
ข่าวบิดเบือน!! ฉีดแอสตร้าครบโดส แต่สถานทูตไม่รับรอง ระบุล็อตที่ผลิตในไทยถือว่าไม่ได้ฉีด
เผยแพร่: 12 ส.ค. 2564 14:05 ปรับปรุง: 12 ส.ค. 2564 14:05 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
จากกรณีการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวข้อมูลการเดินทางไปยังประเทศไอร์แลนด์ กับการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ครบโดส แต่สถานฑูตต่างประเทศไม่รับรอง ซึ่งระบุล็อตที่ผลิตในประเทศไทยถือว่าไม่ได้ฉีดนั้น ทางกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ได้ชี้แจงเรื่องดังกล่าวโดยแบ่งออกเป็น 3 ประเด็น คือ....👇
1. การรับรองวัคซีนของบริษัท AstraZeneca โดยบริษัท AstraZeneca ได้ยื่นขอรับรองวัคซีนของบริษัทฯ กับองค์กร ยาแห่งสหภาพยุโรป (European Medicine Agency - EMA) เฉพาะวัคซีนจากแหล่งผลิตที่มีแผนจะใช้ในสหภาพยุโรปเท่านั้น (โดยใช้ชื่อว่า Vaxzevria) และได้รับการรับรองโดย EMA ตั้งแต่เดือนมกราคม 2564 ซึ่งขณะนี้สิงหาคม 2564 บริษัท AstraZeneca อยู่ระหว่างการยื่นขอการรับรองวัคซีน AstraZeneca ที่ผลิตในประเทศไทย และแหล่งผลิตอื่นกับ EMA และองค์การอนามัยโลก (World Health Organization - WHO)
ทั้งนี้บริษัท AstraZeneca ยืนยันว่า วัคซีนโควิด-19 ของบริษัทมีคุณภาพเท่าเทียมกันในทุกแหล่งการผลิต และเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2564 บางประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป เช่น ฝรั่งเศส เยอรมนี ผ่อนปรนมาตรการควบคุมด้านสาธารณสุขให้กับผู้เดินทางที่ฉีดวัคซีน AstraZeneca ที่ผลิตในไทย เช่นเดียวกับผู้ที่ฉีดวัคซีน AstraZeneca ที่ผลิตจากแหล่งอื่น แม้ว่าวัคซีน AstraZeneca ที่ผลิตจากไทยยังอยู่ในกระบวนการขอรับการรับรองจาก EMA และ WHO ในขณะที่บางประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป เช่น ไอร์แลนด์ ยังยึดเกณฑ์วัคซีนที่ได้รับการรับรองจาก EMA หรือ WHO เท่านั้น
2. มาตรการของไอร์แลนด์
ผู้ที่จะเดินทางเข้าไอร์แลนด์ที่ได้รับการฉีดวัคซีนที่รับรองโดย EMA โดยมีหลักฐานที่น่าเชื่อถือว่าฉีดวัคซีนดังกล่าวแล้ว หรือมีหลักฐานการรักษาหายจากการป่วยด้วยโรคโควิด-19 ภายในระยะเวลา 180 วันที่ผ่านมา จะได้รับการยกเว้นการกักกันโรค และยกเว้นการตรวจหาเชื้อเมื่อเดินทางถึงไอร์แลนด์ ทั้งนี้ ต้องฉีดวัคซีนโดสสุดท้ายก่อนเดินทางมาถึงไอร์แลนด์ตามเวลาที่กำหนด ดังนี้ Pfizer-BioNtech (ครบ 2 โดส 7 วันก่อนเดินทาง) Moderna (ครบ 2 โดส 14 วันก่อนเดินทาง) และ Johnson & Johnson/Janssen ( 1 โดส 14 วันก่อนเดินทาง)
ซึ่งผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนที่ยังไม่ได้รับการรับรองโดย EMA เช่น AstraZeneca ที่ผลิตในประเทศไทย จะต้องแสดงผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 แบบ RT-PCR ที่เป็นลบภายใน 72 ชั่วโมง ก่อนเดินทางถึงไอร์แลนด์ และเข้ารับการกักกันโรค 14 วัน และหากได้รับการตรวจเชื้อในวันที่ 5 นับจากวันที่เดินทางถึงไอร์แลนด์และมีผลเป็นลบ จะถือว่าการกักกันโรคสิ้นสุดลง ทั้งนี้ ผู้เดินทางเข้าไอร์แลนด์จากต่างประเทศต้องกรอก Passenger Locator Form ก่อนเดินทางด้วย
นอกจากมาตรการเข้าเมืองแล้ว ทางการไอร์แลนด์ยังใช้มาตรการด้านสาธารณสุขภายในประเทศที่เชื่อมโยงกับการฉีดวัคซีน กล่าวคือ ผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วนจะได้รับเอกสารรับรองอิเล็กทรอนิกส์เรียกว่า EU Digital COVID Certificate (DCC) หรือบัตร HSE Vaccination Card โดยผู้ใช้บริการสถานที่ต่าง ๆ ได้แก่ ร้านอาหาร บาร์ คาเฟ่ และศูนย์อาหาร จะต้องแสดงเอกสารรับรองการฉีคซีนอย่างใดอย่างหนึ่งข้างต้นจึงจะเข้าใช้บริการได้ ทั้งนี้ ผู้ใช้บริการยังคงต้องปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขซึ่งรวมถึงการล้างมือ การว้นระยะห่าง และการสวมหน้ากากอนามัยในพื้นที่ปิด
3. ภาพรวมมาตรการประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป หลายประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปผ่อนปรนมาตรการควบคุมด้านสาธารณสุขสำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสที่กำหนด เช่น การแสดงผลตรวจเชื้อโควิด-19 ที่เป็นลบ และการกักกันโรค เป็นต้น อย่างไรก็ตาม แต่ละประเทศสมาชิกมีข้อกำหนดเกี่ยวกับชนิดและรายละเอียดของวัคซีนที่แตกต่างกัน
โดยเกณฑ์การฉีดวัคซีนที่แต่ละประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปใช้เพื่อผ่อนปรนมาตรการควบคุมด้านสาธารณสุขในการเดินทางเข้าประเทศมีหลายรูปแบบ บางประเทศใช้เกณฑ์วัคซีนที่ได้รับการรับรองโดยองค์กรยาแห่งสหภาพยุโรป EMA เพียงอย่างเดียว บางประเทศใช้เกณฑ์วัคซีนที่ได้รับการรับรองจาก EMA หรือองค์การอนามัยโลก WHO และบางประเทศใช้เกณฑ์ของตนเอง
ซึ่งมาตรการควบคุมด้านสาธารณสุขของแต่ละประเทศเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาตามสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศต้นทางและประเทศปลายทาง ผู้เดินทางจึงจำเป็นต้องตรวจสอบมาตรการของประเทศที่ต้องการจะเดินทางไปอย่างใกล้ชิด
ดังนั้นข้อมูลที่มีการโพสต์ และแชร์ต่อในขณะนี้ จึงเป็นข้อมูลบิดเบือน ขอความร่วมมือประชาชน ไม่แชร์ ไม่ส่งต่อข่าวดังกล่าว เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากกกระทรวงการต่างประเทศ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.mfa.go.th หรือโทร 02 2035000
https://mgronline.com/uptodate/detail/9640000079238

หมอทศพร - หมอขวัญ - หมิว สิริลภัส นำทีมพบ อนุทิน จี้หนักถึงความโปร่งใสวัคซีนไฟเซอร์
หลังจากที่ไทยได้รับบริจาควัคซีนไฟเซอร์จากสหรัฐอเมริกามาได้ตั้งแต่วันที่ 30 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมานั้น ทว่าการจัดสรรวัคซีนดูเหมือนจะยังคลุมเครือ เนื่องจากมีบุคลากรด่านหน้าร้องเรียนมาว่าไม่ได้รับการจัดสรรวัคซีนที่เพียงพอ ทำให้ยังมีความเสี่ยงอยู่ในการปฏิบัติหน้าที่
ล่าสุดที่กระทรวงสาธารณมุข กลุ่มแพทย์พยาบาลเพื่อมวลชน นักศึกษา ประชาชน บุคลากรสาธารณสุข นำโดย นายแพทย์ทศพร เสรีรักษ์ พร้อมด้วย แพทย์หญิงขวัญ ฟูจิตนิรันดร์ และ หมิว สิริลภัส กองตระการ นักแสดงชื่อดัง ได้เดินทางไปพบนายอนุทิน ชาญวีรกูล
จากการเดินทางมาพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อขอความชัดเจน และโปร่งใส ในการจัดการวัคซีนไฟเซอร์ สำหรับบุคลากรสาธารณสุข อาสาสาสมัคร ผู้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับศพ และ ขยะ
นายแพทย์ทศพร เสรีรักษ์กล่าวกับนายอนุทินชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขว่า ตนได้รับเรื่องร้องเรียนจากบุคลากรสาธารณสุขนักศึกษาและประชาชนจำนวนมากในการฉีดวัคซีนไฟเซอร์โดยมีข้อพบเห็นคือการจัดสรรวัคซีนที่ไม่ทั่วถึง ไม่เพียงพอบุคลากรจำนวนมากถูกกีดกันด้วยกฎเกณฑ์ต่างๆ และบุคลากรทุกคนที่ยังไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนได้รับการฉีดวัคซีน
หมอทศพรได้ระบุรายละเอียดต่อไปว่า สิ่งที่ตนเรียกร้องมีดังต่อไปนี้...👇
1. รัฐมนตรีได้กำหนดแผนการกระจายวัคซีนให้ชัดเจนและวัคซีนต้องเพียงพอสำหรับบุคลากรสาธารณสุขทุกคนตลอดจนผู้ที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการจัดการศพ
2. รายชื่อบุคคลที่จะได้รับการฉีดวัคซีนให้ระบุชื่อตำแหน่งหน้าที่การปฏิบัติงานเหตุผลที่ชัดเจนให้ประชาชนสามารถเข้าถึงตรวจสอบและคัดค้านได้ทั้งในรูปแบบของการติดประกาศที่หน่วยฉีดหรือเว็บไซต์
ขณะเดียวกัน นายอนุทิน ชาญวีรกูล และ นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วย สธ. เดินทางมาพบและรับข้อเรียกร้อง ซึ่งใช้ห้องประชุมชัยนาทเรนทรเป็นห้องหารือ จากนั้น นายอนุทิน ได้มอบหมายให้ นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข และ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เป็นผู้ชี้แจง
โดย รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข และ อธิบดีกรมควบคุมโรค ได้กล่าวเกี่ยวกับวัคซีนไฟเซอร์ว่า ได้รับทราบว่าสหรัฐอเมริกา จะบริจาควัคซีนให้กับประเทศไทยเพิ่มเติมอีก 1 ล้านโดส คาดว่าน่าจะเป็นวัคซีนไฟเซอร์ ซึ่งเป็นส่วนที่เพิ่มเติมจากที่ได้บริจาคมาแล้ว 1.5 ล้านโดส ขณะที่แผนการจัดหาวัคซีนของประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม สำหรับปี 2564 ประเทศไทยจะได้สั่งซื้อวัคซีนไฟเซอร์แล้วจำนวน 20 ล้านโดส ซึ่งล่าสุด ทางบริษัทผู้ผลิตได้แจ้งว่าจะมีการจัดสรรโควต้าเพิ่มให้อีก 10 ล้านโดสในปีนี้ ซึ่งจะรวมเป็น 30 ล้านภายในไตรมาส 4 ของปีนี้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.tnews.co.th/social/546877/%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B8%9E%E0%B8%A3---%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%82%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%8D---%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%A7-%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A5%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%AA-%E0%B8%99%E0%B8%B3%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%9A-%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B8%99-%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%96%E0%B8%B6%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%82%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B9%83%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%84%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C

ดิฉันว่าหมอทศพร ควรดูแลม็อบสามกีบที่ออกมาชุมนุมว่าติดโควิดอย่ามาแพร่เชื้อ อย่างมือปาประทัดยักษ์นิ้วขาด มือขาด ติดโควิด
ช่วยสังคมด้วยนะคะ อย่ามากลบเกลื่อนไม่รู้ไม่ชี้
ความจริงคือความจริง...ใครทำอะไรไม่ดีไว้ คนนั้นได้รับผิดแน่ๆ ไม่รอดได้
แต่คนบิดเบือน จะทำให้สังคมแย่ไปอีก ในตอนนี้โควิดถึงเวลาพีคสุดๆ แล้วจะลดลงจากยอดภูเขา
จะไม่มีข้ออ้างจากม็อบให้ออกมาป่วนเผาเสียที ช่วยกันป้องกันจะดีกว่า
💙มาลาริน/ไม่เอาค่ะ อย่าเชื่อข่าวบิดเบือน..ฉีดแอสตร้าครบโดส แต่สถานทูตไม่รับรอง ระบุล็อตที่ผลิตไทย/หมอสามกีบควรดูแลด้วย
เผยแพร่: 12 ส.ค. 2564 14:05 ปรับปรุง: 12 ส.ค. 2564 14:05 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
จากกรณีการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวข้อมูลการเดินทางไปยังประเทศไอร์แลนด์ กับการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ครบโดส แต่สถานฑูตต่างประเทศไม่รับรอง ซึ่งระบุล็อตที่ผลิตในประเทศไทยถือว่าไม่ได้ฉีดนั้น ทางกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ได้ชี้แจงเรื่องดังกล่าวโดยแบ่งออกเป็น 3 ประเด็น คือ....👇
1. การรับรองวัคซีนของบริษัท AstraZeneca โดยบริษัท AstraZeneca ได้ยื่นขอรับรองวัคซีนของบริษัทฯ กับองค์กร ยาแห่งสหภาพยุโรป (European Medicine Agency - EMA) เฉพาะวัคซีนจากแหล่งผลิตที่มีแผนจะใช้ในสหภาพยุโรปเท่านั้น (โดยใช้ชื่อว่า Vaxzevria) และได้รับการรับรองโดย EMA ตั้งแต่เดือนมกราคม 2564 ซึ่งขณะนี้สิงหาคม 2564 บริษัท AstraZeneca อยู่ระหว่างการยื่นขอการรับรองวัคซีน AstraZeneca ที่ผลิตในประเทศไทย และแหล่งผลิตอื่นกับ EMA และองค์การอนามัยโลก (World Health Organization - WHO)
ทั้งนี้บริษัท AstraZeneca ยืนยันว่า วัคซีนโควิด-19 ของบริษัทมีคุณภาพเท่าเทียมกันในทุกแหล่งการผลิต และเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2564 บางประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป เช่น ฝรั่งเศส เยอรมนี ผ่อนปรนมาตรการควบคุมด้านสาธารณสุขให้กับผู้เดินทางที่ฉีดวัคซีน AstraZeneca ที่ผลิตในไทย เช่นเดียวกับผู้ที่ฉีดวัคซีน AstraZeneca ที่ผลิตจากแหล่งอื่น แม้ว่าวัคซีน AstraZeneca ที่ผลิตจากไทยยังอยู่ในกระบวนการขอรับการรับรองจาก EMA และ WHO ในขณะที่บางประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป เช่น ไอร์แลนด์ ยังยึดเกณฑ์วัคซีนที่ได้รับการรับรองจาก EMA หรือ WHO เท่านั้น
2. มาตรการของไอร์แลนด์
ผู้ที่จะเดินทางเข้าไอร์แลนด์ที่ได้รับการฉีดวัคซีนที่รับรองโดย EMA โดยมีหลักฐานที่น่าเชื่อถือว่าฉีดวัคซีนดังกล่าวแล้ว หรือมีหลักฐานการรักษาหายจากการป่วยด้วยโรคโควิด-19 ภายในระยะเวลา 180 วันที่ผ่านมา จะได้รับการยกเว้นการกักกันโรค และยกเว้นการตรวจหาเชื้อเมื่อเดินทางถึงไอร์แลนด์ ทั้งนี้ ต้องฉีดวัคซีนโดสสุดท้ายก่อนเดินทางมาถึงไอร์แลนด์ตามเวลาที่กำหนด ดังนี้ Pfizer-BioNtech (ครบ 2 โดส 7 วันก่อนเดินทาง) Moderna (ครบ 2 โดส 14 วันก่อนเดินทาง) และ Johnson & Johnson/Janssen ( 1 โดส 14 วันก่อนเดินทาง)
ซึ่งผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนที่ยังไม่ได้รับการรับรองโดย EMA เช่น AstraZeneca ที่ผลิตในประเทศไทย จะต้องแสดงผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 แบบ RT-PCR ที่เป็นลบภายใน 72 ชั่วโมง ก่อนเดินทางถึงไอร์แลนด์ และเข้ารับการกักกันโรค 14 วัน และหากได้รับการตรวจเชื้อในวันที่ 5 นับจากวันที่เดินทางถึงไอร์แลนด์และมีผลเป็นลบ จะถือว่าการกักกันโรคสิ้นสุดลง ทั้งนี้ ผู้เดินทางเข้าไอร์แลนด์จากต่างประเทศต้องกรอก Passenger Locator Form ก่อนเดินทางด้วย
นอกจากมาตรการเข้าเมืองแล้ว ทางการไอร์แลนด์ยังใช้มาตรการด้านสาธารณสุขภายในประเทศที่เชื่อมโยงกับการฉีดวัคซีน กล่าวคือ ผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วนจะได้รับเอกสารรับรองอิเล็กทรอนิกส์เรียกว่า EU Digital COVID Certificate (DCC) หรือบัตร HSE Vaccination Card โดยผู้ใช้บริการสถานที่ต่าง ๆ ได้แก่ ร้านอาหาร บาร์ คาเฟ่ และศูนย์อาหาร จะต้องแสดงเอกสารรับรองการฉีคซีนอย่างใดอย่างหนึ่งข้างต้นจึงจะเข้าใช้บริการได้ ทั้งนี้ ผู้ใช้บริการยังคงต้องปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขซึ่งรวมถึงการล้างมือ การว้นระยะห่าง และการสวมหน้ากากอนามัยในพื้นที่ปิด
3. ภาพรวมมาตรการประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป หลายประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปผ่อนปรนมาตรการควบคุมด้านสาธารณสุขสำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสที่กำหนด เช่น การแสดงผลตรวจเชื้อโควิด-19 ที่เป็นลบ และการกักกันโรค เป็นต้น อย่างไรก็ตาม แต่ละประเทศสมาชิกมีข้อกำหนดเกี่ยวกับชนิดและรายละเอียดของวัคซีนที่แตกต่างกัน
โดยเกณฑ์การฉีดวัคซีนที่แต่ละประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปใช้เพื่อผ่อนปรนมาตรการควบคุมด้านสาธารณสุขในการเดินทางเข้าประเทศมีหลายรูปแบบ บางประเทศใช้เกณฑ์วัคซีนที่ได้รับการรับรองโดยองค์กรยาแห่งสหภาพยุโรป EMA เพียงอย่างเดียว บางประเทศใช้เกณฑ์วัคซีนที่ได้รับการรับรองจาก EMA หรือองค์การอนามัยโลก WHO และบางประเทศใช้เกณฑ์ของตนเอง
ซึ่งมาตรการควบคุมด้านสาธารณสุขของแต่ละประเทศเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาตามสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศต้นทางและประเทศปลายทาง ผู้เดินทางจึงจำเป็นต้องตรวจสอบมาตรการของประเทศที่ต้องการจะเดินทางไปอย่างใกล้ชิด
ดังนั้นข้อมูลที่มีการโพสต์ และแชร์ต่อในขณะนี้ จึงเป็นข้อมูลบิดเบือน ขอความร่วมมือประชาชน ไม่แชร์ ไม่ส่งต่อข่าวดังกล่าว เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากกกระทรวงการต่างประเทศ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.mfa.go.th หรือโทร 02 2035000
https://mgronline.com/uptodate/detail/9640000079238
หลังจากที่ไทยได้รับบริจาควัคซีนไฟเซอร์จากสหรัฐอเมริกามาได้ตั้งแต่วันที่ 30 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมานั้น ทว่าการจัดสรรวัคซีนดูเหมือนจะยังคลุมเครือ เนื่องจากมีบุคลากรด่านหน้าร้องเรียนมาว่าไม่ได้รับการจัดสรรวัคซีนที่เพียงพอ ทำให้ยังมีความเสี่ยงอยู่ในการปฏิบัติหน้าที่
ล่าสุดที่กระทรวงสาธารณมุข กลุ่มแพทย์พยาบาลเพื่อมวลชน นักศึกษา ประชาชน บุคลากรสาธารณสุข นำโดย นายแพทย์ทศพร เสรีรักษ์ พร้อมด้วย แพทย์หญิงขวัญ ฟูจิตนิรันดร์ และ หมิว สิริลภัส กองตระการ นักแสดงชื่อดัง ได้เดินทางไปพบนายอนุทิน ชาญวีรกูล
จากการเดินทางมาพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อขอความชัดเจน และโปร่งใส ในการจัดการวัคซีนไฟเซอร์ สำหรับบุคลากรสาธารณสุข อาสาสาสมัคร ผู้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับศพ และ ขยะ
นายแพทย์ทศพร เสรีรักษ์กล่าวกับนายอนุทินชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขว่า ตนได้รับเรื่องร้องเรียนจากบุคลากรสาธารณสุขนักศึกษาและประชาชนจำนวนมากในการฉีดวัคซีนไฟเซอร์โดยมีข้อพบเห็นคือการจัดสรรวัคซีนที่ไม่ทั่วถึง ไม่เพียงพอบุคลากรจำนวนมากถูกกีดกันด้วยกฎเกณฑ์ต่างๆ และบุคลากรทุกคนที่ยังไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนได้รับการฉีดวัคซีน
หมอทศพรได้ระบุรายละเอียดต่อไปว่า สิ่งที่ตนเรียกร้องมีดังต่อไปนี้...👇
1. รัฐมนตรีได้กำหนดแผนการกระจายวัคซีนให้ชัดเจนและวัคซีนต้องเพียงพอสำหรับบุคลากรสาธารณสุขทุกคนตลอดจนผู้ที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการจัดการศพ
2. รายชื่อบุคคลที่จะได้รับการฉีดวัคซีนให้ระบุชื่อตำแหน่งหน้าที่การปฏิบัติงานเหตุผลที่ชัดเจนให้ประชาชนสามารถเข้าถึงตรวจสอบและคัดค้านได้ทั้งในรูปแบบของการติดประกาศที่หน่วยฉีดหรือเว็บไซต์
ขณะเดียวกัน นายอนุทิน ชาญวีรกูล และ นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วย สธ. เดินทางมาพบและรับข้อเรียกร้อง ซึ่งใช้ห้องประชุมชัยนาทเรนทรเป็นห้องหารือ จากนั้น นายอนุทิน ได้มอบหมายให้ นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข และ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เป็นผู้ชี้แจง
โดย รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข และ อธิบดีกรมควบคุมโรค ได้กล่าวเกี่ยวกับวัคซีนไฟเซอร์ว่า ได้รับทราบว่าสหรัฐอเมริกา จะบริจาควัคซีนให้กับประเทศไทยเพิ่มเติมอีก 1 ล้านโดส คาดว่าน่าจะเป็นวัคซีนไฟเซอร์ ซึ่งเป็นส่วนที่เพิ่มเติมจากที่ได้บริจาคมาแล้ว 1.5 ล้านโดส ขณะที่แผนการจัดหาวัคซีนของประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม สำหรับปี 2564 ประเทศไทยจะได้สั่งซื้อวัคซีนไฟเซอร์แล้วจำนวน 20 ล้านโดส ซึ่งล่าสุด ทางบริษัทผู้ผลิตได้แจ้งว่าจะมีการจัดสรรโควต้าเพิ่มให้อีก 10 ล้านโดสในปีนี้ ซึ่งจะรวมเป็น 30 ล้านภายในไตรมาส 4 ของปีนี้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ช่วยสังคมด้วยนะคะ อย่ามากลบเกลื่อนไม่รู้ไม่ชี้
ความจริงคือความจริง...ใครทำอะไรไม่ดีไว้ คนนั้นได้รับผิดแน่ๆ ไม่รอดได้
แต่คนบิดเบือน จะทำให้สังคมแย่ไปอีก ในตอนนี้โควิดถึงเวลาพีคสุดๆ แล้วจะลดลงจากยอดภูเขา
จะไม่มีข้ออ้างจากม็อบให้ออกมาป่วนเผาเสียที ช่วยกันป้องกันจะดีกว่า