สวัสดีค่ะ เราเป็นเด็กอายุ 16 ย่าง 17 คนนึง เราเป็นเด็กที่คนอื่นๆมองเป็นคนที่พร้อมทุกอย่าง ฐานะปานกลาง ดูชีวิตดีมีความสุขมากๆ อยากได้อะไรครอบครัวก็ซื้อให้ เราขอย้อนอดีตก่อนนะคะ ก่อนที่เราจะเกิดทางบ้านเราเป็นครอบครัวที่ยากจน แม่เราเลยต้องหาเลี้ยงทุกคนหาเงินให้ได้เยอะๆพอแม่รู้ว่ามีเราแม่ก็ทำงานหนักแล้วก็เลิกกับพ่อของเรา พอเราเกิดมาแม่เราก็เอาไปฝากเลี้ยงจน 2 ขวบ หลังจากนั้นก็กลับมาอยู่ต่างจังหวัดสร้างบ้านเป็นของตัวเอง เราเติบโตมา ความรู้สึกเรา เรารู้สึกเราเติบโตมาโดยลำพัง แม่เราก็ไปทำงาน คุณยายก็ทำงาน เราก็เลยเหมือนเป็นเด็กที่ต้องอยู่คนเดียว เติบโตคนเดียว พอเราอยู่ ป.3 คุณแม่ก็มีสามีใหม่ แม่ก็เลยไปทำงานกับพ่อเลี้ยงของเรา ภายนอกพ่อเลี้ยงของเราเป็นคนที่ดีมาก ทำงานหาเงินเก่ง รักลูกรักครอบครัว แต่จริงๆแล้วไม่มีใครรู้เลยว่าตอนที่เราลงไปอยู่กับเขาตอนปิดเทอม ทุกๆคืนเราต้องเจออะไรบ้าง เรานอนที่ห้องกลางในคอนโดแม่ก็นอนห้องนอนกับพ่อเลี้ยง ทุกคืนเราจะโดนเหมือนมีคนมาดึงกางเกงในพอเราลืมตาเราก็เห็นพ่อเลี้ยงเดินหันหลังไปเข้าห้องน้ำ แต่เราก็ไม่รู้ว่าเขาทำไปทำไมเราก็ไม่ได้บอกใคร แต่เราโดนทุกๆคืนจนเรารู้สึกหลอนไปเลยค่ะ เราไม่กล้าที่จะเอาขาออกจากผ้าห่ม ก่อนนอนเราจะต้องตรวจดูผ้าห่มก่อนนอนตลอดว่าปิดสนิทมั้ย ถ้าขาเราออกจากผ้าห่มเราจะมีอาการฝันร้าย แต่ก็เหมือนเดิม เราก็โดนเหมือนเดิม จนช่วง ป.4 เรามีอาการนึงที่เราเริ่มเป็นตอนนั้นเราก็ยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร คือตอนอาบน้ำเราจะมีอาการเหมือน อาบน้ำอยู่ดีๆแล้วรู้สึกแย่ กังวล กลัว ความรู้สึกมันเป็นความรู้สึกที่แย่มากๆค่ะ เราก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร เราก็ไม่รู้ว่าเรากังวลอะไร มันเหมือนอยู่ดีๆเราก็มีอาการแบบนั้นขึ้นมา จนทำให้ตอนที่เป็นเราไม่สามารถทำอะไรได้ เรายืนอยู่นิ่งๆจนอาการหายไป เราเหมือนเป็นเด็กที่อยู่ๆก็มีอาการวิตกกังวลขึ้นมา พอเริ่มขึ้นช่วงมัธยมแม่เราก็เอาเราไปเรียนในโรงเรียนที่เราไม่ได้เลือกเอง เราก็ใช้เวลาปรับตัวนานมากๆ จนมีความรู้สึกเหนื่อย เหนื่อยกับการเรียน เหนื่อยกับสังคม ตอนนั้นเราซึมๆ ร้องไห้ทุกวัน มีการทำร้ายตัวเอง จนผ่านมาเราก็ได้มีแฟนเป็นคนที่อายุมากกว่าเราค่ะ เขาเข้าใจเรามากๆ ทำให้เราเป็นคนที่ดีขึ้น เวลามีเรื่องอะไรเราก็จะมาบอกเขาตลอด มันเป็นอะไรที่มีความสุขมากๆ เราได้รู้สิ่งใหม่ๆได้ลองอะไรใหม่ๆ ได้รู้ว่าตัวเองชอบอะไรก็เพราะเขา จนคบกันมาได้ 2 ปีกว่าเราก็เลิกกันด้วยเหตุผลบางอย่าง ตอนนั้นเราเคว้งมากเลยค่ะ ใจเราตกต่ำมากๆ ร้องไห้หนักมากๆ เรารู้สึกว่าอาการซึมของเรามันยังไม่หายไปจากเมื่อ 4 ปีก่อน มันกลับมาทำให้จิตใจเราแย่ลง เรากินยาเยอะมาก ทำร้ายตัวเอง เราบอกใครไม่ได้ เพื่อนที่สนิทเรายังไม่กล้าบอกเพราะไม่อยากให้เขารับรู้อะไรแย่ๆจากเรา แต่เหมือนเขาก็ดูออก เราก็เลยบอกไปว่าเราเป็นยังไง เขาก็อยากให้เราบอกครอบครัว แต่ก็จะมีเพื่อนบางคนที่เขาบอกว่าเออไม่ต้องไปหาหมอหรอก กลัวแบบเรากินยาไปจนวันนึงเราไม่ได้กินยาเราอาจจะกลับมาเป็นแบบนี้ คือเราก็ไม่รู้จะพูดยังไง เราก็เลยไปบอกกับยายว่าอยากไปหาหมอจิตแพทย์ ยายเราก็ถามมาว่าเป็นบ้าหรอจะไปหาหมอจิตแพทย์ คือเจาบอกกับเราว่าอะไรเราก็มีเราขาดอะไรทำไมต้องอยากไปหาหมอ เราก็ไม่กล้าบอกไป จนมีคืนนึงเราร้องไห้ตั้งแต่ทุ่มนึงจนตอนนั้นเกือบเที่ยงคืนเรารู้สึกเศร้ามากๆจนเอามีดมากรีดแขนตัวเอง เราก็นึกว่ายายนอนหลับไปแล้ว แต่เขาก็มาเคาะห้องเราแล้วถามว่าเราเป็นอะไร เราก็เลยเงียบไม่ตอบ แล้ววันต่อมาแม่เราก็โทรมาถามว่าเป็นอะไร เราก็เลยเล่าให้ฟัง เล่าเรื่องพ่อเลี้ยง มีครั้งนึงที่ตอนเราอยู่ ม.2 เรากำลังอาบน้ำอยู่แล้วมันจะมีช่องเล็กๆถ้ามองจากด้านนอกมันจะเห็นข้างในที่เป็นกระจก เราก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะไม่มีใครอยู่บนห้อง แต่พอเราเหลือบไปเห็นขาคนที่กำลังนั่งยองๆแบบมองเราอาบน้ำ เราก็รีบก้มลงเพราะเรากลัว แต่ก็ไม่ได้บอกใครเพราะเรารู้ว่าใครแอบดู พอแม่เราได้รู้เรื่องทุกอย่างก็สาธยายเรื่องของตัวเองให้ฟัง แล้วเขาก็แนะนำให้เราไปนั่งสมาธิ บลาๆ เราคาดหวังกับเขาว่า เออลูกไปหาหมอนะแม่เป็นห่วงหนูนะอะไรแบบนี้ แต่ก็นั่นแหละ ตอนนี้มันผ่านมาเดือนนึงแล้ว ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เรายังมีอาการเหมือนเดิม แล้วเราก็ท้อมากๆ เราไม่รู้ว่าจะไปปรึกษาใครดี เราก็คิดว่าเราจะไปหาหมอคนเดียวแต่ถ้าแม่หรือยายเรารู้เขาก็จะไม่ให้ไปเพราะติดเรื่องโควิดอีก รู้สึกชีวิตไม่มีทางออกเลยค่ะ เราไม่รู้ว่าสักวันนึงเราจะตัดสินใจฆ่าตัวตายไปเลยมั้ย เราไม่รู้จริงๆค่ะ เรารู้สึกไม่อยากทำอะไรเลย เหนื่อยมากๆ
เราควรไปหาจิตแพทย์มั้ยคะ หรือปล่อยไป