🙇🏻♀️ สวัสดีค่ะเพื่อน ๆ ชาวพันทิป วันนี้ Condonewb มีเรื่องราวดี ๆ เกี่ยวกับสาระน่ารู้เรื่องที่อยู่อาศัยมาฝากกันอีกแล้วจ้า เพื่อน ๆ คนไหนกำลังประสบปัญหากับห้องมีกลิ่นอับอยู่ตอนนี้ ไม่ใช่เรื่องตลกที่ควรละเลยนะคะ เพราะปัญหากลิ่นอับมักเป็นสาเหตุในการก่อตัวของเชื้อราและเชื้อแบคทีเรีย 🦠 แต่ละจุดก็มีวิธีแก้ไขปัญหาแตกต่างกัน ดังนั้นเรามารู้จักสารพัดวิธีกำจัดกลิ่นอับในคอนโดกันดีกว่าค่ะ
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
💨 สาเหตุกลิ่นอับต่าง ๆ มีอะไรบ้าง
ถึงจะทำความสะอาดบ่อย แต่ปัญหาก็ยังอยู่ เพราะเรายังไม่รู้สาเหตุจริง ๆ ว่าอยู่จุดไหน ทำให้เสียเวลาในการทำความสะอาด ซึ่งส่วนใหญ่สาเหตุของคอนโดมีกลิ่นอับมาจากสิ่งเหล่านี้
1. การหมักหมมของเสื้อผ้าเปียกชื้น 🧺💦
บางทีเราไม่ได้สังเกตว่าเสื้อผ้ามีความชื้นติดอยู่ หรือเสื้อผ้าอัดแน่นจนเกินไป หรือการแขวนเสื้อผ้า เครื่องประดับ แม้แต่รองเท้าใช้แล้ววางไว้ ทั้งกลิ่นทั้งเชื้อราและเชื้อแบคทีเรียก็ตามมา
2. การดูแลความสะอาดที่ไม่ทั่วถึง 🧹
หลายคนมักทำความสะอาดแค่พื้น แต่อย่าลืมว่าผนัง ผ้าม่าน ผ้าห่ม หมอนอิง แอร์ ตู้เย็น และเฟอร์นิเจอร์ชิ้นอื่น ๆ ก็สำคัญไม่แพ้กัน
3. กลิ่นจากเศษอาหารที่ลืมทิ้งไว้ 🍽
ซึ่งอาจหล่นไปอยู่ตามซอกหลืบจนทำความสำอาดไม่ถึง บางทีมันก็เน่าเสียกลายเป็นคราบ มีกลิ่นและเชื้อโรคต่าง ๆ ตามมา
4. ห้องไม่มีหน้าต่างระบายอากาศ 🖼
บวกกับการใช้แต่แอร์ ส่งผลให้ห้องมีกลิ่นอับกว่าเดิม จึงต้องทำความสะอาดให้บ่อยขึ้น และทำให้ครบทุกซอกมุม
5. กลิ่นจากสัตว์เลี้ยงที่เลี้ยงไว้ 🦮🐈
หรือมาจากข้าวของเครื่องใช้ที่สัตว์เลี้ยงมักใช้เป็นประจำ เช่น กระบะทราย ที่นอน ชามอาหาร แม้แต่อาหารสัตว์ก็ส่งกลิ่นได้เหมือนกัน
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
💨 วิธีแก้ไขปัญหากลิ่นอับในกรณีต่าง ๆ
1. กรณีห้องไม่มีหน้าต่างช่วยระบายอากาศ
ให้ใช้สเปรย์ปรับอากาศ หรือเปิดประตูคอยระบายอากาศบ้าง การใช้ธรรมชาติเข้าช่วยก็เวิร์คไม่แพ้กันนะคะ เช่น การหาต้นไม้ที่เป็นมิตรกับตัวคนและช่วยลดกลิ่นได้ในตัว หรือจะนำสมุนไพรช่วยลดกลิ่นวางไว้ตามจุดต่าง ๆ ก็ดี และควรทำพร้อมการทำความสะอาดห้องสม่ำเสมอ
2. กรณีห้องครัวเป็นแบบเปิด
เพราะกลิ่นจากการทำอาหารมีหลายกลิ่น บวกเศษอาหารทิ้งแล้วก็ยังทิ้งกลิ่นไว้กวนใจ ใครมีครัวแบบเปิดแนะนำให้ติดเครื่องดูดควัน หรือติดตั้งประตูบานเลื่อนเพิ่ม จะช่วยให้กลิ่นไม่ลอยมาติดตามห้อง ข้าวของเครื่องใช้อื่น ๆ และควรทิ้งขยะหรือเช็คของในตู้เย็นเป็นประจำ
3. กรณีกลิ่นเหม็นในห้องรับแขก 🛋
ควรจัดวางเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ให้เป็นระเบียบ เพื่อให้สามารถทำความสะอาดได้สะดวกขึ้น รวมถึงเปิดหน้าต่างรับลมและแสงแดดวันละ 10 – 20 นาที จะช่วยลดความอับชื้นและฆ่าเชื้อโรคที่อาจสะสมปนอยู่เฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ได้
4. กรณีกลิ่นอับในห้องแอร์ ❄️
มีหลายสาเหตุ เช่น จากฝุ่นที่ติดค้างอยู่ในแอร์ จากความชื้น จากบุหรี่และกลิ่นควันอื่น ๆ ที่มักติดตรงแผ่นกรองอากาศ ควรล้างแอร์ 1 – 2 เดือนต่อครั้ง หรือแก้ปัญหาเบื้องต้นโดยเปิดฝาครอบด้านหน้า นำตะแกรงกรองฝุ่นล้างทำความสะอาด
5. กรณีกลิ่นห้องน้ำ 🚽
ส่วนใหญ่มาจากท่อและคราบแน่นติดตามซอกต่าง ๆ ส่งผลให้ห้องมีกลิ่นอับแม้ทำความสะอาดแล้ว วิธีแก้ไขมีหลายวิธี เช่น เปิดหน้าต่างหรือเปิดประตู้ห้องน้ำบ้าง หรือใช้สารดูดความชื้นวางไว้ก็ช่วยได้
6. กรณีกลิ่นจากห้องนอน 🛏
ส่วนใหญ่มาจากที่นอน ตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้ง วิธีแก้ไขคือ ไม่ควรตั้งถังขยะไว้ในห้อง หมั่นเช็ดถูห้อง ตู้ โต๊ะ และเตียงเป็นประจำ ควรซักผ้าปูที่นอน ปลอกหมอนหรือผ้าห่มบ้าง รวมถึงตรวจเช็คเสื้อผ้าก่อนเก็บว่าแห้งดีแล้วไหม และไม่ควรเก็บผ้าใส่แล้วกองไว้ภายในห้อง เพราะอาจเกิดกลิ่นอับ เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคและความชื้นได้
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
💨 อุปกรณ์เด็ดช่วยลดปัญหากลิ่นเหม็นอับ
เมื่อห้องมีกลิ่นอับเราต้องรีบกำจัด เพื่อไม่ให้กลิ่นติดแน่นจนแก้ไขได้ยาก หรือลามไปติดตามห้องอื่น ด้วย 2 เทคนิคทำตามได้ไม่ยาก
1. แก้ด้วยนวัตกรรม ⚙️
ติดตั้งเครื่องดูดควัน/เครื่องดูดอากาศ ใน 2 จุดสำคัญคือ ห้องครัวและห้องน้ำ หรือเพิ่มเครื่องฟอกอากาศไว้ห้องนอนและห้องนั่งเล่นด้วยก็ได้ แล้วยังมีเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างสเปรย์ปรับอากาศ สีทาผนัง และน้ำยาเช็ดเฟอร์นิเจอร์ช่วยลดการดูดซับกลิ่นอยู่ พร้อมทำความสะอาดพื้นห้องด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรค สูตรสำหรับถูกพื้นห้องโดยเฉพาะ มาเพิ่มความหอมสดชื่นและช่วยกำจัดเชื้อโรคในห้องไปในตัว
2. แก้ด้วยธรรมชาติ 🌱
ทำก้อนดับกลิ่นด้วยตัวเอง จากตะไคร้สด ใบเตย เปลือกส้ม มะกรูด ข่าสดและชิงสดหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ไม่ต้องละเอียดมาก บางคนใช้สบู่หอมแทนก็ได้ผลเช่นกัน นำมาใส่จานหรือห่อด้วยผ้าขาวบาง แล้ววางในจุดที่ห้องมีกลิ่นอับ
• ใบฝรั่งบวกน้ำปั่นละเอียดเทใส่ในภาชนะ นำไปวางไว้ตามมุมคอนโดประมาณ 1 คืน หรือจะลองน้ำส้มสายชูแทนก็เวิร์ค ใช้แค่เล็กน้อยกลิ่นอับจางลงทันที
• ผงฟู นำมาใสภาชนะที่ต้องการ แล้วนำไปวางไว้บริเวณที่มักเกิดกลิ่นอับ ตู้เย็น หรือตามมุมต่าง ๆ
• เบกกิ้งโซดา เพื่อพรมที่กลิ่นไม่จางหายซักที ก็นำมาโรยให้ทั่วทิ้งไว้ 30-40 นาที แล้วใช้ผ้าหรือเครื่องดูดฝุ่นดูดออก
• ถ่านไม้สีดำ สามารถวางได้ทุกห้อง รวมถึงในตู้เย็นด้วย
• ใบชา เพื่อให้ไมโครเวฟสะอาด เพียงใส่ใบชาและน้ำลงในถ้วย นำเข้าไปกดอุ่นให้ร้อน แล้วทิ้งไว้ข้ามคืน
• น้ำเปล่าบวกน้ำเกลือ (ให้น้ำน้อยกว่าน้ำเกลือ) ผสมให้เข้ากันแล้วราดลงในอ้างล่างจานหรืออ่างล้างหน้า ทิ้งไว้ซักพัก กลิ่นจะค่อย ๆ จางลง
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
🦠 เทคนิคกำจัดกลิ่นแน่นฝังลึกให้หมดไป
1. หาต้นเหตุและจัดการ 🕵️♀️
เมื่อห้องมีกลิ่นอับไม่หมดไปซักที ต้องดูที่ต้นเหตุและกำจัดให้ถูกต้อง เช่น กลิ่นในห้องน้ำจากท่อ กลิ่นห้องครัวจากเศษอาหาร วิธีการก็ง่ายมากแค่รู้จักจัด สำรวจ และกำจัดของหมดอายุหรือส่งกลิ่นเหล่านั้นทิ้งไป หรือหันมาใช้ตัวช่วยอย่างก้อนดับกลิ่น น้ำยาถูกพื้น ถูผนัง เช็ดข้าวของสูตรเฉพาะของตัวนั้น ๆ กลิ่นก็จะหายไปไม่เกิดอีก
2. เก็บกวาดห้องให้สะอาดเสมอ
บางครั้งเราอาจขี้เกียจ หรือคิดไม่ถึงว่าของเหล่านั้นจะส่งกลิ่นติดแน่นได้ เช่น จานชามช้อมส้อม เศษอาหาร ฟองน้ำ เส้นผม คราบสบู่ ฝุ่น ตามจุดและบนสิ่งของต่าง ๆ ที่สะสมแล้วเช็ดออกไม่หมด ส่งผลให้เป็นแหล่งสะสมของสิ่งสกปรก จนยากต่อการกำจัด
3. เช็คของในครัวให้สะอาดเสมอ
ในครัวมีของเยอะ ต้องเช็คให้แน่ใจว่าของไม่มีการหมักหมมจนเกิดกลิ่นได้ ซึ่งใช้ 2 เทคนิคอย่างนวัตกรรมและธรรมชาติเข้าช่วยก็เวิร์ค และควรล้างแอร์และล้างตู้เย็นเดือนละ 2-3 ครั้งด้วย เพราะทั้งสองคือแหล่งสะสมเชื้อโรค
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
📃 สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่อยากอ่านเกี่ยวกับสาระน่ารู้เรื่องที่อยู่อาศัย สามารถเข้าไปอ่านบทความต่าง ๆ ของเราได้ที่เว็บไซต์
CondoNewb ของเรานะคะ มีการอัพเดตเรื่อย ๆ อย่างแน่นอน แล้วพบกันใหม่กระทู้หน้าค่ะทุกคนน
อ่านบทความฉบับเต็ม :
สารพัดวิธีแก้ปัญหาห้องมีกลิ่นอับ
วิธีแก้ปัญหาห้องมีกลิ่นอับ
💨 สาเหตุกลิ่นอับต่าง ๆ มีอะไรบ้าง
ถึงจะทำความสะอาดบ่อย แต่ปัญหาก็ยังอยู่ เพราะเรายังไม่รู้สาเหตุจริง ๆ ว่าอยู่จุดไหน ทำให้เสียเวลาในการทำความสะอาด ซึ่งส่วนใหญ่สาเหตุของคอนโดมีกลิ่นอับมาจากสิ่งเหล่านี้
1. การหมักหมมของเสื้อผ้าเปียกชื้น 🧺💦
บางทีเราไม่ได้สังเกตว่าเสื้อผ้ามีความชื้นติดอยู่ หรือเสื้อผ้าอัดแน่นจนเกินไป หรือการแขวนเสื้อผ้า เครื่องประดับ แม้แต่รองเท้าใช้แล้ววางไว้ ทั้งกลิ่นทั้งเชื้อราและเชื้อแบคทีเรียก็ตามมา
2. การดูแลความสะอาดที่ไม่ทั่วถึง 🧹
หลายคนมักทำความสะอาดแค่พื้น แต่อย่าลืมว่าผนัง ผ้าม่าน ผ้าห่ม หมอนอิง แอร์ ตู้เย็น และเฟอร์นิเจอร์ชิ้นอื่น ๆ ก็สำคัญไม่แพ้กัน
3. กลิ่นจากเศษอาหารที่ลืมทิ้งไว้ 🍽
ซึ่งอาจหล่นไปอยู่ตามซอกหลืบจนทำความสำอาดไม่ถึง บางทีมันก็เน่าเสียกลายเป็นคราบ มีกลิ่นและเชื้อโรคต่าง ๆ ตามมา
4. ห้องไม่มีหน้าต่างระบายอากาศ 🖼
บวกกับการใช้แต่แอร์ ส่งผลให้ห้องมีกลิ่นอับกว่าเดิม จึงต้องทำความสะอาดให้บ่อยขึ้น และทำให้ครบทุกซอกมุม
5. กลิ่นจากสัตว์เลี้ยงที่เลี้ยงไว้ 🦮🐈
หรือมาจากข้าวของเครื่องใช้ที่สัตว์เลี้ยงมักใช้เป็นประจำ เช่น กระบะทราย ที่นอน ชามอาหาร แม้แต่อาหารสัตว์ก็ส่งกลิ่นได้เหมือนกัน
1. กรณีห้องไม่มีหน้าต่างช่วยระบายอากาศ
ให้ใช้สเปรย์ปรับอากาศ หรือเปิดประตูคอยระบายอากาศบ้าง การใช้ธรรมชาติเข้าช่วยก็เวิร์คไม่แพ้กันนะคะ เช่น การหาต้นไม้ที่เป็นมิตรกับตัวคนและช่วยลดกลิ่นได้ในตัว หรือจะนำสมุนไพรช่วยลดกลิ่นวางไว้ตามจุดต่าง ๆ ก็ดี และควรทำพร้อมการทำความสะอาดห้องสม่ำเสมอ
2. กรณีห้องครัวเป็นแบบเปิด
เพราะกลิ่นจากการทำอาหารมีหลายกลิ่น บวกเศษอาหารทิ้งแล้วก็ยังทิ้งกลิ่นไว้กวนใจ ใครมีครัวแบบเปิดแนะนำให้ติดเครื่องดูดควัน หรือติดตั้งประตูบานเลื่อนเพิ่ม จะช่วยให้กลิ่นไม่ลอยมาติดตามห้อง ข้าวของเครื่องใช้อื่น ๆ และควรทิ้งขยะหรือเช็คของในตู้เย็นเป็นประจำ
3. กรณีกลิ่นเหม็นในห้องรับแขก 🛋
ควรจัดวางเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ให้เป็นระเบียบ เพื่อให้สามารถทำความสะอาดได้สะดวกขึ้น รวมถึงเปิดหน้าต่างรับลมและแสงแดดวันละ 10 – 20 นาที จะช่วยลดความอับชื้นและฆ่าเชื้อโรคที่อาจสะสมปนอยู่เฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ได้
4. กรณีกลิ่นอับในห้องแอร์ ❄️
มีหลายสาเหตุ เช่น จากฝุ่นที่ติดค้างอยู่ในแอร์ จากความชื้น จากบุหรี่และกลิ่นควันอื่น ๆ ที่มักติดตรงแผ่นกรองอากาศ ควรล้างแอร์ 1 – 2 เดือนต่อครั้ง หรือแก้ปัญหาเบื้องต้นโดยเปิดฝาครอบด้านหน้า นำตะแกรงกรองฝุ่นล้างทำความสะอาด
5. กรณีกลิ่นห้องน้ำ 🚽
ส่วนใหญ่มาจากท่อและคราบแน่นติดตามซอกต่าง ๆ ส่งผลให้ห้องมีกลิ่นอับแม้ทำความสะอาดแล้ว วิธีแก้ไขมีหลายวิธี เช่น เปิดหน้าต่างหรือเปิดประตู้ห้องน้ำบ้าง หรือใช้สารดูดความชื้นวางไว้ก็ช่วยได้
6. กรณีกลิ่นจากห้องนอน 🛏
ส่วนใหญ่มาจากที่นอน ตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้ง วิธีแก้ไขคือ ไม่ควรตั้งถังขยะไว้ในห้อง หมั่นเช็ดถูห้อง ตู้ โต๊ะ และเตียงเป็นประจำ ควรซักผ้าปูที่นอน ปลอกหมอนหรือผ้าห่มบ้าง รวมถึงตรวจเช็คเสื้อผ้าก่อนเก็บว่าแห้งดีแล้วไหม และไม่ควรเก็บผ้าใส่แล้วกองไว้ภายในห้อง เพราะอาจเกิดกลิ่นอับ เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคและความชื้นได้
เมื่อห้องมีกลิ่นอับเราต้องรีบกำจัด เพื่อไม่ให้กลิ่นติดแน่นจนแก้ไขได้ยาก หรือลามไปติดตามห้องอื่น ด้วย 2 เทคนิคทำตามได้ไม่ยาก
1. แก้ด้วยนวัตกรรม ⚙️
ติดตั้งเครื่องดูดควัน/เครื่องดูดอากาศ ใน 2 จุดสำคัญคือ ห้องครัวและห้องน้ำ หรือเพิ่มเครื่องฟอกอากาศไว้ห้องนอนและห้องนั่งเล่นด้วยก็ได้ แล้วยังมีเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างสเปรย์ปรับอากาศ สีทาผนัง และน้ำยาเช็ดเฟอร์นิเจอร์ช่วยลดการดูดซับกลิ่นอยู่ พร้อมทำความสะอาดพื้นห้องด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรค สูตรสำหรับถูกพื้นห้องโดยเฉพาะ มาเพิ่มความหอมสดชื่นและช่วยกำจัดเชื้อโรคในห้องไปในตัว
2. แก้ด้วยธรรมชาติ 🌱
ทำก้อนดับกลิ่นด้วยตัวเอง จากตะไคร้สด ใบเตย เปลือกส้ม มะกรูด ข่าสดและชิงสดหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ไม่ต้องละเอียดมาก บางคนใช้สบู่หอมแทนก็ได้ผลเช่นกัน นำมาใส่จานหรือห่อด้วยผ้าขาวบาง แล้ววางในจุดที่ห้องมีกลิ่นอับ
• ใบฝรั่งบวกน้ำปั่นละเอียดเทใส่ในภาชนะ นำไปวางไว้ตามมุมคอนโดประมาณ 1 คืน หรือจะลองน้ำส้มสายชูแทนก็เวิร์ค ใช้แค่เล็กน้อยกลิ่นอับจางลงทันที
• ผงฟู นำมาใสภาชนะที่ต้องการ แล้วนำไปวางไว้บริเวณที่มักเกิดกลิ่นอับ ตู้เย็น หรือตามมุมต่าง ๆ
• เบกกิ้งโซดา เพื่อพรมที่กลิ่นไม่จางหายซักที ก็นำมาโรยให้ทั่วทิ้งไว้ 30-40 นาที แล้วใช้ผ้าหรือเครื่องดูดฝุ่นดูดออก
• ถ่านไม้สีดำ สามารถวางได้ทุกห้อง รวมถึงในตู้เย็นด้วย
• ใบชา เพื่อให้ไมโครเวฟสะอาด เพียงใส่ใบชาและน้ำลงในถ้วย นำเข้าไปกดอุ่นให้ร้อน แล้วทิ้งไว้ข้ามคืน
• น้ำเปล่าบวกน้ำเกลือ (ให้น้ำน้อยกว่าน้ำเกลือ) ผสมให้เข้ากันแล้วราดลงในอ้างล่างจานหรืออ่างล้างหน้า ทิ้งไว้ซักพัก กลิ่นจะค่อย ๆ จางลง
🦠 เทคนิคกำจัดกลิ่นแน่นฝังลึกให้หมดไป
1. หาต้นเหตุและจัดการ 🕵️♀️
เมื่อห้องมีกลิ่นอับไม่หมดไปซักที ต้องดูที่ต้นเหตุและกำจัดให้ถูกต้อง เช่น กลิ่นในห้องน้ำจากท่อ กลิ่นห้องครัวจากเศษอาหาร วิธีการก็ง่ายมากแค่รู้จักจัด สำรวจ และกำจัดของหมดอายุหรือส่งกลิ่นเหล่านั้นทิ้งไป หรือหันมาใช้ตัวช่วยอย่างก้อนดับกลิ่น น้ำยาถูกพื้น ถูผนัง เช็ดข้าวของสูตรเฉพาะของตัวนั้น ๆ กลิ่นก็จะหายไปไม่เกิดอีก
2. เก็บกวาดห้องให้สะอาดเสมอ
บางครั้งเราอาจขี้เกียจ หรือคิดไม่ถึงว่าของเหล่านั้นจะส่งกลิ่นติดแน่นได้ เช่น จานชามช้อมส้อม เศษอาหาร ฟองน้ำ เส้นผม คราบสบู่ ฝุ่น ตามจุดและบนสิ่งของต่าง ๆ ที่สะสมแล้วเช็ดออกไม่หมด ส่งผลให้เป็นแหล่งสะสมของสิ่งสกปรก จนยากต่อการกำจัด
3. เช็คของในครัวให้สะอาดเสมอ
ในครัวมีของเยอะ ต้องเช็คให้แน่ใจว่าของไม่มีการหมักหมมจนเกิดกลิ่นได้ ซึ่งใช้ 2 เทคนิคอย่างนวัตกรรมและธรรมชาติเข้าช่วยก็เวิร์ค และควรล้างแอร์และล้างตู้เย็นเดือนละ 2-3 ครั้งด้วย เพราะทั้งสองคือแหล่งสะสมเชื้อโรค
อ่านบทความฉบับเต็ม : สารพัดวิธีแก้ปัญหาห้องมีกลิ่นอับ