ขึ้นไปทำธุระฝ่าดง ไวรัส โควิด ที่ ก.ท. หลายวันครับ ไปต่อที่โยโกฮาม่า กันดีกว่า เรียน " นิฮอง โหงะ " ขะมักเขม้น ทั้งทางตรงขีดเขียน ผสมเสียง สะกดอักษร ในห้องเรียน แล้วก็สวมหูฟัง อัดให้เข้าสมอง แบบ ออสโมซิส ฟังซ้ำทุกๆเช้า หลับมั่ง ตื่นมั่ง ก็พอซึมซับสำเนียงสนทนา เอาไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ราว 50 % ของคนญี่ปุ่นได้ครับ (คนญี่ปุ่น เขาฟังเราพูด เขาก็จะรู้ว่า เราเรียนภาษาเด็ก พูดภาษาเด็กญี่ปุ่น ในห้วงนั้น) และที่แน่ๆ ประโยคหากินของวัยรุ่นพวกเราในตอนนั้นที่ต้อง ติดปากให้คล่องทุกๆคนคือ "watashi no o namai wa (ชื่อตัวเรา) desu , Thai koku kara ima mada dokuchin desu" เป็นประโยคใช้แนะนำตัวเองกับบรรดาสาวๆญี่ปุ่น ว่า"ผมชื่อ.....มาจากประเทศไทยครับ ขณะนี้ ยังเป็น โสด ครับ"
ทุกๆวันอาทิตย์ เป็น ฟรีฮอลิเดย์ ตามสบายของแต่ละคน กลุ่มพวกผมหน้าตามันเด็กเกิ๊น 16-18 กันเป็นส่วนใหญ่ ไปตอแยกับเด็กนักเรียนหญิงมัธยมชุด เสื้อคอซอง สีกรมท่าไม่ได้ (ยุคนั้น ค่อนข้างระเบียบจัด ไม่มีใครวอแวกับเด็ก คอซอง ปัจจุบันเปลี่ยนไปแล้ว) บรรดารุ่นพี่หนุ่มๆจบมหาลัย ต่างก็ควง โอโจ้ซัง (สาวๆ)จิ้มลิ้มพริ้มเพรา ไปเที่ยวกันทุกวันอาทิตย์ หน้าเด็กอย่างเราอย่างดีกะ shopping ย่าน โยโกฮาม่าฮาเบ้อร์ โยโกสุกะ ที่มีไชน่าทาวน์อยู่ใกล้ๆ ที่พักของเรา YKC อยู่บนเนินภูเขา ชิโอมิได อากาศดี ตอนไปอยู่แรกๆ ไม่คุ้นกับ พระอาทิตย์สว่างตั้งแต่ตี 4 แล้ว (อาทิตย์อุทัย นั่นละ) ไม่ว่าจะออกไปเที่ยวหรือไปไหนก็มีทางเดินลง อยู่ทางเดียวคือเดินลงเนินเขา ยกเว้นไปทางรถยนต์ก์จะมีถนนขึ้นถึงลานจอด YKC ไปอยู่ใหม่ก็ไปไหนเป็นกลุ่มดี และไปกันประจำก็ เดินจากที่พักไป ขึ้นรถใต้ดินที่ Shiomidai Eki (สถานีชิโอมิได) ไปขึ้นบนดินที่ สถานีอะไรจำชื่อไม่ได้แล้ว โผล่ขึ้นไปก็ใจกลาง ตลาดขายกล้องและขายเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ของเมืองท่าเรือ โยโกฮาม่าเลย เดินเลือกซื้อกล้อง ซื้อ เล็นส์ เทปคาสเซ็ทจิ๋วๆที่นิยมกันยุคนั้น ที่จัดว่าราคา ถูกมากๆ โดยเราใช้ พาสปอร์ตเวลาซื้อ จะ free tax ไปหลายๆครั้งเข้าก็เบื่อ อาทิตย์หลังๆก็ดู ทีวี อยู่ในหอพัก จนบรรดาแม่ครัว ของ shokudo(ห้องอาหาร) ใน YKC เขาคงสงสาร แกก็เลยผลัดกันชวนพาพวกเรา ไปเที่ยวในวันอาทิตย์ต่อๆมา พานั่งรถใต้ดินเข้าไปเที่ยวทั้งในโตเกียวกับเมืองบริวารรอบๆ โตเกียว พวกเราก็ตอบแทนบรรดาแม่ครัวผู้ใจดีเหล่านั้น ด้วยของฝากแปลกๆ ที่เราติดไปจากเมืองไทย
เรียนภาษาญี่ปุ่นที่ YKC น่าจะ 2 เดือน ก็เริ่มเรียนภาควิชาการ ที่แต่ละกลุ่มถูกคัดเลือกมา ก็เข้มข้น เข้มงวด ประเมินผลฯลฯ ตลอดครึ่งปี เราทั้งหมดก็จะไปเข้าฝึกงานตามสาขาของแต่ละคน ตามลักษณะการศึกษาแบบ "ทวิภาคี" ที่ญี่ปุ่นทำมาเกิน 60 ปี และระบบการศึกษาในบ้านเราเองก็เริ่มใช้การเรียนแบบ ทวิภาคี มาน่าจะ 10 ปี บวก/ลบ ตอนหน้าเราจะลาจากเมือง โยโกฮาม่า ไป Ryewko (ท่องเที่ยวทางไกล แบบ one way ) โดยมีปลายทางอยู่เกาะใต้สุดของญี่ปุ่น ที่เกาะกิวชิว ระหว่างทางแวะทุกเมืองใหญ่ๆ แล้วค่อยเล่าในตอนหน้าครับ แย้มๆนิดหนึ่งว่า ประทับใจ เมืองมาสด้า Mazda City พบกันตอนหน้าครับ Sayonara สวัสดีครับ
เล่าต่อ อยู่โยโกฮาม่า ตอน 2
ทุกๆวันอาทิตย์ เป็น ฟรีฮอลิเดย์ ตามสบายของแต่ละคน กลุ่มพวกผมหน้าตามันเด็กเกิ๊น 16-18 กันเป็นส่วนใหญ่ ไปตอแยกับเด็กนักเรียนหญิงมัธยมชุด เสื้อคอซอง สีกรมท่าไม่ได้ (ยุคนั้น ค่อนข้างระเบียบจัด ไม่มีใครวอแวกับเด็ก คอซอง ปัจจุบันเปลี่ยนไปแล้ว) บรรดารุ่นพี่หนุ่มๆจบมหาลัย ต่างก็ควง โอโจ้ซัง (สาวๆ)จิ้มลิ้มพริ้มเพรา ไปเที่ยวกันทุกวันอาทิตย์ หน้าเด็กอย่างเราอย่างดีกะ shopping ย่าน โยโกฮาม่าฮาเบ้อร์ โยโกสุกะ ที่มีไชน่าทาวน์อยู่ใกล้ๆ ที่พักของเรา YKC อยู่บนเนินภูเขา ชิโอมิได อากาศดี ตอนไปอยู่แรกๆ ไม่คุ้นกับ พระอาทิตย์สว่างตั้งแต่ตี 4 แล้ว (อาทิตย์อุทัย นั่นละ) ไม่ว่าจะออกไปเที่ยวหรือไปไหนก็มีทางเดินลง อยู่ทางเดียวคือเดินลงเนินเขา ยกเว้นไปทางรถยนต์ก์จะมีถนนขึ้นถึงลานจอด YKC ไปอยู่ใหม่ก็ไปไหนเป็นกลุ่มดี และไปกันประจำก็ เดินจากที่พักไป ขึ้นรถใต้ดินที่ Shiomidai Eki (สถานีชิโอมิได) ไปขึ้นบนดินที่ สถานีอะไรจำชื่อไม่ได้แล้ว โผล่ขึ้นไปก็ใจกลาง ตลาดขายกล้องและขายเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ของเมืองท่าเรือ โยโกฮาม่าเลย เดินเลือกซื้อกล้อง ซื้อ เล็นส์ เทปคาสเซ็ทจิ๋วๆที่นิยมกันยุคนั้น ที่จัดว่าราคา ถูกมากๆ โดยเราใช้ พาสปอร์ตเวลาซื้อ จะ free tax ไปหลายๆครั้งเข้าก็เบื่อ อาทิตย์หลังๆก็ดู ทีวี อยู่ในหอพัก จนบรรดาแม่ครัว ของ shokudo(ห้องอาหาร) ใน YKC เขาคงสงสาร แกก็เลยผลัดกันชวนพาพวกเรา ไปเที่ยวในวันอาทิตย์ต่อๆมา พานั่งรถใต้ดินเข้าไปเที่ยวทั้งในโตเกียวกับเมืองบริวารรอบๆ โตเกียว พวกเราก็ตอบแทนบรรดาแม่ครัวผู้ใจดีเหล่านั้น ด้วยของฝากแปลกๆ ที่เราติดไปจากเมืองไทย
เรียนภาษาญี่ปุ่นที่ YKC น่าจะ 2 เดือน ก็เริ่มเรียนภาควิชาการ ที่แต่ละกลุ่มถูกคัดเลือกมา ก็เข้มข้น เข้มงวด ประเมินผลฯลฯ ตลอดครึ่งปี เราทั้งหมดก็จะไปเข้าฝึกงานตามสาขาของแต่ละคน ตามลักษณะการศึกษาแบบ "ทวิภาคี" ที่ญี่ปุ่นทำมาเกิน 60 ปี และระบบการศึกษาในบ้านเราเองก็เริ่มใช้การเรียนแบบ ทวิภาคี มาน่าจะ 10 ปี บวก/ลบ ตอนหน้าเราจะลาจากเมือง โยโกฮาม่า ไป Ryewko (ท่องเที่ยวทางไกล แบบ one way ) โดยมีปลายทางอยู่เกาะใต้สุดของญี่ปุ่น ที่เกาะกิวชิว ระหว่างทางแวะทุกเมืองใหญ่ๆ แล้วค่อยเล่าในตอนหน้าครับ แย้มๆนิดหนึ่งว่า ประทับใจ เมืองมาสด้า Mazda City พบกันตอนหน้าครับ Sayonara สวัสดีครับ