สสจ.ยะลา เผยโรคหัดระบาดหนัก ป่วยพุ่ง 495 ราย เสียชีวิตแล้ว 6 ราย

สสจ.ยะลา เผยโรคหัดระบาดหนัก ป่วยพุ่ง 495 ราย เสียชีวิตแล้ว 6 ราย

สำนักงานสาธารณสุข จ.ยะลา ระบุโรคหัดระบาดหนัก ตั้งแต่ 1 ก.ย. – 15 ต.ค. 61 มีผู้ป่วย 495 ราย เสียชีวิตแล้ว 6 ราย ต้องสงสัยอยู่ไอซียูอีก 2 ราย เตือนให้ ปชช. มารับการฉีดวัคซีนฟรี

วันนี้ 16 ต.ค. 61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สำนักงานสาธารณสุข จ.ยะลา นพ.สงกรานต์ ไหมชุม นายแพทย์สาธารณสุข จ.ยะลา เปิดเผยถึงรายงานสถานการณ์โรคหัดที่กำลังระบาดในพื้นที่ จ.ยะลา จากข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. – 15 ต.ค. 61 จำนวนผู้ป่วย 495 ราย ล่าสุดมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เนื่องจากมีโรคประจำตัว และเด็กไม่ได้รับการฉีดวัคซีน รวมเสียชีวิตแล้วทั้งหมด 6 ราย นอกจากนี้มีผู้ที่ป่วยต้องสงสัยอยู่ในห้องไอซียู อีก 2 ราย โดยเป็นเด็กทั้ง 2 ราย ซึ่งสถานการณ์การระบาดมีกระจายทุกอำเภอ พบผู้ป่วยสูงสุดคือ อ.ยะหา 127 ราย รองลงมา อ.บันนังสตา 74 ราย อ.กาบัง 68 ราย อ.ธารโต 66 ราย อ.กรงปีนัง 58 ราย อ.เมืองยะลา 55 ราย อ.รามัน 36 ราย และ อ.เบตง 11 ราย ตามลำดับ พื้นที่ที่ต้องดำเนินการและเฝ้าระวังเร่งด่วน คือ พื้นที่ อ.ยะหา

ซึ่งขณะนี้ ทางสำนักงานสาธารณสุข จ.ยะลา ยังคงเปิดศูนย์ปฏิบัติการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินฯ โรคหัดขึ้น (EOC) พร้อมทั้งได้ควบคุมการระบาดของโรคหัดในพื้นที่ จ.ยะลา ด้วยมาตรการ 3 2 3 “หาให้ครบ ฉีดให้ทัน” มีการประชุมติดตามทุกวันพร้อมกับกำหนดให้ EOC ทุกอำเภอร่วมรับทราบมาตรการข้อสั่งการไปพร้อมการประชุมผ่านระบบ VDO conference ทั้งนี้เครือข่ายบริการลงพื้นที่เชิงรุกฉีดวัคซีนแก่กลุ่มเป้าหมายผู้สัมผัสโรคอย่างต่อเนื่อง โดยที่ผ่านมามีการซีดวัคซีนไปแล้วกว่า 5,000 โดส

อย่างไรก็ตาม ขอเน้นย้ำให้ประชาชนที่มีบุตรหลาน ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนโรคหัดมารับการฉีดวัคซีนโดยด่วน ที่สถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้านฟรี และหากเด็กในปกครอง มีไข้ ไอ มีผื่นแดงและตาแดง ให้แยกเด็กออกไม่ให้สัมผัสกับเด็กอื่น เป็นระยะเวลา 1 สัปดาห์ และในกรณีที่ในบ้านที่มีเด็กสัมผัสร่วมบ้านกับผู้ป่วย หากไม่ได้รับวัคซีนหรือฉีดวัคซีนไม่ครบตามเกณฑ์ ให้ผู้ปกครองนำเด็กไปฉีดวัคซีนให้ครบ หรือในกรณีของเด็กนักเรียน หากมีอาการข้างต้นให้หยุดอยู่บ้านเป็นระยะเวลา 1 สัปดาห์

ในส่วนของผู้ปกครองที่ยังไม่มีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง เกี่ยวกับการนำบุตรหลานมาฉีดวัคซีน ทาง สสจ.ยะลา ได้มีการสื่อสารประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับรู้ เข้าใจและตระหนัก ปรับพฤติกรรมยอมรับให้บุตรหลานได้รับวัคซีนครอบคลุมครบ อีกทั้งหน่วยงานที่มีคนอยู่กันเป็นกลุ่มก้อน ปฏิบัติภารกิจร่วมกันเป็นประจำ พร้อมทั้งต้องเฝ้าระวังการป้องกัน และความเสี่ยงในพื้นที่อื่นๆ เช่น ค่ายทหาร เรือนจำ ศพด. และโรงเรียน เป็นต้น

https://workpointnews.com/2018/10/16/%E0%B8%AA%E0%B8%AA%E0%B8%88-%E0%B8%A2%E0%B8%B0%E0%B8%A5%E0%B8%B2-%E0%B9%80%E0%B8%9C%E0%B8%A2%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%AB%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%AB/
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่