ตอนนี้เวลา 23.28 น. ใช้เวลาตัดสินใจนานมากว่าจะแชร์ประสบการณ์นี้ให้ฟังดีไหม แต่ก็ได้ข้อสรุปแล้วค่ะ
ปล.เป็นครั้งแรกที่เคยเจอเรื่องนี้ และครั้งแรกที่เอามาเขียนให้อ่านกันค่ะ
-เรื่องเริ่มมาจากเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ตอนนั้นเราอยู่ปีหนึ่ง เรียนที่มหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งที่จังหวัดเชียงใหม่ เอ่อบอกไว้ก่อนเลยว่าเราเป็นคนที่มีเซนส์อยู่บ้างแต่ไม่ได้มากมายอะไร ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ใกล้จะหยุดยาวเข้าปีใหม่ตัวเราเองก็ตัดสินใจที่จะกลับบ้านเกิดตัวเองเพื่อไปฉลองกับครอบครัวรวมถึงเพื่อนๆมัธยมปลายด้วย
เราเดินทางจากเชียงใหม่ตั้งแต่เช้าตรู่เพราะกลัวรถจะติดในช่วงเทศกาล รวมๆก็ใช้เวลาไปกับการเดินทางกว่าจะถึงบ้านประมาณ6ชม.ได้ค่ะ วันที่เรามาถึงบ้านคือวันที่28ธันวาคม ซึ่งก็เย็นย่ำมากแล้วแทบไม่มีเรี่ยวแรงออกไปสังสรรค์กับเพื่อนต่อได้เลย เราเลยไลน์บอกเพื่อนๆว่าวันนี้ขอพักผ่อนก่อนแล้วกัน ซึ่งทุกคนก็เข้าใจดีค่ะ
วันถัดมาคือวันที่29ธันวาคม หลังจากที่ออกไปตะลอนกับเพื่อนเกือบทั้งวัน พอตกเย็นมาก็มีเพื่อนผู้ชายคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า
โก้ (นามสมมุติ) : พวกตอนเย็นนี้ว่าไง กูอยากลองไปร้านเปิดใหม่ที่เปิดใกล้ๆบ้านไอ้อีฟอ่ะ (เราขอใช้นามสมมุตินี้นะคะ)
พีม (นามสมมุติ) : กูยังไงก็ได้ เย็นนี้ว่าง แฟนกูก็ว่าจะมาด้วยเหมือนกัน
ทั้งสองคนหันมาทางเราเพื่อขอคำตอบ แต่ด้วยความที่วันนี้เรามีนัดกินข้าวกับที่บ้านไว้แล้วจึงได้บอกปฎิเสธไปค่ะ ซึ่งร้านใหม่ที่โก้ชวนไปวันนั้นสรุปทุกคนก็ยังไม่ได้ไปค่ะ
ข้ามมาวันที่30ธันวาคม เย็นวันนี้มีสังสรรค์กับเพื่อนค่ะ แต่ทุกคนไม่ได้ไปร้านใหม่ที่โก้ชวนไว้ พวกเราตกลงกันว่าวันเคาน์ดาวค่อยไปฉลองที่นั่น
- เข้าสู่วันที่31ธันวาคม ช่วงเย็นเรากินข้าวกับครอบครัว ก่อนที่จะออกไปข้างนอกกับเพื่อนต่อ ซึ่งเราได้บอกกับพ่อและแม่ไว้แล้วค่ะ แต่แม่เราไม่ค่อยอยากให้เราออกไปไหนวันนี้ ซึ่งเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าแม่รู้สึกไม่ค่อยสบายใจอะไรหรือเปล่า แต่เราก็บอกไปแม่ไปนะว่า ร้านที่จะไปเที่ยวกันมันเปิดอยู่ใกล้ๆบ้านเรานี้เองนะคะ แม่เราหยุดคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะพยักหน้าให้เราแล้วบอกให้ดูแลตัวเองดีๆถ้ากลับไม่ไหวให้โทรมาบอกแม่กับพ่อจะไปรับ
ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณ3ทุ่มกว่าได้แล้ว หลังจากแต่งองค์ทรงเครื่องเสร็จก็พร้อมออกไปท่องราตรี เนื่องจากว่าร้านมันอยู่ใกล้บ้านเรา เราเลยตัดสินใจขับมอไซด์ไป ทั้งคืนนั้นไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยเรากับเพื่อนๆสนุกสนานกับบรรยากาศภายในร้านมาก ต้องขออธิบายนิดนึงว่า ร้านเขาจะจัดเป็นแบบเปิดโล่งอารมณ์คล้ายๆมาจัดแคมป์ปิ้งกัน มีกองไฟให้ความอบอุ่นไว้ตรงกลางร้านเพราะช่วงนั้นที่บ้านเราหนาวมากๆเกือบ 13 องศาได้ค่ะ สายไฟโยงเป็นเส้นๆให้ความสว่าง ดนตรีแบบโฟล์คซอง โดยรวมคือดือมาก
หลังจากผ่านช่วงเที่ยงคืนไปแล้ว เข้าสู่วันที่1มกราคม ยิ่งดึกอากาศก็ยิ่งหนาว บางโต๊ะก็เริ่มทยอยกลับกันบ้างแล้ว แต่บางส่วนก็ยังคงนั่งดื่มกันต่อ เรากับเพื่อนๆก็เช่นกัน
จังหวะที่เรานั่งดื่มกันอยู่เราได้กลิ่นเหม็นเหมือนฉี่คน มันส่งกลิ่นอยู่ใกล้ๆ ซึ่งมาโชยมาเป็นระยะๆตลอด เราเลยถามออกไปกลางโต๊ะเลยว่า
อีฟ : พวกได้กลิ่นอะไรเหม็นๆไหม เหมือนมีคนฉี่แถวนี้อ่ะ
พีม : กลิ่นอะไร กูไม่ได้กลิ่นนะ
อีฟ : โก้ได้ลุกไปฉี่ตรงพุ่มหญ้าแถวนี้ปะ
โก้ : บ้าหรอ กูจะมาฉี่ตรงนี้ทำไมคนเยอะแยะ ห้องน้ำร้านก็มี แฟนอิพีมเป็นพยานได้
อีฟ : อ้าว แล้วกลิ่นมันมาจากไหนวะ
โก้ : หมาแถวนี้มั้ง
พอเพื่อนพูดแบบนั้นเราก็เลยไม่ได้เก็บเอามาคิดอะไร แต่ก็ต้องทำการย้ายโต๊ะไปที่อื่น เพราะเราทนกลิ่นไม่ไหว ซึ่งทุกคนก็ไม่ติดใจอะไร
เวลาล่วงเลยมาจนถึงช่วงตี3กว่าๆ อากาศเริ่มหนาวลงเรื่อยๆเราเลยชวนเพื่อนมากินต่อที่บ้านเรา จังหวะที่เรากำลังจะเอารถมอไซด์เข้าบ้าน เราเหลือบไปเห็นนกตัวหนึ่งสีดำๆที่อยู่ป่ากล้วยตรงข้ามบ้านเราบินเหมือนอ่อนแรงหายเข้าไปในความมืด ด้วยความมึนๆบวกกับความไม่รู้เลยพูดถามเพื่อนทุกคนออกไปว่า
อีฟ : เห็นนกดำๆตัวเมื่อกี้ปะ อากาศหนาวขนาดนี้บินได้ไง
ตอนนั้นทุกคนไม่ได้สนใจตั้งใจฟังเรามากนักเพราะมัวแต่พากันเข็นรถเข้ามาจอด สรุปคืนนั้นเราตั้งวงกินต่อจนเกือบตี5ก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมัน
เราเมามากพอเดินเข้าบ้านมาเห็นตรงไหนนอนได้เราก็นอนตรงนั้นเลย และตอนนั้นเองที่เราฝันอะไรแปลกๆ
ในความฝันเราเห็นเป็นห้องโถงไม้กว้างๆ มีคนเดินไปมาขวักไขว่เหมือนกำลังเตรียมงานอะไรสักอย่าง ผู้หญิงคาดผ้ารอบอกสีน้ำตาลเก่าๆคล้ายทาสในสมัยก่อนเดินมาหาเราแล้วเชิญให้เราไปนั่งที่เก้าอี้ ในความฝันนั้นเราก็เดินตามเธอไปแบบงงๆ ผู้คนตรงหน้าเราเหมือนกำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน แต่เราแทบมองไม่เห็นหน้าใครเลย ใบหน้าเหล่านั้นมันเป็นมัวๆแบบเลือนลาง สักพักก็มีผู้หญิงคนหนึ่งคลานเข่าเข้ามาใกล้ๆเราตรงข้างเก้าอี้ เธอโน้มตัวก้มหน้าลงต่ำจนเกือบติดพื้น เราสงสัยจึงหันไปแล้วก้มหน้าไปมอง
ผู้หญิงคนนั้นเงยหน้าขึ้นมามองเราด้วยสายตาที่มันไม่ใช่ของมนุษ์ปกติ มันคล้ายกับดวงตาของงู ที่เป็นขีดๆ แล้วตะโกนใส่หน้าเราว่า
"กูจะเอาไปอยู่กับกู!!!"
(เอาตรงๆเลยนะ จนตอนนี้ก็ยังจำสายตาผู้หญิงคนนั้นได้ดีเลยล่ะ)
เราตกใจมาก รู้ตัวอีกทีก็มีแสงขาวๆมาดึงเราตื่น เราลุกขึ้นมาจากโซฟาที่นอนหลับไปด้วยความเหนื่อยหอบ นั่งงงกับตัวเองว่าฝันเมื่อกี้คืออะไร
แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เอาไปบอกใคร เพราะคิดว่าตัวเองคงเมาแล้วเก็บอะไรไปฝันเป็นตุเป็นตะ
เวลาผ่านเลยเข้าวันที่3มกราคม เป็นช่วงที่เราต้องกลับไปเชียงใหม่แล้ว ช่วงระหว่าง1-2วันที่ผ่านมาเราก็ฝันเห็นเหตุการณ์นั้นอยู่นะ แต่เราไม่เห็นผู้หญิงน่ากลัวคนนั้น พอเราถึงเชียงใหม่ต้องมาอยู่ที่คอนโดคนเดียวจากตอนแรกที่ไม่เคยรู้สึกระแวงหรือวังเวงอะไรเลย แต่ตอนนั้นคือเป็นอะไรก็ไม่รู้เหมือนมีคนคอยตามดู คอยจ้องมอง แล้วก็คล้ายกับหายใจอยู่ใกล้ๆคอเราตลอด ตอนแรกเราคิดว่ารู้สึกหลอนไปเอง จนนานวันเข้าเราเริ่มหันหลังไปมองความว่างเปล่าตลอด เวลาเดินตรงทางเดินคอนโดก็รู้สึกหลอนๆทางด้านหลัง จนบางครั้งยังต้องโทรให้เพื่อนค้างสายไว้เวลาออกไปไหนมาไหน คือตอนนั้นเราหลอนจนวิตกกังวลไปเลยค่ะ และด้วยความทนไม่ไหวเลยเอาเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดเล่าให้เพื่อนฟัง
แต่เมื่อเราเล่าถึงตอนที่เห็นผู้หญิงน่ากลัวคนนั้น ก็มีลมหอบใหญ่พัดเอาใบไม้แห้งมาตกที่โต๊ะม้านั่งเราเยอะมากแบบเต็มไปหมดเลย ทั้งที่โต๊ะอื่นๆที่ถัดจากเราไม่มีเศษใบไม้อะไรเลย คือตอนนั้นเพื่อนทุกคนมองหน้ากันแบบเลิ่กลั่กมาก และแนะนำให้เราเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาพ่อกับแม่โดยด่วน
คืนนั้นเราให้เพื่อนมานอนที่คอนโดด้วยเพราะชักจะเริ่มหลอนๆเข้าแล้ว และยังไม่ทันจะได้หยิบโทรศัพท์โทรหาแม่เลยค่ะ แม่ก็เป็นฝ่ายโทรเข้ามาก่อน
แม่ "อีฟช่วงนี้เป็นอะไรหรือเปล่าลูก"
อีฟ "ทำไมหรอแม่"
แม่ "ก็เมื่อเช้านี้เพื่อนแม่มาหาแล้วมาบอกกับแม่ว่า ฝันเห็นอีฟในฝันคือไม่ดีเลย ช่วงนี้มีอะไรแปลกๆหรือเปล่า"
อีฟ "กำลังจะโทรไปเล่าให้แม่ฟังอยู่พอดีเลย"
เราเล่าทั้งหมดให้ฟัง ก่อนที่แม่จะบอกให้เราไหว้พระที่อยู่ในห้องให้คุ้มครองดูแล แล้วแม่กับพ่อจะขึ้นมาหาเราในอีกวันสองวันนี้ ช่วงระหว่างนั้นเพื่อนเราก็อาสามานอนเป็นเพื่อน เพื่อไม่ให้เรากลัวหรือคิดมาก ตอนที่แม่เล่าว่าเพื่อนแม่ฝันเห็นเรา เราถามนะว่าเพื่อนของแม่ฝันว่าอะไรบ้าง แต่แม่ก็ไม่ได้ลงรายละเอียดอ่ะ บอกแค่ว่าไม่ดีๆ
พ่อกับแม่มาหาเราในอีกไม่กี่วันถัดมาก มาพร้อมกับน้ำมนต์และผ้าถุงแม่หม้ายของยายเรา
(ซึ่งยายเราเสียไปแล้วนะคะตอนนั้น) (ส่วนน้ำมนต์แม่บอกว่าเอามาจากพระอาจารย์ที่นับถือ วัดป่าที่บ้านเรานั้นแหละค่ะ)
แม่ให้เราเอาน้ำมนต์ไปอาบ พร้อมกับดื่ม เอาไปพรมให้ทั่วทั้งห้อง ก่อนจะเอาผ้าถุงของยายมารอดใส่หัวให้เรา3รอบ แม่บอกให้เราตัดชายผ้าถุงของยายเก็บไว้กับตัวเพื่อให้คุ้มครองปัดเป่าสิ่งไม่ดีให้ออกไป
แม่เล่าว่าตอนเช้าที่แม่ไปขอน้ำมนต์จากพระอาจารย์ ท่านทักแม่ขึ้นมาว่า ลูกคนโตน่ะไปโดนอะไรมาใช่ไหม อาจจะเป็นลมเพลมพัดนะ ไปเห็นไปทักท้วง หรือไปได้กลิ่นแล้วไปทักท้วง ช่วงนั้นเขาปล่อยของพอดีก็เลยอาจจะโดนมา แล้วแถวร้านนั้นก็มีคนโดนรถชนตายมาหลายศพแล้ว ใครเปิดร้านหรือทำอะไรก็ต้องเป็นอันย้ายออกหรือปิดกิจการไปทั้งนั้น (ซึ่งหลังจากเกิดเรื่องเราผ่านไป1ปีร้านนั้นก็ปิดตัวลงค่ะ จนถึงปัจจุบันก็ยังเป็นที่ดินเปล่าๆ)
เช้าวันต่อมาครอบครัวเราออกไปทำบุญเพื่อถวายสังฆทานและตั้งใจกวาดน้ำให้กับเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ตอนที่เราเดินทางหาวัดคือหลงทางค่ะกว่าจะเจอวัดคือพระท่านเกือบจะเข้าจำวัดแล้ว แต่โชคดีมากที่เรามาถึงพอดี หลังจากเราถวายสังฆทานและกรวดน้ำเสร็จ พระรูปนั้นก็เรียกเราก่อนจะเอาสายสิญจน์วางลงตั้งหน้าเราก่อนที่ท่านจะยิ้มแล้วเดินจากไป สำหรับเรา เราคิดว่าท่านอาจจะสัมผัสอะไรได้บางอย่าง เพราะทุกคนที่อยู่ตรงนั้นที่มาทำบุญเหมือนเราไม่มีใครได้สายสิญจน์แบบเราเลย
ตอนที่ทุกคนจะไปเทน้ำที่แบบกราดแล้วอ่ะทุกคนไปเทที่ไหนกัน ของเราเทลงพื้นดินนะ เพื่อให้พระแม่ธรณีเป็นพยานในการแผ่บุญแผ่กุศลครั้งนี้ (แล้วแต่ความเชื่อใครนะคะ โปรดใช้วิจารณญาณ^ ^)
ตกค่ำคืนนั้นเรานอนหลับสบายใจมาก ไม่มีความหวาดระแวงอะไรเลย ไม่มีความหลอนเป็นพักๆ คือโล่งใจมากๆ แต่เป็นแม่เราค่ะ แม่เรากลับฝันเห็นผู้หญิงคนนั้น หน้าตาคือคนเดียวกับที่หลอกหลอนเรามาตลอดเลยค่ะ แต่คราวนี้เธอมาในสภาพที่มอมแมมกว่าเดิม เงยหน้ามองแม่จากตีนบันไดบ้าน แม่ยืนอยู่บนบ้านนะคะ ในฝันคือแม่บอกว่ารู้สึกโกรธผู้หญิงคนนี้มากๆ เลยแบบยืนจังก้าชี้หน้าผู้หญิงคนนั้น
แม่ "ออกไปเลยนะ จะไปไหนก็ไป อย่ามาใกล้ลูกกูอีก!!!"
แล้วหลังจากนั้นเธอก็หายไปเลยค่ะ ทุกวันนี้เราก็ยังพกชายผ้าถุงของยายติดตัวไว้ตลอด จริงๆมีประการณ์หลอนๆเยอะกว่านี้อีกค่ะ ไว้เดี๋ยวว่างๆมาเล่าให้ฟังนะคะ
จนถึงตรงนี้ขอบคุณสำหรับผู้ที่อ่านจนจบนะคะ เนื้อเรื่องอาจจะขัดๆหรือยืดยาวไปบ้างต้องขออภัยด้วยนะคะ เพิ่งจะเคยพิมพ์ลงครั้งแรก ไว้เดี๋ยวจะพัฒนาปรับปรุงต่อไปค่ะ ทั้งหมดนี้ขอให้ผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณนะคะ ^^
เวลาตอนนี้ก็ 02.02 น.แล้ว หมาที่บ้านหอนไม่หยุดเลย ฝันดีค่ะ ^^
ลมเพลมพัด (จะใช่หรือเปล่านะ)
ปล.เป็นครั้งแรกที่เคยเจอเรื่องนี้ และครั้งแรกที่เอามาเขียนให้อ่านกันค่ะ
-เรื่องเริ่มมาจากเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ตอนนั้นเราอยู่ปีหนึ่ง เรียนที่มหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งที่จังหวัดเชียงใหม่ เอ่อบอกไว้ก่อนเลยว่าเราเป็นคนที่มีเซนส์อยู่บ้างแต่ไม่ได้มากมายอะไร ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ใกล้จะหยุดยาวเข้าปีใหม่ตัวเราเองก็ตัดสินใจที่จะกลับบ้านเกิดตัวเองเพื่อไปฉลองกับครอบครัวรวมถึงเพื่อนๆมัธยมปลายด้วย
เราเดินทางจากเชียงใหม่ตั้งแต่เช้าตรู่เพราะกลัวรถจะติดในช่วงเทศกาล รวมๆก็ใช้เวลาไปกับการเดินทางกว่าจะถึงบ้านประมาณ6ชม.ได้ค่ะ วันที่เรามาถึงบ้านคือวันที่28ธันวาคม ซึ่งก็เย็นย่ำมากแล้วแทบไม่มีเรี่ยวแรงออกไปสังสรรค์กับเพื่อนต่อได้เลย เราเลยไลน์บอกเพื่อนๆว่าวันนี้ขอพักผ่อนก่อนแล้วกัน ซึ่งทุกคนก็เข้าใจดีค่ะ
วันถัดมาคือวันที่29ธันวาคม หลังจากที่ออกไปตะลอนกับเพื่อนเกือบทั้งวัน พอตกเย็นมาก็มีเพื่อนผู้ชายคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า
โก้ (นามสมมุติ) : พวกตอนเย็นนี้ว่าไง กูอยากลองไปร้านเปิดใหม่ที่เปิดใกล้ๆบ้านไอ้อีฟอ่ะ (เราขอใช้นามสมมุตินี้นะคะ)
พีม (นามสมมุติ) : กูยังไงก็ได้ เย็นนี้ว่าง แฟนกูก็ว่าจะมาด้วยเหมือนกัน
ทั้งสองคนหันมาทางเราเพื่อขอคำตอบ แต่ด้วยความที่วันนี้เรามีนัดกินข้าวกับที่บ้านไว้แล้วจึงได้บอกปฎิเสธไปค่ะ ซึ่งร้านใหม่ที่โก้ชวนไปวันนั้นสรุปทุกคนก็ยังไม่ได้ไปค่ะ
ข้ามมาวันที่30ธันวาคม เย็นวันนี้มีสังสรรค์กับเพื่อนค่ะ แต่ทุกคนไม่ได้ไปร้านใหม่ที่โก้ชวนไว้ พวกเราตกลงกันว่าวันเคาน์ดาวค่อยไปฉลองที่นั่น
- เข้าสู่วันที่31ธันวาคม ช่วงเย็นเรากินข้าวกับครอบครัว ก่อนที่จะออกไปข้างนอกกับเพื่อนต่อ ซึ่งเราได้บอกกับพ่อและแม่ไว้แล้วค่ะ แต่แม่เราไม่ค่อยอยากให้เราออกไปไหนวันนี้ ซึ่งเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าแม่รู้สึกไม่ค่อยสบายใจอะไรหรือเปล่า แต่เราก็บอกไปแม่ไปนะว่า ร้านที่จะไปเที่ยวกันมันเปิดอยู่ใกล้ๆบ้านเรานี้เองนะคะ แม่เราหยุดคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะพยักหน้าให้เราแล้วบอกให้ดูแลตัวเองดีๆถ้ากลับไม่ไหวให้โทรมาบอกแม่กับพ่อจะไปรับ
ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณ3ทุ่มกว่าได้แล้ว หลังจากแต่งองค์ทรงเครื่องเสร็จก็พร้อมออกไปท่องราตรี เนื่องจากว่าร้านมันอยู่ใกล้บ้านเรา เราเลยตัดสินใจขับมอไซด์ไป ทั้งคืนนั้นไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยเรากับเพื่อนๆสนุกสนานกับบรรยากาศภายในร้านมาก ต้องขออธิบายนิดนึงว่า ร้านเขาจะจัดเป็นแบบเปิดโล่งอารมณ์คล้ายๆมาจัดแคมป์ปิ้งกัน มีกองไฟให้ความอบอุ่นไว้ตรงกลางร้านเพราะช่วงนั้นที่บ้านเราหนาวมากๆเกือบ 13 องศาได้ค่ะ สายไฟโยงเป็นเส้นๆให้ความสว่าง ดนตรีแบบโฟล์คซอง โดยรวมคือดือมาก
หลังจากผ่านช่วงเที่ยงคืนไปแล้ว เข้าสู่วันที่1มกราคม ยิ่งดึกอากาศก็ยิ่งหนาว บางโต๊ะก็เริ่มทยอยกลับกันบ้างแล้ว แต่บางส่วนก็ยังคงนั่งดื่มกันต่อ เรากับเพื่อนๆก็เช่นกัน
จังหวะที่เรานั่งดื่มกันอยู่เราได้กลิ่นเหม็นเหมือนฉี่คน มันส่งกลิ่นอยู่ใกล้ๆ ซึ่งมาโชยมาเป็นระยะๆตลอด เราเลยถามออกไปกลางโต๊ะเลยว่า
อีฟ : พวกได้กลิ่นอะไรเหม็นๆไหม เหมือนมีคนฉี่แถวนี้อ่ะ
พีม : กลิ่นอะไร กูไม่ได้กลิ่นนะ
อีฟ : โก้ได้ลุกไปฉี่ตรงพุ่มหญ้าแถวนี้ปะ
โก้ : บ้าหรอ กูจะมาฉี่ตรงนี้ทำไมคนเยอะแยะ ห้องน้ำร้านก็มี แฟนอิพีมเป็นพยานได้
อีฟ : อ้าว แล้วกลิ่นมันมาจากไหนวะ
โก้ : หมาแถวนี้มั้ง
พอเพื่อนพูดแบบนั้นเราก็เลยไม่ได้เก็บเอามาคิดอะไร แต่ก็ต้องทำการย้ายโต๊ะไปที่อื่น เพราะเราทนกลิ่นไม่ไหว ซึ่งทุกคนก็ไม่ติดใจอะไร
เวลาล่วงเลยมาจนถึงช่วงตี3กว่าๆ อากาศเริ่มหนาวลงเรื่อยๆเราเลยชวนเพื่อนมากินต่อที่บ้านเรา จังหวะที่เรากำลังจะเอารถมอไซด์เข้าบ้าน เราเหลือบไปเห็นนกตัวหนึ่งสีดำๆที่อยู่ป่ากล้วยตรงข้ามบ้านเราบินเหมือนอ่อนแรงหายเข้าไปในความมืด ด้วยความมึนๆบวกกับความไม่รู้เลยพูดถามเพื่อนทุกคนออกไปว่า
อีฟ : เห็นนกดำๆตัวเมื่อกี้ปะ อากาศหนาวขนาดนี้บินได้ไง
ตอนนั้นทุกคนไม่ได้สนใจตั้งใจฟังเรามากนักเพราะมัวแต่พากันเข็นรถเข้ามาจอด สรุปคืนนั้นเราตั้งวงกินต่อจนเกือบตี5ก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมัน
เราเมามากพอเดินเข้าบ้านมาเห็นตรงไหนนอนได้เราก็นอนตรงนั้นเลย และตอนนั้นเองที่เราฝันอะไรแปลกๆ
ในความฝันเราเห็นเป็นห้องโถงไม้กว้างๆ มีคนเดินไปมาขวักไขว่เหมือนกำลังเตรียมงานอะไรสักอย่าง ผู้หญิงคาดผ้ารอบอกสีน้ำตาลเก่าๆคล้ายทาสในสมัยก่อนเดินมาหาเราแล้วเชิญให้เราไปนั่งที่เก้าอี้ ในความฝันนั้นเราก็เดินตามเธอไปแบบงงๆ ผู้คนตรงหน้าเราเหมือนกำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน แต่เราแทบมองไม่เห็นหน้าใครเลย ใบหน้าเหล่านั้นมันเป็นมัวๆแบบเลือนลาง สักพักก็มีผู้หญิงคนหนึ่งคลานเข่าเข้ามาใกล้ๆเราตรงข้างเก้าอี้ เธอโน้มตัวก้มหน้าลงต่ำจนเกือบติดพื้น เราสงสัยจึงหันไปแล้วก้มหน้าไปมอง
ผู้หญิงคนนั้นเงยหน้าขึ้นมามองเราด้วยสายตาที่มันไม่ใช่ของมนุษ์ปกติ มันคล้ายกับดวงตาของงู ที่เป็นขีดๆ แล้วตะโกนใส่หน้าเราว่า
"กูจะเอาไปอยู่กับกู!!!"
(เอาตรงๆเลยนะ จนตอนนี้ก็ยังจำสายตาผู้หญิงคนนั้นได้ดีเลยล่ะ)
เราตกใจมาก รู้ตัวอีกทีก็มีแสงขาวๆมาดึงเราตื่น เราลุกขึ้นมาจากโซฟาที่นอนหลับไปด้วยความเหนื่อยหอบ นั่งงงกับตัวเองว่าฝันเมื่อกี้คืออะไร
แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เอาไปบอกใคร เพราะคิดว่าตัวเองคงเมาแล้วเก็บอะไรไปฝันเป็นตุเป็นตะ
เวลาผ่านเลยเข้าวันที่3มกราคม เป็นช่วงที่เราต้องกลับไปเชียงใหม่แล้ว ช่วงระหว่าง1-2วันที่ผ่านมาเราก็ฝันเห็นเหตุการณ์นั้นอยู่นะ แต่เราไม่เห็นผู้หญิงน่ากลัวคนนั้น พอเราถึงเชียงใหม่ต้องมาอยู่ที่คอนโดคนเดียวจากตอนแรกที่ไม่เคยรู้สึกระแวงหรือวังเวงอะไรเลย แต่ตอนนั้นคือเป็นอะไรก็ไม่รู้เหมือนมีคนคอยตามดู คอยจ้องมอง แล้วก็คล้ายกับหายใจอยู่ใกล้ๆคอเราตลอด ตอนแรกเราคิดว่ารู้สึกหลอนไปเอง จนนานวันเข้าเราเริ่มหันหลังไปมองความว่างเปล่าตลอด เวลาเดินตรงทางเดินคอนโดก็รู้สึกหลอนๆทางด้านหลัง จนบางครั้งยังต้องโทรให้เพื่อนค้างสายไว้เวลาออกไปไหนมาไหน คือตอนนั้นเราหลอนจนวิตกกังวลไปเลยค่ะ และด้วยความทนไม่ไหวเลยเอาเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดเล่าให้เพื่อนฟัง
แต่เมื่อเราเล่าถึงตอนที่เห็นผู้หญิงน่ากลัวคนนั้น ก็มีลมหอบใหญ่พัดเอาใบไม้แห้งมาตกที่โต๊ะม้านั่งเราเยอะมากแบบเต็มไปหมดเลย ทั้งที่โต๊ะอื่นๆที่ถัดจากเราไม่มีเศษใบไม้อะไรเลย คือตอนนั้นเพื่อนทุกคนมองหน้ากันแบบเลิ่กลั่กมาก และแนะนำให้เราเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาพ่อกับแม่โดยด่วน
คืนนั้นเราให้เพื่อนมานอนที่คอนโดด้วยเพราะชักจะเริ่มหลอนๆเข้าแล้ว และยังไม่ทันจะได้หยิบโทรศัพท์โทรหาแม่เลยค่ะ แม่ก็เป็นฝ่ายโทรเข้ามาก่อน
แม่ "อีฟช่วงนี้เป็นอะไรหรือเปล่าลูก"
อีฟ "ทำไมหรอแม่"
แม่ "ก็เมื่อเช้านี้เพื่อนแม่มาหาแล้วมาบอกกับแม่ว่า ฝันเห็นอีฟในฝันคือไม่ดีเลย ช่วงนี้มีอะไรแปลกๆหรือเปล่า"
อีฟ "กำลังจะโทรไปเล่าให้แม่ฟังอยู่พอดีเลย"
เราเล่าทั้งหมดให้ฟัง ก่อนที่แม่จะบอกให้เราไหว้พระที่อยู่ในห้องให้คุ้มครองดูแล แล้วแม่กับพ่อจะขึ้นมาหาเราในอีกวันสองวันนี้ ช่วงระหว่างนั้นเพื่อนเราก็อาสามานอนเป็นเพื่อน เพื่อไม่ให้เรากลัวหรือคิดมาก ตอนที่แม่เล่าว่าเพื่อนแม่ฝันเห็นเรา เราถามนะว่าเพื่อนของแม่ฝันว่าอะไรบ้าง แต่แม่ก็ไม่ได้ลงรายละเอียดอ่ะ บอกแค่ว่าไม่ดีๆ
พ่อกับแม่มาหาเราในอีกไม่กี่วันถัดมาก มาพร้อมกับน้ำมนต์และผ้าถุงแม่หม้ายของยายเรา
(ซึ่งยายเราเสียไปแล้วนะคะตอนนั้น) (ส่วนน้ำมนต์แม่บอกว่าเอามาจากพระอาจารย์ที่นับถือ วัดป่าที่บ้านเรานั้นแหละค่ะ)
แม่ให้เราเอาน้ำมนต์ไปอาบ พร้อมกับดื่ม เอาไปพรมให้ทั่วทั้งห้อง ก่อนจะเอาผ้าถุงของยายมารอดใส่หัวให้เรา3รอบ แม่บอกให้เราตัดชายผ้าถุงของยายเก็บไว้กับตัวเพื่อให้คุ้มครองปัดเป่าสิ่งไม่ดีให้ออกไป
แม่เล่าว่าตอนเช้าที่แม่ไปขอน้ำมนต์จากพระอาจารย์ ท่านทักแม่ขึ้นมาว่า ลูกคนโตน่ะไปโดนอะไรมาใช่ไหม อาจจะเป็นลมเพลมพัดนะ ไปเห็นไปทักท้วง หรือไปได้กลิ่นแล้วไปทักท้วง ช่วงนั้นเขาปล่อยของพอดีก็เลยอาจจะโดนมา แล้วแถวร้านนั้นก็มีคนโดนรถชนตายมาหลายศพแล้ว ใครเปิดร้านหรือทำอะไรก็ต้องเป็นอันย้ายออกหรือปิดกิจการไปทั้งนั้น (ซึ่งหลังจากเกิดเรื่องเราผ่านไป1ปีร้านนั้นก็ปิดตัวลงค่ะ จนถึงปัจจุบันก็ยังเป็นที่ดินเปล่าๆ)
เช้าวันต่อมาครอบครัวเราออกไปทำบุญเพื่อถวายสังฆทานและตั้งใจกวาดน้ำให้กับเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ตอนที่เราเดินทางหาวัดคือหลงทางค่ะกว่าจะเจอวัดคือพระท่านเกือบจะเข้าจำวัดแล้ว แต่โชคดีมากที่เรามาถึงพอดี หลังจากเราถวายสังฆทานและกรวดน้ำเสร็จ พระรูปนั้นก็เรียกเราก่อนจะเอาสายสิญจน์วางลงตั้งหน้าเราก่อนที่ท่านจะยิ้มแล้วเดินจากไป สำหรับเรา เราคิดว่าท่านอาจจะสัมผัสอะไรได้บางอย่าง เพราะทุกคนที่อยู่ตรงนั้นที่มาทำบุญเหมือนเราไม่มีใครได้สายสิญจน์แบบเราเลย
ตอนที่ทุกคนจะไปเทน้ำที่แบบกราดแล้วอ่ะทุกคนไปเทที่ไหนกัน ของเราเทลงพื้นดินนะ เพื่อให้พระแม่ธรณีเป็นพยานในการแผ่บุญแผ่กุศลครั้งนี้ (แล้วแต่ความเชื่อใครนะคะ โปรดใช้วิจารณญาณ^ ^)
ตกค่ำคืนนั้นเรานอนหลับสบายใจมาก ไม่มีความหวาดระแวงอะไรเลย ไม่มีความหลอนเป็นพักๆ คือโล่งใจมากๆ แต่เป็นแม่เราค่ะ แม่เรากลับฝันเห็นผู้หญิงคนนั้น หน้าตาคือคนเดียวกับที่หลอกหลอนเรามาตลอดเลยค่ะ แต่คราวนี้เธอมาในสภาพที่มอมแมมกว่าเดิม เงยหน้ามองแม่จากตีนบันไดบ้าน แม่ยืนอยู่บนบ้านนะคะ ในฝันคือแม่บอกว่ารู้สึกโกรธผู้หญิงคนนี้มากๆ เลยแบบยืนจังก้าชี้หน้าผู้หญิงคนนั้น
แม่ "ออกไปเลยนะ จะไปไหนก็ไป อย่ามาใกล้ลูกกูอีก!!!"
แล้วหลังจากนั้นเธอก็หายไปเลยค่ะ ทุกวันนี้เราก็ยังพกชายผ้าถุงของยายติดตัวไว้ตลอด จริงๆมีประการณ์หลอนๆเยอะกว่านี้อีกค่ะ ไว้เดี๋ยวว่างๆมาเล่าให้ฟังนะคะ
จนถึงตรงนี้ขอบคุณสำหรับผู้ที่อ่านจนจบนะคะ เนื้อเรื่องอาจจะขัดๆหรือยืดยาวไปบ้างต้องขออภัยด้วยนะคะ เพิ่งจะเคยพิมพ์ลงครั้งแรก ไว้เดี๋ยวจะพัฒนาปรับปรุงต่อไปค่ะ ทั้งหมดนี้ขอให้ผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณนะคะ ^^
เวลาตอนนี้ก็ 02.02 น.แล้ว หมาที่บ้านหอนไม่หยุดเลย ฝันดีค่ะ ^^