จากใจมนุษย์เงินเดือนคนนี้

ช่วงนี้ใกล้จะปิดปีงบประมาณ
หน่วยงานราชการก็จะเร่งๆกันทำงานหน่อยโดยเฉพาะด้านการเงิน
เราเองทำงานในหน่วยงานของรัฐ
งานเราเยอะอยู่แล้ว พอใกล้ปิดปีงบยิ่งเยอะเข้าไปอีก
พอรีบๆ ก็ผิด ต้องเสียเวลากลับมาแก้อีก
ถ้าไม่รีบ ก็อาจจะส่งงานไม่ทัน
แล้วช่วงนี้เหมือนดวงตก โดนตลอด มีปัญหาทุกวันจริงๆ รายวันเลย

เราทำมาได้ปีนิดๆ
ไม่มีความสุขกับการทำงาน รวมถึงการใช้ชีวิตประจำวันด้วย
ตั้งใจว่าจะอยู่ไม่เกิน1ปี แต่ก็เลยเป้าซะละ
เพราะยังสอบงานใหม่ไม่ได้ เลยต้องอยู่ต่อ
สาเหตุที่เราไม่อยากทำงานที่นี่ แบ่งเป็น 3 ส่วน

ส่วนแรกเป็นเพราะผู้บริหาร ที่มองว่าทุกคนว่าง ทำงานกันง่ายๆ เลยหามีนโยบายใหม่ๆมาให้ทำตลอด ทั้งที่ความจริงคือคนที่ยุ่ง มันก็มี และคนที่ว่างมันก็มี มันไม่มีใครว่างตลอด เช่น ให้สร้างเพจเฟสบุ๊สแต่ละแผนก ซึ่งจริงๆหน่วยงานก็มีเพจอยู่แล้ว และทุกแผนกก็สามารถไปโพสต์ได้ หรือ บังคับให้ช่วยงานนักวิจัย ทั้งที่ทุกคนก็มีหน้างานตัวเองที่ต้องทำอยู่แล้ว ซึ่งพอนักวิจัยเห็นว่ามีคนช่วยก็โยนงาน สั่งรัวๆ อะไรแบบนี้เป็นต้น

ส่วนที่สอง สังคมการทำงานและระบบงาน คือที่นี่ชอบเอางานด่วน เช่นมีหนังสือขอข้อมูลมาเย็นวันนี้ แล้วให้รายงานให้เสร็จภายในพรุ่งนี้ 10โมง เอาจริง แค่เสนอก็หมดเวลาแล้วป่ะ ทำงานเหมือนไม่ได้วางแผน นึกจะเอาก็เอา  แล้วแต่ละหน่วยงานไม่สื่อสาร ไม่สนว่าหน่วยอื่นมีกระบวนการยังไง ฉันจะทำของฉันแบบนี้ ซึ่งบางครั้งมันไม่ล้อกับกระบวนการทำงานทั้งองค์กร ซึ่งจริงๆทั้งองค์กรควรมีรูปแบบการทำงานที่สอดคล้องรับส่งกัน หรือไม่ก็เกิดการทำงานซ้ำซ้อน อันนี้หนึ่ง อีกหนึ่งคืออันนี้คงจะเป็นกันหลายที่คือ ไม่ร่วมรับผิด แต่ร่วมรับชอบ ทุกคนจะทำงานโยนๆกัน ทำให้พ้นๆตัวเองไว้ก่อน คือทำยังไงก็ได้ให้ความผิดพลาดอย่ามาตกอยู่ที่ฉัน ซึ่งบางอย่างมันก็ไม่จำเป็นต้องหาคนผิดเลย แต่ต้องมีคนผิดไว้เป็นถังขยะ  อันนี้คือไม่ร่วมรับผิด แต่ร่วมรับชอบนี่ก็ตามความหมาย ถ้าอันไหนดี เกิดมรรค เกิดผล ฉันก็ขอเอี่ยวด้วยคน นิดนึงก็ยังดี และอีกหลายๆด้านในสังคมกรทำงานที่นี่ เราไม่ได้คาดหวังว่ามันจะต้องดีเลิศทุกคน แต่ที่นี่ทุกคนอยู่ด้วยความระแวง หาคนจริงใจ คนที่กล้าพูดความจริงยาก

ส่วนสุดท้าย คือ ตัวเราเอง เราเข้ากับคนอื่นได้ปกติดี  แต่เวลาที่เกิดความผิดพลาดที่มีเราไปเอี่ยว นิดๆก็เถอะ เราเป็นคนไม่ค่อยแก้ตัว ไม่เถียง แต่ถ้ามันเกิดขึ้นแล้วเราอธิบายเรื่องราว สาเหตุ ให้ชี้แจง  เราก็อธิบาย ชี้แจงได้ แต่ถ้าอีกฝ่ายไม่รับฟัง ไม่ยอมรับ เราก็ไม่ต่อความยาว สาวความยืดต่อ อยากพูดอะไรก็พูดไป เราก็แค่ฟัง และsay sorry & say yes  เพราะเราคิดว่ากับคนที่ไม่ยอมรับข้อเท็จจริง พูดยังไงเขาก็ไม่ยอมรับ  ยอมได้ก็ยอม แค่ทำงานก็เหนื่อยแล้ว มาทะเลาะกันอีกมันเหนื่อยเปล่า


ตอนนี้ไม่มีความสุขเลย บอกตรงๆหมดแพชชั่นในการตื่นมามีชีวิตมาก  ตื่นมาทำงาน ทำงาน ทำงาน ไม่มีเวลาไปทำอะไรเลย จริงๆ เพื่อนบอกว่าขยันอะไรขนาดนั้น เที่ยงคืน ตีหนึ่ง ตีสอง ยังไม่หยุดอีก เราคิดว่าเราไม่ได้ขยัน แต่มันมีงานที่ต้องทำ มันอยู่ในความรับผิดชอบเรา ต่อให้เบื่อแค่ไหน แต่ไม่เสร็จก็ไปไหนไม่ได้ (งานด่วน งานเร่งนะ ถ้างานที่ยังพอมีเวลา เราก็ไม่เร่งขนาดนี้  แต่ช่วงนี้งานเยอะจัด เลยอยู่แบบนี้ตลอด) เราเป็นคนที่ไม่เคยได้กลับบ้านสี่โมงครึ่งเลย เรากลับหกโมง ทุ่ม สองทุ่มทุกวัน จนกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาไปแล้ว วันไหนงานด่วนก็อยู่ยาวไป ดึกสุดคือตีสอง   กลับบ้านเร็วคือทุ่มนึง  

การทำงานที่นี่ทำให้เราห่างหายกับชีวิตด้านอื่นๆเลย ไม่เคยดูละคร ออกกำลังกาย ไปเรียนเพิ่มในสิ่งที่อยากเรียน ทำงานอดิเรก เราไม่มีเลย เรามีงานให้ทำตลอด  บางเสาร์ อาทิตย์ ก็ต้องทำงาน ไม่มีความสุขเลยจริงๆ อยากลาออก แต่ยังหางานใหม่ไม่ได้เลย ภาระก็หลายอยู่ ทำได้คือทนและทน แต่ไม่รู้ว่าจะเป็นบ้า เป็นประสาทก่อนรึเปล่า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่