เรื่องสั้น : สะพาน

กระทู้สนทนา

.

               บนสะพานที่ทอดยาวไกลขณะนี้แสงแดดร้อนระอุ มองเห็นปลายสะพานฝั่งนู่นอยู่ร่ำไร เป็นสะพานข้ามฝั่งอำเภอหนึ่งไปยังอำเภอหนึ่ง รถวิ่งสวนกันไม่ขาดระยะ เวลานี้ไม่ค่อยมีคนมาเที่ยวนัก ช่วงเย็น ๆ ตะวันบ่ายคล้อย ถึงเวลาพระอาทิตย์จะลับขอบฟ้าถึงจะมีคนมาเที่ยวชม ดื่มด่ำกับบรรยากาศแสนโรแมนติกกับสะพานแห่งนี้

               ณ ที่ตรงนี้เป็นสะถานที่ให้ครอบครัว ๆ หนึ่งมาจอดรถถ่ายรูป ชมวิวแม่น้ำที่มีขนาดใหญ่สุดลูกหูลูกตา เด็กหญิงกำลังสนุกกับการแอ๊กท่าถ่ายรูปคู่กับบิดา โดยมีมารดาเป็นช่างภาพ ใบหน้าของแต่ละคนเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข ครอบครัวของพวกเขาคงมีความสุขแน่นอน

                บนสะพานนอกจากจะทำให้รถวิ่งแล้ว ขอบสะพานทั้งสองด้านยังถูกทำให้เป็นทางเดินเล่นชมวิวด้วย เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงเรื่องโดนรถเฉี่ยวชน

                  ณ ตรงนี้มีหญิงสาวกำลังจูงสุนัขพันธ์ไซบีเรียเดินไปตามขอบสะพาน เจ้าหมาแสนรู้ตัวนี้ดูมันมีความสุขมาก กระโดดโลดเต้นใหญ่เลย เคยได้ยินมาว่าอย่าให้พันธุ์นี้หลุดเพราะเขาสุดไม่เหมือนใคร ความซนต้องยกให้เจ้าไซบีเรียนี่แหละ หญิงสาวเดินจูงหมาไปเรื่อย ๆ อย่างมีความสุข ขณะเดินจูงสุนัขปากก็คุยโทรศัพท์ไปด้วย คงคุยกับใครสักคนที่รู้ใจนั่นแหละ ดูจากรอยยิ้มและท่าทางของเธอเอง

                 ณ ที่ตรงนี้มีคู่หนุ่มสาวมาจีบกันด้วย ดูแล้วอยากกลับไปเป็นวัยทีนมาก พวกเขาคงรักกันปานจะกลืนกิน ผู้ชายยืนพิงขอบสะพาน ผู้หญิงนั่งบนเบาะรถมอเตอร์ไซค์ มองหน้ากัน ยิ้มให้กันขณะคุยกันคงจะรักกันที่สุด ผู้ชายเอื้อมมือมาเช็ดขนมที่ริมฝีปากให้แฟนสาวด้วย อะไรจะโรแมนติกขนาดนั้น

                   ณ ที่ตรงนี้มีคนมาวิ่งออกกำลังกายหลายคน คงรักสุขภาพน่าดู สังเกตดูแล้วคนที่มาออกกำลังกายส่วนมากตัวผอมแห้งกันทั้งนั้น คนอ้วน ๆ ไม่เห็นอยากมาวิ่งบ้างเลย แค่คิดก็ตลก !

                   ณ ที่ตรงนี้มีอีกคู่ที่กำลังงอนกัน ผู้หญิงเดินหน้างอไปเรื่อย ๆ ผู้ชายก็วิ่งตามง้อ เป็นภาพที่ประทับใจมาก ๆ นี่สิแฟนกัน คนหนึ่งงอนอีกคนก็ตามง้อ เป็นภาพที่น่ารักที่สุด เมื่อผู้ชายวิ่งตามจนถึงตัวแล้วถลาเข้าสวมกอดเพื่อง้อแฟน รีบใจอ่อนเถอะ อย่าให้ผู้ชายต้องใจหายใจคว่ำไปมากกว่านี้เลย ฮา คงจะกลัวถูกบอกเลิก

                  รถเก๋งสีขาวขับบนสะพานอย่างช้า ๆ คอยดูผู้คนที่มา ณ ที่ตรงนี้ทำกิจกรรมส่วนตัว บ้างออกกำลังกาย บ้างมาจีบกัน บ้างพาลูกมาเปิดหูเปิดตา ช่างเป็นภาพที่มีความสุขมาก ๆ ใช่ ! พวกเขาคงจะมีความสุขมาก ๆ เลย

                   ขณะกำลังคิดอะไรเพลิน ๆ รถก็ได้วิ่งมาสุดสะพานแล้ว เธอจึงจอดรถคิดว่าจะเอาอย่างไรดี ยังไม่เห็นที่เหมาะ ๆ เลย เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงเขาเกียร์ถอยรถวนกลับไปใหม่อีกรอบ ค่อย ๆ ขับช้า ๆ มองสะพานสองข้างทางอย่างมีความสุข ไม่รู้ความสุขแบบไหนสำหรับเธอ

                    อ่า… ตรงนี้แหละเหมาะสุด เธอจอดรถไว้ตรงขอบถนน สตาร์ทรถเอาไว้ไม่ยอมลงไป นั่งมองแม่น้ำที่ทอดยาวไกลอย่างเหม่อลอย มองลงไปยังผืนน้ำ จากสะพานไปถึงผิวน้ำก็สูงหลายเมตรพอดู ยิ้มให้กับภาพที่เห็นด้วยความสุข ตรงนี้แหละ ! ตรงนี้เลย !

                   เธอปรับเบาะเอนลงนอนนิดหน่อย ไม่อยากคิดอะไรแล้ว ขอพักกายพักใจพักสมองที่นี่สักพัก เดี๋ยวตะวันลับขอบฟ้าความมืดมาแทนเดี๋ยวก็กลับเอง ทว่าก็ไม่มีคนสงสัย เพราะเธอก็ได้ลงจากรถอยู่เป็นพัก ๆ ก็แค่คนมาเที่ยวชมวิวแม่น้ำคนหนึ่งเท่านั้น ไม่มีอะไรน่าสงสัย

                      ‘สบายใจได้นะ ไม่ต้องเอามาคืนแล้ว พอแล้ว’

                    เธอโพสต์ข้อความเอาไว้ ไม่สนใจว่าจะมีคนกดถูกใจอะไรให้หรือเปล่า นอนเอนหลังบนเบาะรถอย่างสบายอารมณ์

                   ‘ขอบคุณนะที่เป็นเพื่อนกัน ขอบคุณนะที่เป็นเพื่อนกู ร่วมทุกข์ร่วมสุขมากับกูเพื่อน ขอบคุณพวกมืงมาก’ เธอฝากข้อความไว้ในไลน์กลุ่ม ไม่สนใจว่าจะมีเพื่อนคนไหนเปิดอ่านหรือไม่ ไม่สนใจ !

                   ‘พ่อกับแม่ไม่ต้องกังวลนะ ลูกจะจัดการปัญหานี้เอง ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องกังวล มันกำลังจะจบแล้วแม่’ ฝากข้อความหามารดา ไม่สนใจว่ามารดาจะเปิดอ่านหรือเปล่า นึกขอบคุณตนเองที่ปีก่อนนั้นซื้อโทรศัพท์ให้มารดา พร้อมสมัครเฟซบุ๊กให้เล่นด้วย มีอะไรจะได้ติดต่อกันง่าย วันนี้ก็เช่นกัน หากไม่มีเฟซบุ๊กแล้วล่ะก็ ไม่รู้จะบอกกับมารดาได้อย่างไร

                  ณ ที่ตรงนี้ดึกสะงัด เริ่มไม่มีรถวิ่งแล้ว ผู้คนที่มาที่นี่ทยอยกลับกันไปหมด เหลือเพียงเธอที่ไม่ยอมกลับไป ถึงเวลาแล้ว ! ถึงเวลาที่เธอต้องออกมาชมวิวบ้าง ท้องฟ้าสีดำตอนกลางคืน ผืนน้ำสีดำตอนกลางคืนมันก็น่ามองเหมือนกันนะ หากตกลงไปนานไหมนะกว่าจะหาเจอ ยืนคิดอะไรไปเพลิน ๆ

                   ใชมือสองข้างค้ำราวสะพานมองผืนน้ำที่อยู่ด้านล่าง ยิ้มทั้งน้ำตาให้กับปัญหา หนี้ที่เกิดจากการโดนโกงมากกว่าห้าแสนบาทจะทำอย่างไร จะแก้ปัญหาอย่างไร ตามทวงจากใครก็ไม่ได้สักบาท ทำไมถึงทำกันแบบนี้ ทำไมถึงทำกันได้ลงคอ สุดท้ายเธอก็ปล่อยโหออกมาจนสุดเสียง ปล่อยให้น้ำตาหยดลงไปในแม่น้ำเบื่องล่าง ปล่อยโหให้กับปัญหาที่ไม่มีทางออก

                  ‘ใครที่หนีหนี้คิดว่ารอดก็รอดไป ! แต่มืงจะหนีกรรมที่มืงทำกับกูไม่พ้นหรอก กูขอให้มืงล่มจมเหมือนที่มืงทำกับกูเอาไว้ ฮือ’ ปล่อยโหด้วยความหมดอาลัยตายอยาก ไม่มีหนทางออกที่ดีเท่ากับทางนี้อีกแล้ว เมื่อคิดไตร่ตรองดีแล้วจึงหยุดร้องไห้ เช็ดน้ำตาออก ก่อนจะถอดรองเท้า วางกระเป๋าที่สะพายมาด้วยไว้ที่พื้น จากนั้นไม่รีรอปีนราวสะพานกระโดดจมดิ่งลงไปในแม่น้ำทันที

                   ……………………………

                ‘ประกาศครับ พบรถเก๋งสีขาวไม่พบเจ้าของ  ใกล้ ๆ กันพบรองเท้ากับกระเป๋าวางอยู่ที่พื้น แต่ไม่เจอเจ้าของรถเลย ใครพอทราบหรือรู้จักกับเจ้าของรถคันนี้โปรดติดต่อมาที่ผมด้วยนะครับ ไม่ทราบว่าจอดนานแค่ไหนแล้ว น่าจะตั้งแต่เมื่อคืน ขอให้เธอปลอดภัยครับ’ มีคนโพสต์ข้อความเอาไว้ที่หน้าฟีดข่าวของเฟซบุ๊ก มีคนแชร์ตามหามากมาย ทว่าก็ไม่พบใครมาแสดงตัวว่ารู้จักกับเจ้าของรถเก๋งคันนี้เลย

                 เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบกล้องวงจรปิด จึงพบว่าเจ้าของรถได้ปลิดชีวิตของตนเองไปเสียแล้ว ตั้งแต่เมื่อคืน…

              จบ…

เรื่องนี้เขียนขึ้นเพื่ออยากบอกว่า ‘อย่าเห็นแก่ตัวเอง’ คุณสบาย คุณโกงรอด คุณไม่ต้องรับผิดชอบอะไรแล้ว แต่ คนที่ต้องรับผิดชอบแทนคุณเขาลำบากขนาดไหน บางครั้งก็หาทางออกไม่เจอยกเว้นทางเดียวคือ ‘ความตาย’ ถ้ารู้ว่าอะไรที่มันเกินตัวก็อย่าหาทำ !
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่