโทรศัพท์ เพื่อจัดแจงถามเรื่องงานแต่ง ..โดยพ่อแม่ฝ่ายชายบอก ไม่มีเงิน ไม่มีทอง ทองแพง ไม่มีค่าสินสอดให้หรอก ...ทางพ่อแม่เราก็โอเค ไม่เอาสินสอดค่ะ เพราะต่อให้เอาให้มา ก็คืนลูกๆอยู่ดี ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไร แต่ช่วยออกค่าจัดงานแต่งช่วยกันคนละครึ่งได้มั้ย? ทางนั่นบอกไม่มีเงิน หาเงินไม่ทัน ไม่มีเงินเก็บด้วย มีแค่ค่ารถที่จะเดินทางมาร่วมงาน ทางนั่นปฎิเสธอย่างเดียว และพูดแค่ว่า งั้นเดินทางมาแต่งที่บ้านเขา โดยทางฝั่งหญิงไม่ต้องออกเงินสักบาท แต่หลังจบงานซองต้องอยู่กับเขาทั้งหมด🥲 เราเอ๊ะ! ซึ่งแฟนพอรู้นิสัยแม่ของตัวเองอยู่เลยไม่อยากคุยอะไรมาก ก็จบๆไปไม่คุยแล้ว!!! แต่ทางพ่อแม่เราดลยสวนกลับมาว่า งั้นพ่อแม่เราจะจัดงานแต่งให้ลูกเองทั้งหมดเลย ลูกคนเดียวจัดให้ได้ ขอแค่ฝั่งนั่นมาร่วมงานก็พอ แล้วก็จบการสนทนาวันนั้น🙂↔️ แต่เราคิดว่า ไหนๆงานแต่งเราอะทำไมเราต้องให้พ่อแม่เราจ่ายทุกอย่างฝ่ายเดียว ให้เขาเก็บเงินไว้ใช้ส่วนตัวเขาดีกว่า เราสงสารพ่อแม่เรามาก สุดท้ายเรากับแฟนก็เลยคุยกันว่างั้นไม่มีสินสอด ..แต่ค่าจัดงานให้เราสองคนจะออกค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด ซองเราเก็บเอง หลังจบงานแต่ง แกะซองเคลียร์ค่าใช้จ่าย หักเงินคืนเงินเก็บของเราสองคน โอเคจบ จะได้จัดงานแต่งสักที ก็เลยหาฤกษ์ จองออเกไนซ์ นัดคิวถ่ายพรี ทำการ์ด ซื้อของชำร่วยแล้ว แม่ฝั่งชายโทรมาต่อว่าเรา บอกว่า ก็ไหนพ่อแม่เราเสนอออกเงินให้ จู่ๆมาออกกันคนละครึ่ง ลูกชายของเขาไม่ได้มีเงินขนาดนั้น ทำไมลูกเขาต้องจ่ายด้วย!! เราคือด้ายเส้นสุดท้ายเกือบขาดค่ะ เลยบอกไปแค่ว่า “งานแต่งงาน แต่งกันเองสองคน พ่อแม่ก็ไม่ได้แต่งด้วย แล้วทำไมต้องให้พ่อแม่หนูออกฝ่ายเดียว เพราะรู้สึกว่ามันไม่แฟร์ที่จะให้ฝั่งหญิงออกทุกอย่าง แล้วอีกอย่างพวกเขาแก่แล้วให้เขาเก็บเงินไว้ใช้ส่วนตัวหาความสุขให้ตัวเองบ้างเถอะค่ะ เผื่อไว้ในยากฉุกเฉินหรือให้ลูกในท้องหนูค่ะ” ซึ่งทางนั้นพูดว่า “ลูกชายเขามีภาระผ่อนรถ น้องชายก็ยังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ ถ้าเงินไม่พอมันก็กลับมาขอเงินแม่ให้ช่วยอยู่ดี“ คือได้แต่คิดในใจ ยังไงอ่าาา พ่อแม่ต้องช่วยซับพอตลูกบ้างอยู่แล้วป่าว ฉันท้องอ่อนๆ แล้วยังมาเจอเรื่องอะไรพวกนี้อีก นี่แค่ยังไม่แต่งนะ ถ้าแต่งคือมีปัญหาแม่ผัวลูกสะใภ้แน่ๆอะ เรื่องเงินทองนี่เผยธาตุแท้มานักต่อนักละ แต่พึ่งสัมผัสเองแบบสุดๆก็วันนี้
อะล่าสุด ทางฝั่งนั้นโทรมาถามอีกรอบ ไม่มีค่าสินสอดแล้ววันงานทำไง แฟนเลยบอกแม่เขาไปว่า “ก็ไม่มีอ่ะ ถือพานเปล่าไง หรือไม่ถืออะไร แค่เดินแห่ขันหมากก็พอ เพราะชาวบ้านรู้อยู่แล้วว่าแค่ได้หลานพ่อแม่ผู้หญิงเขาดีใจอยู่แล้ว แค่นั้นพอล่ะ“ ทางนั้นเลยบอกให้แฟนเราไปบอกกับทางพ่อแม่เราว่า ขอยืมเงินสินสอดมาวางไว้ในพานเหมือนครั้งก่อนได้มั้ย อ้างว่าเพราะเดินทางมาจากต่างจังหวัดญาติพี่น้องมาเกือบๆ10คน ไม่อยากให้เขาเห็นว่าไม่มีสินสอด🤣 โอ้ยยยยอิหยังก่อน อายฝั่งญาติตัวเอง แต่ไม่ไว้หน้าหรือให้เกียรติฝั่งฝ่ายหญิงเลย ฝั่งเราไม่มีสินสอดคือไม่ซีเรียสค่ะ ไม่ได้อายเลย แค่จัดแต่งงาน ด้วยเงินตัวเองก็ภูมิใจละคะ ☺️ เลยบอกแฟนไปว่า พ่อแม่เราก็เอาเงินไปลงทุนซื้อที่แล้ว ไม่มีให้เอามาวางโชว์เหมือนตอนนั้นหรอก
ตอนนี้แบบ อ่าว คุยไปคุยมาแฟนก็เห็นด้วยกับแม่ตัวเองซะงั้น ”ควรให้พ่อแม่เราเอามาสินสอดมาว่าโชว์ให้พ่อแม่เขาถือ เพราะเขาก็อายเพื่อน อายญาติ“ เรานี่แบบ😔😔 ทำไมต้องพ่อแม่เราอีกล่ะ ทำไมพ่อแม่เขาเองไม่หายืมญาติพี่น้องที่สนิทของตัวเองมาก่อนละ แฟนเราให้เหตุผลว่า “แม่เขาเดินทางไกลกลัวทำเงินเขาหาย” โอ้ยยยมาถอนเงินที่นี่ก็ได้นะ ถ้ากลัวหายอะ คุยไปคุยมา สรุปไม่กล้ายืมใคร ไม่อยากให้ใครรู้ว่าไม่มีเงิน…
แล้วไม่รู้ว่าแฟนเรากับแม่เขาคุยอะไรกันยังไง ถึงเปลี่ยนความคิดแฟนเราไปว่าต้องมีสินสอด(มาโชว์) และจู่ๆเรากับแฟนกลับกลายเป็นคนที่ต้องมาทะเลาะกันเรื่องนี้แทนอ่ะ เรื่องเงินเอามาวางโชว์ คือเราสวนกลับแฟนไปว่า “ตอนนี้ทัศนคติเขาแปลกมากเลยนะ การที่ไม่มีเงินสินสอดมาวาง แล้วพ่อแม่ของเราเองไม่มีให้ยืม จู่ๆมาโกรธ มาบึงตึงใส่กัน คือมันไม่สมควรเลยที่มาแสดงพฤติกรรมแบบนี้ใส่กัน กลับไปหาทางออกเอง ทางออกมันมี อยู่แค่ว่าจะเลือกออกมาทางนั้นมั้ย ไม่ใช่มาโกรธแฟนตัวเองที่กำล้งท้องอ่อนแบบนี้ เพียงเพราะเขาไม่มีให้ยืม” เราเครียดมาก แล้วยังพาลโยนความผิดบอกพ่อแม่เราอยากจัดงานแต่งเองนิ แล้วไม่ช่วยสักอย่าง ถามหาเกียรติตัวเอง แต่ไม่ไว้หน้าตัวเขาเลย 😕😕
เราถามหน่อย เราผิดอะไรอะ? แล้วพ่อแม่เราผิดอะไรอะ? อยากโชว์ทำไมไม่หาเอง ทางเราก็ไม่เอาอยู่แล้วนิ ละถ้าไม่อยากแต่งก็บอกตั้งแต่ตอนแรก ไม่ใช่มาพูดในวันที่ร่อนการ์ดแต่งงาน และจ่ายมัดจำทุกอย่างไปหมดแล้วแบบนี้ คือออเราไม่รู้ว่าการที่ท้องแล้วฮอโมนเปลี่ยนนี่มีผลกับเรามากแค่ไหนนะ เราคิดแค่ว่า ตอนนี้เราอยากเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวแล้วค่ะ
ปัญหาเรื่องสินสอดก่อนแต่ง ที่แค่นำวางแล้วนำกลับ
เข้าเรื่องเลยนะคะ ตอนนี้เรากับแฟน อายุใกล้30 ค่ะ แฟนกับเราทำงานอยู่ในจังหวัดบ้านเกิดเรา และเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายแฟนจึงย้ายมาอยู่กับเราที่บ้านของพ่อแม่เราค่ะ ย้อนกลับไปเมื่อ 2ปีก่อน จากการที่ผู้ชายมาอยู่บ้านผู้หญิงแล้วอาจจะผิดประเพณีที่บ้าน ทางครอบครัวเราจึงให้เราสองคนหมั้นกัน (โดยสินสอดหมั้นที่นำมาวางใสพานให้ทางฝ่ายชายถือมาให้ ราวๆ1แสนบาท เป็นเงินของพ่อแม่เรานะคะ เพราะท่านคิดเป็นการรักษาหน้าทั้งเราและฝั่งฝ่ายชายด้วยค่ะ จะได้ไม่ถูกนินทาภายหลัง เสร็จงานเราก็เก็บคืนพ่อแม่ค่ะ) เป็นการจัดงานหมั้นที่บ้านของเราเอง กินเลี้ยงเล็กน้อย ญาติๆและชาวบ้านใกล้เรือนเคียงทางบ้านเราประมาณ 70 คน โดยมีญาติทางฝ่ายชายมาประมาณ 10กว่าคน (เนื่องจากทางบ้านฝ่ายชายอยู่ต่างจังหวัดการเดินทางมาโดยรถตู้ ใช้เวลาเกือบ2วัน พ่อแม่ฝั่งชายได้ออกค่าเดินทางราวๆ 13,000 บาท) ทางเราจึงตกลงว่างั้นค่าใช้จ่ายในการจัดงานหมั้น พ่อแม่ของฝั่งหญิงจะออกให้หมดเลย ถือว่าจัดให้เราและแฟน เพื่อจะได้ไม่ถูกชาวบ้านซุบซิบนินทาเพราะแฟนจะอยู่บ้านเราแบบสบายใจ และที่ต้องนำเงินมาวางแทนก็เพื่อรักษาหน้าให้ฝั่งชายด้วยว่ามีของมาหมั้นลูกสาวด้วยนะ และงานหมั้นก็ผ่านพ้นไปด้วยดีค่ะ
ณ ตอนนี้ก็คบกันได้5ปีแล้วค่ะ และเราก็ท้อง!! ซึ่งพ่อแม่เราดีใจมากท่านอยากอุ้มหลานอยู่แล้ว ดังนั้นทางเราและแฟนก็คุยกันว่าจะจัดงานแต่งภายใน2เดือนนี้ เริ่มแรกทางพ่อแม่เราได้คุยกับทางพ่อแม่ฝ่ายชายผ่านทางโทรศัพท์ เพื่อจัดแจงถามเรื่องงานแต่ง ..โดยพ่อแม่ฝ่ายชายบอก ไม่มีเงิน ไม่มีทอง ทองแพง ไม่มีค่าสินสอดให้หรอก ...ทางพ่อแม่เราก็โอเค ไม่เอาสินสอดค่ะ เพราะต่อให้เอาให้มา ก็คืนลูกๆอยู่ดี ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไร แต่ช่วยออกค่าจัดงานแต่งช่วยกันคนละครึ่งได้มั้ย? ทางนั่นบอกไม่มีเงิน หาเงินไม่ทัน ไม่มีเงินเก็บด้วย มีแค่ค่ารถที่จะเดินทางมาร่วมงาน ทางนั่นปฎิเสธอย่างเดียว และพูดแค่ว่า งั้นเดินทางมาแต่งที่บ้านเขา โดยทางฝั่งหญิงไม่ต้องออกเงินสักบาท แต่หลังจบงานซองต้องอยู่กับเขาทั้งหมด🥲 เราเอ๊ะ! ซึ่งแฟนพอรู้นิสัยแม่ของตัวเองอยู่เลยไม่อยากคุยอะไรมาก ก็จบๆไปไม่คุยแล้ว!!! แต่ทางพ่อแม่เราดลยสวนกลับมาว่า งั้นพ่อแม่เราจะจัดงานแต่งให้ลูกเองทั้งหมดเลย ลูกคนเดียวจัดให้ได้ ขอแค่ฝั่งนั่นมาร่วมงานก็พอ แล้วก็จบการสนทนาวันนั้น🙂↔️ แต่เราคิดว่า ไหนๆงานแต่งเราอะทำไมเราต้องให้พ่อแม่เราจ่ายทุกอย่างฝ่ายเดียว ให้เขาเก็บเงินไว้ใช้ส่วนตัวเขาดีกว่า เราสงสารพ่อแม่เรามาก สุดท้ายเรากับแฟนก็เลยคุยกันว่างั้นไม่มีสินสอด ..แต่ค่าจัดงานให้เราสองคนจะออกค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด ซองเราเก็บเอง หลังจบงานแต่ง แกะซองเคลียร์ค่าใช้จ่าย หักเงินคืนเงินเก็บของเราสองคน โอเคจบ จะได้จัดงานแต่งสักที ก็เลยหาฤกษ์ จองออเกไนซ์ นัดคิวถ่ายพรี ทำการ์ด ซื้อของชำร่วยแล้ว แม่ฝั่งชายโทรมาต่อว่าเรา บอกว่า ก็ไหนพ่อแม่เราเสนอออกเงินให้ จู่ๆมาออกกันคนละครึ่ง ลูกชายของเขาไม่ได้มีเงินขนาดนั้น ทำไมลูกเขาต้องจ่ายด้วย!! เราคือด้ายเส้นสุดท้ายเกือบขาดค่ะ เลยบอกไปแค่ว่า “งานแต่งงาน แต่งกันเองสองคน พ่อแม่ก็ไม่ได้แต่งด้วย แล้วทำไมต้องให้พ่อแม่หนูออกฝ่ายเดียว เพราะรู้สึกว่ามันไม่แฟร์ที่จะให้ฝั่งหญิงออกทุกอย่าง แล้วอีกอย่างพวกเขาแก่แล้วให้เขาเก็บเงินไว้ใช้ส่วนตัวหาความสุขให้ตัวเองบ้างเถอะค่ะ เผื่อไว้ในยากฉุกเฉินหรือให้ลูกในท้องหนูค่ะ” ซึ่งทางนั้นพูดว่า “ลูกชายเขามีภาระผ่อนรถ น้องชายก็ยังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ ถ้าเงินไม่พอมันก็กลับมาขอเงินแม่ให้ช่วยอยู่ดี“ คือได้แต่คิดในใจ ยังไงอ่าาา พ่อแม่ต้องช่วยซับพอตลูกบ้างอยู่แล้วป่าว ฉันท้องอ่อนๆ แล้วยังมาเจอเรื่องอะไรพวกนี้อีก นี่แค่ยังไม่แต่งนะ ถ้าแต่งคือมีปัญหาแม่ผัวลูกสะใภ้แน่ๆอะ เรื่องเงินทองนี่เผยธาตุแท้มานักต่อนักละ แต่พึ่งสัมผัสเองแบบสุดๆก็วันนี้
อะล่าสุด ทางฝั่งนั้นโทรมาถามอีกรอบ ไม่มีค่าสินสอดแล้ววันงานทำไง แฟนเลยบอกแม่เขาไปว่า “ก็ไม่มีอ่ะ ถือพานเปล่าไง หรือไม่ถืออะไร แค่เดินแห่ขันหมากก็พอ เพราะชาวบ้านรู้อยู่แล้วว่าแค่ได้หลานพ่อแม่ผู้หญิงเขาดีใจอยู่แล้ว แค่นั้นพอล่ะ“ ทางนั้นเลยบอกให้แฟนเราไปบอกกับทางพ่อแม่เราว่า ขอยืมเงินสินสอดมาวางไว้ในพานเหมือนครั้งก่อนได้มั้ย อ้างว่าเพราะเดินทางมาจากต่างจังหวัดญาติพี่น้องมาเกือบๆ10คน ไม่อยากให้เขาเห็นว่าไม่มีสินสอด🤣 โอ้ยยยยอิหยังก่อน อายฝั่งญาติตัวเอง แต่ไม่ไว้หน้าหรือให้เกียรติฝั่งฝ่ายหญิงเลย ฝั่งเราไม่มีสินสอดคือไม่ซีเรียสค่ะ ไม่ได้อายเลย แค่จัดแต่งงาน ด้วยเงินตัวเองก็ภูมิใจละคะ ☺️ เลยบอกแฟนไปว่า พ่อแม่เราก็เอาเงินไปลงทุนซื้อที่แล้ว ไม่มีให้เอามาวางโชว์เหมือนตอนนั้นหรอก
ตอนนี้แบบ อ่าว คุยไปคุยมาแฟนก็เห็นด้วยกับแม่ตัวเองซะงั้น ”ควรให้พ่อแม่เราเอามาสินสอดมาว่าโชว์ให้พ่อแม่เขาถือ เพราะเขาก็อายเพื่อน อายญาติ“ เรานี่แบบ😔😔 ทำไมต้องพ่อแม่เราอีกล่ะ ทำไมพ่อแม่เขาเองไม่หายืมญาติพี่น้องที่สนิทของตัวเองมาก่อนละ แฟนเราให้เหตุผลว่า “แม่เขาเดินทางไกลกลัวทำเงินเขาหาย” โอ้ยยยมาถอนเงินที่นี่ก็ได้นะ ถ้ากลัวหายอะ คุยไปคุยมา สรุปไม่กล้ายืมใคร ไม่อยากให้ใครรู้ว่าไม่มีเงิน…
แล้วไม่รู้ว่าแฟนเรากับแม่เขาคุยอะไรกันยังไง ถึงเปลี่ยนความคิดแฟนเราไปว่าต้องมีสินสอด(มาโชว์) และจู่ๆเรากับแฟนกลับกลายเป็นคนที่ต้องมาทะเลาะกันเรื่องนี้แทนอ่ะ เรื่องเงินเอามาวางโชว์ คือเราสวนกลับแฟนไปว่า “ตอนนี้ทัศนคติเขาแปลกมากเลยนะ การที่ไม่มีเงินสินสอดมาวาง แล้วพ่อแม่ของเราเองไม่มีให้ยืม จู่ๆมาโกรธ มาบึงตึงใส่กัน คือมันไม่สมควรเลยที่มาแสดงพฤติกรรมแบบนี้ใส่กัน กลับไปหาทางออกเอง ทางออกมันมี อยู่แค่ว่าจะเลือกออกมาทางนั้นมั้ย ไม่ใช่มาโกรธแฟนตัวเองที่กำล้งท้องอ่อนแบบนี้ เพียงเพราะเขาไม่มีให้ยืม” เราเครียดมาก แล้วยังพาลโยนความผิดบอกพ่อแม่เราอยากจัดงานแต่งเองนิ แล้วไม่ช่วยสักอย่าง ถามหาเกียรติตัวเอง แต่ไม่ไว้หน้าตัวเขาเลย 😕😕
เราถามหน่อย เราผิดอะไรอะ? แล้วพ่อแม่เราผิดอะไรอะ? อยากโชว์ทำไมไม่หาเอง ทางเราก็ไม่เอาอยู่แล้วนิ ละถ้าไม่อยากแต่งก็บอกตั้งแต่ตอนแรก ไม่ใช่มาพูดในวันที่ร่อนการ์ดแต่งงาน และจ่ายมัดจำทุกอย่างไปหมดแล้วแบบนี้ คือออเราไม่รู้ว่าการที่ท้องแล้วฮอโมนเปลี่ยนนี่มีผลกับเรามากแค่ไหนนะ เราคิดแค่ว่า ตอนนี้เราอยากเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวแล้วค่ะ