🇹🇭มาลาริน💙27ส.ค.ป่วย18,702คน รักษาหาย20,163คน เสียชีวิต273คน วานนี้ฉีดได669,189โดส/แม่ฮ่องสอนเป็นศูนย์/เคาะคลายล็อก

เพี้ยนแคปเจอร์โควิดวันนี้ ติดเชื้อเพิ่ม 18,702 ราย เสียชีวิตอีก 273 ราย หายป่วยเพิ่ม 20,163 ราย

สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หรือ โควิด-19 ในไทยวันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 18,702 ราย แบ่งเป็นผู้ติดเชื้อใหม่ 18,360 ราย และผู้ติดเชื้อในเรือนจำ 342 ราย ยอดติดเชื้อรวมระลอกเมษายน 1,110,708 ราย รวมยอดติดเชื้อสะสม 1,139,571 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 273 ราย เสียชีวิตสะสม 10,587 ราย หายป่วยเพิ่ม 20,163 ราย หายป่วยสะสมระลอกเมษายน 916,358 ราย ผู้ป่วยกำลังรักษา 185,200 ราย



https://www.sanook.com/news/8433586/

เพี้ยนปักหมุดติดเชื้อเกินร้อยเกินครึ่งปท. "กทม." พุ่งอีก! 4,699 คน
"สมุทรปราการ-ชลฯ" ยืนพัน "ภูเก็ต" เอาไม่อยู่ขึ้น 3 หลัก



41 จว.ติดเชื้อใหม่เกินร้อย ภาคกลางยังหนัก 14 จว. ขณะภาคตะวันตกเกินร้อยยกภาค
เมื่อวันที่ 27 ส.ค.64 ศูนย์ข้อมูลโควิด-19 ได้รายงานสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย ข้อมูล ณ วันที่ 27 ส.ค.64 เวลา 01.00 น. พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ใน 76 จังหวัด โดยมีเพียงจังหวัดเดียวที่ไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่คือ แม่ฮ่องสอน ขณะกทม.ยังคงพบผู้ติดเชื้อสูงสุด เพิ่มขึ้นมาอีก 4,699 รายสูงกว่าเมื่อวาน ตามด้วยสมุทรปราการ ชลบุรี ที่ยังอยู่ในหลักพัน ขณะสมุทรสาคร ลดลงต่ำกว่าพัน ทั้งนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เกินร้อยใน 41 จังหวัด



ภาคกลางยังพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เกินร้อยสูงกว่าภาคอื่น ใน 14 จังหวัด ได้แก่ กทม. สมุทรปราการ สมุทรสาคร นนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา นครปฐม สระบุรี อ่างทอง ลพบุรี เพชรบูรณ์ สมุทรสงคราม กำแพงเพชร และสุพรรณบุรี

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เกินร้อยใน 9 จังหวัดคือ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกา อุบลราชธานี ร้อยเอ็ด ขอนแก่น ชัยภูมิ อุดรธานี

ภาคใต้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เกินร้อยใน 8 จังหวัดคือ สงขลา นราธิวาส นครศรีธรรมราช ยะลา ภูเก็ต ระนอง สุราษฎร์ธานี

https://siamrath.co.th/n/275305

เพี้ยนปักหมุดสรุปเคาะ 'คลายล็อกดาวน์' ศบค. ให้นั่งทานอาหารในร้าน 50% เปิดห้าง สวนสาธารณะ คง 'เคอร์ฟิว'



ศบค. "คลายล็อกดาวน์" นั่งทานอาหารในร้าน 50%-เปิดห้าง-เสริมสวย-นวดฝ่าเท้า-สวนสาธารณะ คงเวลา "เคอร์ฟิว" 21.00-04.00 น. คง 29 จว.เข้มงวดสูงสุดเหมือนเดิม แต่ใช้มาตรการ Universal Prevention
 
เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 27 ส.ค.ที่ห้อง PMOC ชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พล.อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ 13/2564 ผ่านระบบวิดิโอคอนเฟอเรนซ์ เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ตามที่ ศบค.วงเล็กเสนอ โดยมีรายงานว่าที่ประชุมเห็นชอบมาตรการผ่อนคลายล็อกดาวน์ พร้อมคงจังหวัดสีแดงเข้ม 29 จังหวัด และคงเวลาเคอร์ฟิวจังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) ประกอบด้วย

1.ร้านอาหารที่มีการเปิดเครื่องปรับอากาศ หรือ เปิดแอร์อนุญาตนั่งรับประทานในร้านได้คิดเป็น 50 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนที่นั่งในร้าน

2.ร้านอาหารที่ไม่มีการเปิดเครื่องปรับอากาศ หรือไม่เปิดแอร์ ให้นั่งได้ 75 เปอร์เซ็นต์ ของจำนวนที่นั่งในร้าน 
ทั้งนี้ การเปิดให้ประชาชนนั่งรับประทานอาหารในร้าน โดยจะต้องฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม หรือ ผ่านการตรวจ ATK ไม่เกิน 7 วัน 
 
นอกจากนี้ มาตรการคลายล็อกดาวน์ ยังครอบคลุมห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมิวนิตี้มอลล์หรือสถานประกอบการอื่น ที่มีลักษณะคล้ายกัน ร้านสะดวกซื้อ ให้เปิดดำเนินการได้ตามปกติจนถึงเวลา 20.00 น. โดยผู้ให้บริการจะต้องปฏิบัติได้รับวัคซีน 2 เข็มแล้ว และจะต้องมีการตรวจคัดกรองด้วยชุด ATK เป็นระยะและมีมาตรการเข้มผู้เข้าใช้บริการ

ขณะที่ร้านเสริมสวย หรือตัดผม ร้านนวด เปิดได้ตามปกติ แต่นวดได้เฉพาะฝ่าเท้า นอกจากนี้สวนสาธารณะ ลานกีฬา สนามกีฬาหรือสถานที่ออกกำลังกาย ที่เป็นพื้นที่โล่งแจ้ง ยกเว้นฟิตเนส และอาคารในสถานศึกษา เปิดได้ตามปกติ แต่ให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการสถานศึกษาพิจารณา

โดย ที่ประชุม ศปก.ศบค.ยังลดจังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด(สีแดงเข้ม) เหลือ 29 จังหวัด แต่ใช่มาตรการป้องกันโรคส่วนบุคคล Universal Prevention พร้อมกันนี้เห็นชอบการรวมกลุ่มทำกิจกรรมที่เดิมกำหนดไม่เกิน 5 คน ขยายเป็น 25 คน นอกจากนี้ จะเปิดบริการรถสาธารณะ โดยต้องจำกัดจำนวนผู้โดยสารไม่เกินร้อยละ 75 และคนขับรถจะต้องได้รับวัคซีนแล้ว 2 เข็ม และเปิดให้เดินทางโดยเครื่องบิน ซึ่งผู้โดยสารจะต้องแสดงเอกสารการฉีดวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 เข็ม หรือผลตรวจโควิด-19 ด้วย
 
ขณะเดียวกัน ยังผ่อนคลายให้ประชาชนสามารถเดินทางข้ามจังหวัดได้ สำหรับประชาชนที่มีความจำเป็นเท่านั้น แต่ยังต้องขอความร่วมมือประชาชนงดเดินทางข้ามจังหวัดหากไม่มีความจำเป็น และยังห้ามประชาชนออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา 21.00-04.00 น.ของวันรุ่งขึ้นยังคงอยู่ โดยมาตรการผ่อนคลายต่างๆ จะเริ่มมีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.นี้เป็นต้นไป



https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/956936

เพี้ยนจริงจัง วันนี้รักษาหายมากกว่าป่วยใหม่อีกวันค่ะ  

ผู้รักษาในโรงพยาบาลลดลง  

มีจังหวัดที่ติดเชื้อเป็น 0 คน 

วัคซีนก็ฉีดได้เกินเป้าหมายวันละห้าแสนโดส

เคาะคลายล็อกดาวน์ เริ่มฟื้นฟูเศรษฐกิจได้ในระดับหนึ่งแล้ว

ยินดีด้วยค่ะ

อดทนเพื่อจะถึงวันได้เปิดประเทศนะคะ

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 18
แถลงความคืบหน้า สถานการณ์ โรคไวรัสโควิด-19 ประจำวันที่ 27 สิงหาคม 2564 เวลา 13.30 น.
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แถลงความคืบหน้า สถานการณ์ โรคไวรัสโควิด-19
ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล
ประจำวันที่ 27 สิงหาคม 2564 เวลา 13.30 น.

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
การขอรับหนังสือรับรองการฉีดวัคซีนโควิด 19
ที่มา : กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/394411632177167 (มีคลิป)


[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รวมสไลด์แถลงสถานการณ์โควิด-19 จาก ศบค.
วันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม 2564
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/394500245501639


[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รายงานข้อมูลสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19
ณ วันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม 2564

ประเทศไทย
วันนี้มีผู้ติดเชื้อ 18,702 ราย รวมผู้ติดเชื้อสะสม 1,139,571 ราย
- เป็นผู้ติดเชื้อจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการฯเพิ่มขึ้น 16,677 ราย
- เป็นผู้ติดเชื้อจากเรือนจำ/ที่ต้องขัง 342 ราย
- เป็นผู้ติดเชื้อที่เดินทางจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น  9 ราย
- ผู้ติดเชื้อในสถานกักกันของรัฐสะสม 4,903 ราย
- เป็นผู้ติดเชื้อจากการตรวจคัดกรองเชิงรุกวันนี้  1,674 ราย (ยอดผู้ติดเชื้อสะสมจากการตรวจคัดกรองเชิงรุกอยู่ที่ 238,713 ราย)

เสียชีวิตรวม 10,587 ราย(วันนี้มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 273 ราย)
รักษาหายป่วยแล้ว 943,784 ราย (มีผู้ป่วยกลับบ้านเพิ่มขึ้น 20,163 ราย)
รักษาอยู่ในโรงพยาบาล 185,200 ราย

ผู้ติดเชื้อรายใหม่ภายในประเทศ (ไม่รวมเรือนจำ) 18,351 ราย มีรายละเอียดดังนี้ จากกรุงเทพฯ(4,699) ปริมณฑล (3,563) จังหวัดอื่น ๆ (10,089)

สำหรับผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ เพิ่มขึ้นในวันนี้ 9 รายและเข้า Quarantine โดยเข้ารับการรักษาที่ยะลา(3) สระแก้ว(1) ตาก(1) จันทบุรี(3) และ ภูเก็ต (1) มีรายละเอียดดังนี้
- จากประเทศอิสราเอล 1 ราย
- จากประเทศกัมพูชา 4 ราย
- จากประเทศมาเลเซีย 3 ราย
- จากประเทศเมียนมา 1 ราย

สถานการณ์โลกในวันนี้
- ยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั่วโลก 215.4  ล้านราย มีจำนวนผู้เสียชีวิตสะสมกว่า 4.4 ล้านราย(คิดเป็นร้อยละ 2.08 ของจำนวนผู้ติดเชื้อ) ในขณะที่ผู้รักษาหายมีจำนวน 192.6  ล้านราย (คิดเป็นร้อยละ 89.41)
- สหรัฐอเมริกา มียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่  169,953  ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่อันดับ 1 ของโลก อยู่ที่ 651,956 ราย
- อินเดีย ยอดผู้ติดเชื้อสะสมทะลุ 32.6 ล้านรายแล้ว โดยมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ 44,558 ราย ทั้งนี้ยอดผู้รักษาหายในอินเดียอยู่ที่ 31.8 ล้านราย คิดเป็นร้อยละ 97.6
- ไทยมียอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่อันดับ 31  และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่อันดับ 49 ของโลก

สถานการณ์อาเซียนในวันนี้
- เมียนมา ตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสม 383,514  ราย โดยมียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่เฉลี่ยในรอบ 7 วันที่ผ่านมาอยู่ที่ 2,547 ราย และมีจำนวนผู้เสียชีวิตกว่า 14,850 ราย
- มาเลเซีย ยอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 1,640,843 ราย โดยยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ อยู่ที่ 24,599  ราย
- กัมพูชา ตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสม 90,958 ราย มียอดผู้เสียชีวิตสะสม 1,841 ราย
- ลาว ตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสม 14,104  ราย โดยกำลังรักษาอยู่ 9,488  ราย
- เวียดนาม ผู้ติดเชื้อรายใหม่อยู่ที่  11,575  ราย และมียอดผู้เสียชีวิตสะสม 9,667 ราย

ประมวลข้อมูลโดย กรมควบคุมโรค และศูนย์ปฏิบัติการด้านนวัตกรรมการแพทย์ และการวิจัยและพัฒนาสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ(วช.)
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
https://web.facebook.com/nrctofficial/posts/4100216186770589
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่