เมื่อผมติดคุกไทย กลายเป็นว่า ชอบผู้ชายด้วยกันเฉยเลย

( เรื่องราวของเพื่อนผู้นี้เป็นเด็กวัยรุ่น ขอใช้ชื่อในวงการว่า เค )
       ชีวิตผมไม่ได้สุขสบายเหมือนคนอื่นเค้า เกิดมาพ่อแม่แยกทางกัน ผมเรียน ปวช. แถมยังไม่จบด้วยซ้ำ ก็มามีเรื่องที่ต้องเข้าไปพัวพันทำให้ลูกเต๋าแห่งชะตากรรม ทอยมาตกช่องหยุดเดิน 2 ปี เกมเศรษฐีบ้าอะไรวะ ปกติมันมีแค่หยุดเดินตาเดียวนิ ใช่แล้วครับ ผมถูกศาลตัดสินในความผิดครั้งนี้ ให้จำคุกทั้งหมดรวม 2 ปี ผมรู้สึกมืดแปดด้านจริงๆ ไม่มีญาติพี่น้องคอยช่วยเหลือด้วย ดังนั้นเรื่องประกันตัวผมจึงไม่หวังเลย ต้องจำใจก้มหน้ารับผลกรรมที่ตนก่อขึ้น มุ่งตรงเข้าไปเรือนจำเลย

          ผมลงจากบัลลังก์ศาล มีตำรวจมารับตัวพร้อมคล้องกุญแจมือ นาทีที่ผมเห็นตนเองถูกพันธนาการ ได้แต่คิดว่า อิสระกูไปหมดแล้วแน่นอน คุกจะน่ากลัวไหมนะ ดูหนังมาเยอะ เอาช้อนขุดดินแหกหนีได้ไหม แต่เมื่อผมมาถึงเรือนจำที่คุมขัง ซึ่งจะเป็นที่พักระยะยาวของผม ผมก็ต้องตกใจกับภาพบรรยากาศรอบๆ ทำไมมันโทรมแบบนี้ ต้นไม้แทบจะไม่มีเลย สีเขียวอันร่มรื่นกลืนหายไปราวกับบนโลกนี้ไม่มีพืชอีกแล้ว รั้วกำแพงสูงปกคลุมไปด้วยลวดหนามที่ขดเป็นเกลียวแหลมคม พร้อมทิ่มแทงผู้คนที่คิดจะปีนออกไป เออลืมไปคุกไทยเนอะ ไม่เหมือนของต่างชาติ หันไปมองเพื่อนร่วมชะตากรรม หน้าตาไม่เป็นมิตรเลย เหมือนเมาค้างมาไงไม่รู้ เมื่อผมลงจากรถ เจ้าหน้าที่ที่คุมประตูก็เข้ามาตรวจค้นตัวพวกเรา ว่ามีสิ่งใดซุกซ่อนเข้ามา นาฬิกา สร้อยพระต้องถอดฝากไว้ให้ญาติมาเอา ส่วนเงินสดก็ต้องส่งให้ฝ่ายการเงินเอาเข้าบัญชีเพื่อใช้นิ้วสแกนจ่าย ผมมีติดตัวมา 700 บาทเอง คือทุกอย่างต้องทิ้งไว้ข้างนอกก่อนเข้าเรือนจำเลย 

       เมื่อตรวจค้นเสร็จ ประตูเซ็นไกมงได้เปิดขึ้น นี่มันโลกวิญญาณชัดๆ มีสถานที่แบบนี้ในไทยด้วยหรอ มันแออัด คับแคบ หนาแน่นไปด้วยผู้คน “ นักโทษเข้าใหม่ให้มานั่งเรียงแถว เตรียมตรวจสอบประวัติด้วย ” เสียงประกาศจากผู้ช่วยเหลืองานของเจ้าหน้าที่ ทำให้พวกเราไปนั่งรอใต้โดม ซึ่งระหว่างนั้นคนใหม่ก็จะโดนซักประวัติจากสถานพยาบาลว่าแพ้ยาอะไรไหม ติดเหล้าหรือเปล่า มีโรคประจำตัวไหม ( ตอนผมเข้าไปยังไม่มีเรื่องโควิทนะครับ แต่หลังจากนั้นเค้าจะนำผู้ต้องขังเข้าใหม่ไปกักตัวเพื่อเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรค ) จากนั้นผมก็ถูกนำตัวไปโกนหัว เสียดายพึ่งย้อมน้ำตาลมาด้วย กำลังเฟี้ยวเลย กลายเป็นไอโล้นซ่าซะแล้ว ตัดเสร็จเค้าก็ให้ไปอาบน้ำ พร้อมกับตรวจฉี่หาสารเสพติด ส่วนใหญ่พวกมาสายคดียาก็ย่อมพบอยู่แล้วแบบไม่ต้องแปลกใจเนอะ

      โอเค ภารกิจแรกเช็คอินที่หน้าล็อบบี้เสร็จเรียบร้อย ไหน welcome drink ไม่มีหรอ อยากกินน้ำใบเตยเย็นๆซักแก้วจัง ต่อมาก็เตรียมเข้าสู่ที่พักกรงนกได้ ทางเรือนจำมีแจกเสื้อหลวงให้คนละ 2 ชุด เป็นสีน้ำตาลแก่ๆ สไตล์วัยรุ่นเซ็ง แต่ทำไงได้เงินยังไม่เข้า ยังไม่สามารถซื้อเสื้อผ้าได้ ก็ต้องจำใจใส่แฟชั่นเทรนโบราณนี้ไปก่อน เสื้อผ้าที่พวกผมใส่มาต้องถอดทิ้งไว้ เค้าไม่ให้นำเข้าด้วยนะ จากนั้นพวกผมจึงถูกนำตัวเข้ามาที่แดนแรกรับ แดนสำหรับผู้ต้องขังเข้าใหม่ทุกคน เราต้องอยู่แดนนี้ประมาณ 1 เดือน ก่อนที่จะถูกจำแนกแดนตามอัตราโทษ ใครที่โทษเยอะก็ต้องย้ายไปแดนความมั่นคงสูงประมาณนี้ครับ ก่อนเข้าห้องขังผู้ช่วยงานแจกผ้าห่มให้คนละ 3 ผืน ( โดยผืนแรกใช้ปูนอน ผืนสองใช้พับทำหมอนหนุนหัว ผืนสุดท้ายใช้ห่มเวลาอากาศหนาว แต่ผมไม่ห่มอ่ะ เอามาม้วนๆเป็นหมอนข้าง ติดชอบกอดก่าย ) ซึ่งสภาพผ้าห่มที่ผมได้เป็นสีน้ำเงินเกือบไปทางดำ คือเก่ามาก เหม็นอับสุดๆ คาดว่าพรุ่งนี้ผมต้องเอาไปซักแล้ว นอนแบบนี้ไม่ไหว


      พอเข้าห้องขังมาปุ๊ป โอโห 300 คน ผมจะทำไงดีเนี่ย มีที่ไหนว่างให้ผมนอนไหม จะนอนตรงไหน คนโครตเยอะ ที่นี้มันก็จะมีหัวหน้าห้อง มาลงชื่อเราไว้ในสมุดรายชื่อ ด้วยความที่ผมยังเด็ก ไม่รู้เรื่องอะไร ได้แต่คิดกังวลไปต่างๆ แต่พอผมบอกหัวหน้าห้องว่าอยู่แถวเมียงดง ( ทำเลสมมุติ ) หัวหน้าห้องก็ตะโดนเรียก ไอเอ้ มีหน้าอ่อนมาใหม่อยู่แถวบ้านวะ มารับดิ ไอพี่เอ้นี่ก็เดินมาหน้าเข้มๆ มันจะเข้ามารับน้องสยองขวัญผมป่ะเนี่ย กลัวมาก หน้าตาเค้าเหมือนนายจันทร์หนวดเขี้ยวเลย พร้อมที่จะหยิบง้าวของกวนอูมาฟันผมทุกเมื่อ แต่พี่เอ้บอกไม่คุ้นหน้าผม ไม่เคยเห็นแถวหมู่บ้านเลย ผมก็บอกใช่ซิพี่ ผมเก็บตัวนะ ติดเกมอยู่ในห้อง ไม่ค่อยออกมาพบโลกภายนอกเท่าไร โอเคเอาเป็นว่าผมคลายกังวลไปได้ระดับนึง เพราะพี่เอ้เค้ารับผมเข้าบ้านแล้ว ( ขอสมมุติชื่อบ้านว่า เแสงอุษา ละกันนะครับ ดูดาร์กดี ไอพี่เอ้ก็คงเป็นเพนอ่ะ บอสใหญ่ของกลุ่ม ) อย่างน้อยพี่แกก็หาที่ซุกหัวนอนให้ผมได้ คนเข้าใหม่ประมาณ 10 กว่าคนในวันนี้ก็แยกย้ายไปตามบ้านต่างๆ ใครอยู่แถวไหนส่วนใหญ่เค้าก็รับเข้าบ้านกัน เอาตามแหล่งถิ่นกำเนิด ส่วนคนที่ยังไม่มีที่นอนก็ต้องไปนอนแถวบล็อกส้วมเลย โครตน่าเห็นใจ สังเกตคนใหม่ง่ายๆคือหัวจะกลมใสมาก เพราะพวกหน้าเก่าคือไว้ทรงนักเรียนกัน โก๋ๆหน่อยก็มีรองทรง ส่วนผมก็คงต้องรอซักระยะกว่าเส้นขนจะงอกขึ้นบนกระหม่อม ที่ผมนอนเป็นใต้เหล่าเต๊ง เรียกง่ายๆว่าอยู่ชั้นล่าง ( ดูจากภาพประกอบด้านบนเอานะ ด้านล่างอ่ะ หามาจากกูเกิ้ลเพื่อให้ผู้อ่านเห็นภาพกัน ) มืดหน่อย ยุงเยอะด้วย แต่ก็ไม่อึดอัดเท่าไร บ้านผมมันใหญ่เป็นขาโจ๋มั้ง ฮ่าๆ พวกพี่ๆในบ้านมันก็มานั่งจับเข่าคุยถามถึงคดีผม ไปไงมาไง ใครจี้มาถึงโดน โห เจอฟีลแบบนี้ ไอตัวลายมานั่งล้อมวง กูจะถูกพวกมันจับบูชายัญป่ะเนี่ย ส่วนใหญ่เค้าเรียกผมไอตี๋กัน ขาวๆ ตี๋ๆ เป็นเป้าง่าย ระวังนะ ผมก็หัวเราะแหะไปแบบไม่คิดอะไร แต่เอาเป็นว่าคืนแรกเนี่ยต้องขอนอนก่อน เพราะไม่ไหว เหนื่อยล้ามาทั้งวัน อุดอู้อยู่ในห้องขังใต้ถุลศาลมานาน แต่ถ้าถามว่าผมนอนหลับไหม ไม่ครับ !! แปลกที่ แปลกถิ่น ร้อนก็ร้อน คนก็เบียด เสียงกรนก็ดัง สุขใดเล่าก็ไม่เท่าพักที่บ้านเรา โครตคิดถึงแอร์เย็นๆ เปิดคอมเล่นเกม ฟังเพลงไปด้วย ผมก็ได้แต่สะอื้นอยู่ในใจ ต้องผ่านมันไปให้ได้
 
    เช้าวันรุ่งขึ้น เจ้าหน้าที่ตีระฆังตอนตี 5 ครึ่ง ปลุกจากห้วงนิทราให้ลุกขึ้นมาสวดมนต์ ไอเราก็ครึ่งหลับครึ่งตื่น นั่งคอตกผงกหัวไป สวดประมาณ 10 นาทีก็นอนต่อ จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็เปิดห้องพวกผมมา 6 โมงเพื่อฝึกกายบริหาร โห อยู่ข้างนอกไม่เคยทำเลย นี่ต้องแหกขี้ตามาออกกำลังกายยามเช้า น่าเบื่อสุดๆ ผมเหลือบแอบไปเห็นพี่ๆในบ้านแสงอุษาหนีไปอาบน้ำก่อน ไอเราก็อยากไปนะ แต่เด็กใหม่อ่ะ ผมไม่อยากเข้าตา ฝืนๆยกแขนยกขากายบริหารต่อไป ฝึกเสร็จ 7 โมงพอดี ที่นี้ทุกห้องก็ถูกเปิดออกมาหมดพร้อมกัน ( ห้องไหนที่ได้ฝึกกายบริหาร จะถูกไขเปิดห้องออกมาก่อน โดยจะผลัดเวียนไปตามห้อง วันนี้ห้อง 1 วันจันทร์ วันต่อไปห้อง 2 ไล่ไปเรื่อยๆ จนวนลูปกลับมาที่เดิม ) หลังจากนั้นมันเป็นสงครามดีๆนี่เอง ผมต้องแย่งชิงทำเลในการอาบน้ำ ผู้คนแน่นไปหมด ใครมาช้าคือน้ำเหลือก้นบ่อที่มีแต่เศษตะกอน รู้งี้น่าจะแอบหนีตามพวกพี่ๆไปแต่แรก ตอนนี้พวกเค้านั่งสบายรอเข้าแถวเคารพธงชาติแล้วกว่าผมจะเข้าไปอาบได้ เครื่องอาบน้ำพี่เอ้ก็ให้ยืมมา ผมมองไปรอบๆส่วนใหญ่แก้ผ้าอาบกันหมดเลย โชว์งูบองหลาแบบไม่แคร์สื่อใดๆ แต่ผมยังไม่ชินนะ ขอใส่กางเกงอาบไปก่อน สยิวแปลกๆ เนี่ย เห้อ แค่เริ่มต้นมันก็แย่แล้วเนอะ ต้องใช้ระยะเวลาอยู่กับโลกหลังกำแพงถึง 2 ปีเลยหรอเนี่ย คิดแล้วก็ท้อ มองไม่เห็นทางสว่างเลย

    จากนั้นระหว่างวัน มีฝ่ายทัณฑ์เรียกตัวผู้ต้องขังเข้าใหม่ ให้ไปสอบประวัติ พิมพ์ลายนิ้วมือ และจำแนกลักษณะ ผมก็ให้ข้อมูล รูปคดี ประวัติส่วนตัวไว้หมด เค้าจะบันทึกไว้ในแบบจำแนก เพื่อประเมินความเสี่ยงที่จะกระทำผิดซ้ำ ติดตามและประเมินผลอีกรอบ ตรงนี้ใช้เวลาไม่นานมากครับ ก็กลับเข้าแดนตามเดิม เมื่อกลับมาถึง คนใหม่ก็เตรียมตัวเข้ารับคอร์สการฝึก เรียนรู้ปฐมบทเริ่มต้นการใช้ชีวิตในคุกได้ ก็จะแบ่งเป็น ฝึกระเบียบแถว ฝึกรายงานตัว เรียนรู้กฎระเบียบที่จากนี้พวกผมต้องฝึกไปอีก 1 เดือน เหมือนเข้าเรียนเลยเนอะ มีทั้งภาคทฤษฎีที่ผมต้องท่องกฎ ศึกษาว่าถ้ากระทำผิดต้องโดนบทลงโทษใดบ้าง มีทั้งภาคปฏิบัติอีกด้วย ถือว่ามาอยู่โรงเรียนประจำแล้วกัน

    ตารางเวลาในนี้ผมจะบอกคร่าวๆ นะครับ คือ สวดมนต์ตีห้าครึ่ง / เปิดห้องขังเพื่อออกมาทำภารกิจส่วนตัว 7 โมง ถ้าห้องไหนฝึกก็เปิดเร็วกว่านั้น / 8 โมงก็เคารพธงชาติ สวดมนต์ / 8 โมงครึ่งทานข้าวเช้า / 9 โมงเข้ากองงาน สำหรับคนใหม่ที่ยังไม่มีกองงาน ให้ฝึกระเบียบวินัย / เที่ยง พักทานข้าว อาหารว่าง / เที่ยงครึ่ง เข้ากองงาน ฝึกแถวต่อ / บ่าย 2 เลิก พักผ่อน เก็บผ้า / บ่าย 2 ครึ่ง ทานข้าวเย็น / บ่าย 3 อาบน้ำ / สี่โมงครึ่ง ขึ้นห้องขัง ใช่ครับตารางเป็นแบบนี้ เข้าห้องขังตั้งแต่สี่โมง คิดดูว่าต้องนอนแก่วในห้องเป็นเวลา 15 ชั่วโมง สุดแสนจะเบื่อเลย 

     หลังจากฝึกเสร็จผมก็หิวมาก สมาชิกแสงอุษาในบ้านก็เตรียมกับข้าวไว้เรียบร้อย กฎการอยู่ในบ้านก็ไม่มีอะไรมากครับ อย่าไประรานใคร ห้ามมีเรื่องกับบ้านอื่น กับข้าวใครมีบัดเจทก็แชร์ๆ ช่วยกันซื้อ ส่วนใครไม่มีก็ล้างจาน ดูแลจิปาถะไป ส่วนผมเงินยังไม่เข้า ก็ช่วยพี่ๆทำนู่นนี่ไปก่อน รอเข้าแล้วจะผงาดบินเดี่ยวเลย ฮ่าๆ 

      เมื่อเข้ามาในห้องขังตั้งแต่สี่โมงแล้ว ผมก็นอนคุยเรื่อยเปื่อยครับ เพื่อนยังไม่ค่อยมี ส่วนใหญ่ในบ้านแสงอุษาโตๆกันหมดแล้ว แต่ยังไม่ปูที่นอนกันนะ เพราะคนจะเดินไปมา เหยียบผ้าเราได้ ก็วางพับๆซ้อนกันหนุนหลัง นอนเล่นก่อน ค่อยปูที่นอนตอนสองทุ่มครับ บางคนก็นอนแต่หัววัน บางคนก้อ่านหนังสือ บางคนก็เล่นดีดมะกอกแก้เบื่อไป เพราะกว่าทีวีจะเปิดก็ประมาณ 5 โมง รายการก็สุดแสนจะน่าเบื่อเลย เปิดนิทานอีสป ธรรมะกล่อมเกลาจิตใจ เพลงโบราณๆ จะมาเริ่มพอดูได้ก็ช่วงทุ่มนึง ที่เค้าจะเปิดละคร ไม่ก็หนังให้ได้ดูกัน แต่ส่วนใหญ่ผมก็ดูแล้วทั้งนั้น รออยู่ไปซักปีนึง คงเริ่มมีหนังที่ยังไม่เคยดูเข้ามาเปิดเนอะ ผมเข้าไปตอนช่วงนั้นเค้าเปิดเลือดข้นคนจางพอดี ซึ่งผมรู้ว่าใครเป็นคนฆ่ากู๋เสริฐ ในคุกก็เดาไปต่างๆ นานา เล่นพนันกันยกใหญ่ ทายถูกได้ไปเลย นม 20 กล่อง ผมรู้ผมเลยบอกพี่เอ้ ไอพี่เอ้ก็ไปเปิดวงซะยกใหญ่ สุดท้ายในบ้านผมก็ได้นมไปครอง เอาไปใช้จ่ายฟรีๆ ขอบคุณที่ตอนนั้นได้ดูเรื่องนี้มาก่อน พี่เอ้ก็เอานมนั้นมาให้ผมหมดเลย เค้าบอกว่า “ เอ้าผลงาน เอาไปเลย ” แต่ด้วยความที่ผมยังเด็กใหม่เนอะ ผูกมิตรก่อน แจกแบ่งสมาชิกในบ้านให้ไปคนละกล่องสองกล่องจนหมดเลย เอาหน้านิดนึง ( คนในนี้อยู่ว่างๆ ชอบเล่นพนันกับครับ เห็นอะไรก็หยิบจับเป็นพนันไปซะหมด เพิ่มความตื่นเต้นในการดำรงชีวิตอยู่ เช่น วันนี้เข้ามาเค้าจะเปิดเพลงผู้ชายหรือเพลงผู้หญิงก่อน หรือว่า วันนี้ฝนจะตกไหม วันนี้เจ้าหน้าที่จะให้แก้ผ้าเข้าห้องหรือเปล่า เป็นต้น )

     คืนที่สองก็ยังคงไม่คุ้นชินเช่นเคย หน้าฝนยุงโครตเยอะ ผมก็ตื่นขึ้นมาเพราะเหมือนโดนยุงกัดตอนตี 2 เห็นไอพี่เอ้พึ่งกลับมาที่นอน เพราะไปเข้าบล็อกมา พี่เอ้มองผมแล้วถามว่าเป็นไรไอตี๋ ผมทำท่าทางบอกว่ายุงกัด แล้วก็ตีแขนให้เค้าดู เพราะไม่อยากพูดดังคนนอนกันหมด ผมนอนห่างจากพี่เค้าประมาณ 5 คน พี่เอ้บอกว่าอีก 7 วันคนที่นอนข้างพี่เค้าจะปล่อย ค่อยมานอนข้างกูดิ ตัวไม่ใหญ่มาก กูจะได้ไม่อึดอัดมีที่นอนกว้างขึ้นนิดนึงก็ยังดี ผมก็เออไปก่อน เพราะทำเลตรงที่พี่เค้านอนดูสบายมาก มีพัดลมอยู่ข้างๆเลย ก็ใช่สิ ขาใหญ่เนอะ ผมก็ขอพึ่งใบบุญบารมีหน่อยละกัน อารมณ์เหมือนพี่เค้าซื้อสังฆทานแล้วผมขอเอานิ้วจิ้มแตะด้วย ใครจะไปรู้ ไอหน้าโฉดแอบโหดมีรอยสักมังกือที่แผ่นหลังจะใจดีเหมือนกัน เอออย่ามองคนแต่ภายนอกจริงๆ

- เดียวจะมาต่อ -

หลังจากที่เรื่องราวของสาวสองในเรือนจำได้ถูกตีแผ่ ก็มีคนทักมาสอบถามกันเยอะมาก ขอภาคต่อไวๆ เลยใช้เวลาซักระยะไปรวบรวมเรื่องราวของเพื่อนร่วมสถาบันที่อาศัยอยู่ในกรงเดียวกันมาเพิ่มอรรถรส สู่งานเขียนที่ถ่ายทอดเรื่องราวจากประสบการณ์ตรงให้ผู้อ่านได้ติดตามกัน
ใครที่ยังไม่ได้อ่านภาคแรกเพื่อปูพื้นฐานในสาระวิชา นช 101 ก่อนไปสู่บทเรียนขั้นสูงขึ้น สามารถอ่านกันได้ที่นี่เลยจ้า  
https://pantip.com/topic/40725993
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่