ทำไม mRNA จึงได้ผลดีกว่าเชื้อตายครับ

คือตามหัวข้อเลยครับ ผมเข้าใจว่าตัว mRNA ที่ฉีดเข้าไปมันไปกระตุ้นให้เซลล์สร้างโปรตีนหนามไวรัสขึ้นมา แล้วภูมิคุ้มกันจึงค่อยๆเรียนรู้ 

ส่วนเทคโนโลยีเชื้อตายคือฉีดตัวไวรัสที่ตายแล้วเข้าไปเลย จากนั้นภูมิคุ้มกันจึงเข้ามาเรียนรู้

ทำไมการที่ภูมิคุ้มกันเราเรียนรู้จากตัวหนามถึงสามารถทำงานได้ดีกว่าการที่รียนรู้จากเชื้อทั้งตัวที่ตายแล้วครับ 

#ขอบคุณสำหรับคำตอบของทุกท่านนะครับ ถ้าหากผมเข้าใจผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้และขอให้ท่านช่วยให้ความรุ้ผมด้วยครับ  ขอบคุณครับ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
1. วัคซีน mRNA เข้าไปในเซลโฮสต์และก็ผลิตโปรตีนหนามออกมาได้เรื่อยๆ ได้หนามเยอะ
อาจจะเหมือนฉีดโปรตีนหนามเข้าไปทุกวันต่อเนื่องกันหลายวัน
เขาว่า mRNA จะสลายภายใน 7 วัน แต่ถ้ามันยังคงอยู่จนถึงวันที่ร่างกายกระตุ้นภูมิต้านทานออกมามากแล้ว เซลโฮสต์ที่ผลิตโปรตีนหนามก็จะถูกภูมิต้านทานทำลายไปในที่สุด
วัคซีนเชื้อตาย มีส่วนประกอบของไวรัส มีหนามเป็นแค่ส่วนประกอบนึง ฉีดเข้าไปแค่ไหนก็มีแค่นั้น ไม่สามารถเพิ่มจำนวน
2. หลังฉีดวัคซีน mRNA มีแต่โปรตีนหนามอย่างเดียวที่เยอะ
วัคซีนเชื้อตายมันมีแอนติเจนหลายตัวเข้าไปพร้อมๆ กัน กระตุ้นการสร้างแอนติบอดีต่อแอนติเจนหลายตัวพร้อมๆ กัน บางตัวไม่มีผลในการยับยั้งเชื้อ อาจจะมีกลไกของร่างกายที่จำกัดการกระตุ้นที่มากเกินไป หรือเม็ดเลือดขาวที่มีความจำเพาะต่อแอนติเจนหลายอย่างมันอาจจะต้องแก่งแย่งสารอาหารกันเอง ภูมิต้านทานต่อโปรตีนหนามเป็นแค่ส่วนหนึ่งของภูมิต้านทานที่ถูกกระตุ้นทั้งหมด จึงได้โควต้าในการกระตุ้นที่น้อยกว่ากรณีที่มีสารเดียว
3. หลังฉีดวัคซีน mRNA โปรตีนหนามที่ถูกสร้างภายในเซลโฮสต์ จะถูกนำเสนอที่ผิวเซลด้วย MHC class I ซึ่งกระตุ้นภูมิต้านทานชนิดที่ทำลายเซลติดเชื้อด้วย  แต่วัคซีนเชื้อตายไม่มีโปรตีนหนามในเซลโฮสต์ อาจจะไม่ค่อยได้กระตุ้นภูมิต้านทานชนิดที่ทำลายเซลติดเชื้อ
โปรตีนหนาม ที่อยู่นอกเซล ถูกเม็ดเลือดขาวกิน และนำเสนอที่ผิวเซลด้วย MHC class II ซึ่งกระตุ้นภูมิต้านทานชนิดที่สร้างแอนติบอดี้ยับยั้งเชื้อไวรัส ได้เหมือนกันทั้งสองวัคซีน แต่อาจจะต่างกันที่ปริมาณโปรตีนหนาม
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 9
1) โดยปกติวัคซีนเชื้อตายจะกระตุ้นภูมิต้านทานได้น้อยกว่าวัคซีนเชื้อเป็นอยู่แล้ว เนื่องจากวัคซีนเชื้อเป็นนั้นเชื้อมีการแบ่งตัว ทำให้ภูมิต้านทานของร่างกายจำได้แม่นกว่า ดังนั้นทำให้วัคซีนเชื้อตายจึงจำเป็นต้องฉีดหลายโดส ถึงจะสร้างแอนติบอดีได้เท่ากับวัคซีนเชื้อเป็น แล้วภูมิจากวัคซีนเชื้อตายก็ลดลงเร็วกว่าภูมิจากวัคซีนเชื้อเป็นด้วย แต่ถ้าฉีดครบโดสตามผู้ผลิตก็จะได้แอนตีบอดี ขึ้นพอ ๆ กับ ภูมิของผู้ที่ได้จากติดเชื้อจริงตามธรรมชาติ แต่วัคซีนเชื้อตายก็ต้องมีการบูสเรื่อย ๆ สำหรับผู้ที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงกับโรคนั้น

2) การฉีดวัคซีนแบบ mRNA นั้น มันเหมือนเป็นการเลียนแบบการติดเชื้อจริง ๆ แม้ว่า ตัว mRNA ที่ฉีดเข้าไปนั้นจะสลายตัวภายในไม่กี่วัน แต่ตัว spike  protein ที่เซลล์กล้ามเนื้อซึ่งถูกฉีดวัคซีนเข้าไปได้สร้างขึ้นมานั้น มันอยู่แบบเป็น ๆ เป็นส่วนหนึ่งของเซลล์นั้นนานหลายสัปดาห์เลย ตัว spike  protein มันจะปรากฎที่ผิวของเซลล์ที่ฉีดเข้าไปเหมือนเห็ดที่งอกขึ้นมาเหนือพื้นดิน หรือ เนื้องอกชนิดหนึ่ง อีกทั้งมันยังมีสารบางอย่างที่เคลือบตัวเองไว้เพื่ออำพรางตัวจากภูมิคุ้มกันของร่างกายด้วย ซึ่งภูมิคุ้มกันของร่างกายคนทุกชนิดทุกรูปแบบ ต้องระดมสรรพกำลังหาทางทำลายเซลล์แปลกปลอมนี้ให้ได้ จนกว่าเซลล์ที่ได้รับ mRNA นั้นจะตาย แล้วถูกระบบภูมิต้านทานของร่างกายมากำจัดทำลายย่อยสลายแยกชิ้นส่วน ซึ่งไม่เหมือนเชื้อตายที่ภูมิต้านของร่างกายสามารถกำจัดได้ง่ายมาก แต่ก็ทำให้ภูมิต้านทานขึ้นน้อยด้วย
    
    อ้อ แล้วตัว spike  protein ที่โชว์มานี้นั้น คือส่วนสำคัญของไวรัส ที่ร่างกายต้องรู้และสร้างภูมิต้านทานไว้ต่อสู้ด้วย โดยปกติแล้วคนที่ติดเชื้อนั้นเมื่อวิเคราะห์จากเลือด จะมีแอนตีบอดีเกิดขึ้นประมาณ 30 กว่าตัว แต่มีเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้นที่จัดว่าเป็น neutralizing antibody (NAb) ซึ่งตัวที่เป็น NAb ส่วนมากเกิดจากส่วนที่เป็นตัว spike  protein ของไวรัส โดยเฉพาะส่วนของ S1 ซึ่งเป็นส่วนที่ประกอบไปด้วย RBD ที่มีหน้าที่จับเข้ากับ ACE2 receptor ในเซลล์ของมนุษย์ ดังนั้นถ้าภูมิคุ้มกันเพียงแค่สามารถบล๊อคตรงนี้ได้ไวรัสก็เข้าเซลล์ไม่ได้ ร่างกายก็ปลอดภัย ไม่จำเป็นต้องไปสร้างแอนตีบอดีสำหรับโปรตีนทั้งตัวของไวรัส

3)การออกแบบและสังเคราะห์ตัวสารเคมีที่ใช้ทำเป็น Lipid nanoparticles ซึ่งห่อหู้มตัว mRNA ไว้นั้น คนส่วนมากเข้าใจว่ามันมีหน้าที่เพียงแค่สร้างเสถียรภาพ (Stabitly) ให้กับ mRNA เท่านั้น แต่จริง ๆ แล้วตัว Lipid nanoparticles นี้มีหน้าที่เป็น สารเสริมฤทธิ์ (adjuvants) ให้กับวัคซีนแบบ mRNA ด้วยในระหว่างที่นำตัว mRNA ผ่านส่วนต่าง ๆ เข้าสู่เซลล์ โดยไม่ต้องมีสารเสริมฤทธิ์อะไรอีก
ความคิดเห็นที่ 16
ใครคิดจะฉีด Mrna ยั้งๆไว้บ้างหน่ะ ลองศึกษาเพิ่มเติม โดยเฉพาะจากสื่อต่างประเทศ คนที่เข้าใจภาษาอังกฤษ
จะกระจ่างมาก ความรู้ทางด้าน immunology ของหมอในบ้านเราข่อนข้างน้อย หน่ะครับ ดูจากการให้สัมภาษท์
พลาดพรั้งฉีดไปแล้ว จะกลับไม่ได้
Geert Vanden Bossche ,
Herd Immunity will never meet, ไวรัสจะกลายพันธ์ไปเรื่อยๆ และอันตรายขึ้น จากการระดมฉีดดวัคซีนทั้วโลก,  
์natural Immunity ภูมิคุ้มกันทางธรรมชาติ
ปกติภูมิคุ้มกันโดยกำเนิด (Innate immunity) หรือภูมิคุ้มกันชนิดไม่จำเพาะ เป็นด่านแรกในการต่อสู้และป้องกันเชื้อโรคที่เข้ามาในร่างกาย กลไกนี้ไม่จำเพาะเจาะจง (Specificity) กับเชื้อโรคชนิดใดชนิดหนึ่ง
แต่ป้องกันโรคได้หลายชนิดและไม่มีความจดจำเชื้อโรค (Memory), หลังจากกำจัดได้แล้ว acquired immune ก็จดจำเชื้อได้ทุกส่วนไม่ว่าจะแตกเป็นเสี่ยงแต่ไหนร่างกายก็จดจำได้โดยธรรมชาติ

แต่หากเราฉีดวัคซีนเข้าไปในร่างกายเรา  innate Immunity ภูมิคุ้มกันโดยกำเนิด จะถูกบดบังและแทนที่ด้วย Adaptive Immune System ที่ได้มาจากการฉีดวัคซีน encode  specific spike protien เฉพาะเจาะจง ซึ่งไวรัส มันกลายพันธ์ไปไกลมากแล้ว spike protien ของไวรัสสายพันธ์ใหม่ๆ ก็เอาตัวรอดกลายพันธ์ เปลี่ยนไปเรือยๆ  ซึ่งเรารับเอา ภูมิคุ้มกันเฉพาะจงจง จากวัคซีนที่ใส่ไปก็อาจจะเอาไม่อยู่ แต่ที่เสียดายคือ ในขณะเดียว ภูมิคุ้มกันโดยกำเนิด innate immune ก็ดันถูก disable ปิดไปแล้ว หลังจากนี้ทุกครั่งที่สัมผ้สเข็อโรคจริง ระบบ๓ูมิคุ้มกันร่างกายเราก็จะ ใช้ aNTI BODY & T Cell ที่ ถูกกำหนดแบบ แป็ะ ๆ จากการฉีดวัคซีน ซึ่งบางครั้ง เขื้อมันกลายพันธ์ไปมากแล้วและ spike protien ที่ encode ไว้ใน messager RNA เข้าไปก่อนหน้า ก็ ไม่ตรงกันเอาไม่อยู่แน่ ซึ่งลองศึกษาเหตุการ์ณ ณ ปัจจุบัน 23่july2021 .ในอเมริกาเองคนใน white house ฉีดครบ dose เริ่มติดแล้ว คาสิโนในลาสเวกัส ฉีดแล้ว2เข็มก็ติดแล้ว เป็นพาหะนำเขื้อไปสู่ผู้อื่นได้อีกด้วย  ทหารอังกฤษเป็นร้อยๆคนฉีดครบสองเข็มในเรือบรรทุกเครื่องบินก็ติดกันทั้งหมดแล้ว  ที่นี่ทำไงดีตอนนี้ รอดยาก ?
red cross ก็ประกาศไม่รับบริจาคเลือดจากผู้ที่ฉีดวัคซีนไปแล้วเพราะพลาสม่า ใช้ช่วยคนไม่ได้ ยกเว้นพลาสม่า ของคนที่เคยติดแล้วหาย พลาสม่า จะมีประโยชน์มาก ช่ายคนได้ ดูเหมือน วัคซีนไปปิดสวิทต์ ภูมิคุมกันทางธรรมชาติของ เราหมดเลย และ มันย้อยกลับไปไม่ได้ด้วย นี่สิ น่าคิด

ปกติฉีดวัคซีน จะเกิด Adaptive immune system  เป็นระบบภูมิคุ้มกันที่มีความจำเพาะเจาะจง (specific immune system) ต่อชนิดของเชื้อโรค มีการจดจำเชื้อโรคที่เข้ามาตั้งแต่ครั้งแรกและการตอบสนองครั้งต่อไปจะรุนแรงขึ้น การเกิดการตอบสนองแบบ acquired เรียกว่า adaptive เพราะเป็นการเตรียมร่างกายให้ตอบสนองต่อระบบภูมิคุ้มกัน ต่อสู้กับเชื้อโรคที่จะเข้ามาในภายหลัง เมื่อเชื้อโรคเข้ามาภายใน
ร่างกายก็จะพยายามกำจัดเชื้อโรคเหล่านั้นทันที (autoimmunity) และระบบภูมิภูมิคุ้มกันแบบนี้เป็นพื้นฐานของการทำวัคซีน

https://www.youtube.com/watch?v=w3xq4cEHT0s&t=1399s

   การฉีดวัคซีน mRna หรือ Adenovirus ทำหน้าที่คล้ายกัน หลอดที่เราฉีดเข้าไปคือ เชื่อโรคจำลองที่มีเฉาะแขนไวรัส หรือที่เราเรียกว่า Spike Protien นั่นแหละ พอมันเข้าไปในกระแสเลือด Blood Steam มันก็เข้าไปจับ ACE2 เซลล์ในผนังหลอดเลือด ตอนนี้ไม่มีใครรุ้ว่ามันจะไปจับที่ไหนบ้าง เพราะ เส้นเลือดมันวิ่งไปทั่งร่างกาย ถ้าบางคนโขคร้ายมันไปฝังตัวในผนังเส้นเลือดบริเวนสมอง อาจเกิดอาการCVT Cerebral Venous Thrombosis ,หลอดเลิอดในสมองอุดตันจากลิ่มเลือดblood cotting หรือ อาจไปทำให้เกิดลิ่มเลือดในบริเวณหัวใจอาจทำให้เสียชีวิตได้กระกันหันก็เคยมีให้เห็น ในบ้านเรา แต่เราไม่ค่อยรู้ความจริงกันหรอก เพราะไม่มีใครพูดความจริง
สาเหตุของลิ่มมาจากไหน ส่วนมากบ้านเราพูดถึง วัคซีนเราจะพูดแค่ antibody แต่ในระบบภูมิคุ้มกันเรามีผู้เล่นอีกตัว คือ lymphocyte เม็ดเลืดขาว ที่จะเข้าทำลายเซลล์ที่ผลิต spike protien ในผนังหลอดเลือดในทุกๆที่ ที่หนามไวรัส หรือ spike protein ที่ถูกผลิตออกมาทะลุผนังด้านในหลอดเลือด พอเวลา เม็ดเลือดแดง platelet ผ่านไปสัมผัสหนามโปรตีน spike ก็ส่งสัญญานให้ เม็ดเลือดขาวเข้าโจมตี จึงเกิดความเสียหาย ของ host cell และเกิดลิ่มเลือด

https://www.youtube.com/watch?v=nqC7_oPjVR0
https://www.youtube.com/watch?v=0IBv3A8-ShI
https://thenewamerican.com/covid-shots-to-decimate-world-population-warns-dr-bhakdi/?fbclid=IwAR0ayqdr_kdck4SeTLBW4PKTd2jPxtvsp8j9mm0lHSe5n_4PiF4MfcWoWcE



ยังมีข้อมูลอีกเยอะ ที่ยังไม่เปิดเผย เช่นพวก สารห่อหุ้ม Lipid Nano particle อาจตกค้าง ในร่างกาย เช่น มีรายงานfrizer แปลจากภาษา ญี่ปุ่น ที่มาเปิดเผย หยุดฉีดให้คนตั้งท้องเพราะ มันไปตกค้างในรังไข่ Ovary และในส่วนอืนของร่างกายเรา อาจเป็นสาเหตุให้เกิดโรคในอนาคตอีก
https://www.youtube.com/watch?v=CA8qMb33Zyo

https://www.youtube.com/watch?v=w3xq4cEHT0s&t=1399s

เอาแค่นี้ก่อนหน่ะครับ
THE FEAR การเอาชนะความกลัว ได้เรา ต้องศึกษาให้เข้าใจ ก่อน เราจะได้ไม่ panic
ความคิดเห็นที่ 8
ปัจจุบันมันระบาดทั่วโลก

คน ไม่มีภูมิ ติดแล้วอาจจะตายได้

วัคซินช่วยให้มีภูมิ ติดแล้วเหมือนเป็นหวัดธรรมดาๆไม่ตาย

วัคซิน ดี ทุกยี่ห้อ ต้องรีบฉีด

ถ้ายังรอเลือกฉีดไฟเซ่อ เกิดติดวันนี้ อาจจะตายได้นะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่