แสงระวี….บทที่ 20 (รีไรท์)

กระทู้สนทนา

.


                 บ่ายวันเสาร์ที่บ้านของแสงระวีครึกครื้นไปด้วยญาติพี่น้อง และ คนบ้านใกล้เรือนเคียง มาร่วมแสดงความยินดีในวันนี้ บ้างมาทำข้าวปลาอาหารเตรียมรอการมาของครอบครัวหนึ่ง บ้างมาเฉย ๆ เพราะอยากรู้เรื่องราวที่จะเกิดขึ้นต่อไปหลังจากที่ครอบครัวหนึ่งมาถึง ญาติทั้งสองฝ่ายของแสงระวีมารวมตัวกันหมด

                  เสียงพูดคุยแข่งกันดังเจี๊ยวจ๊าวไปทั่วบริเวณบ้าน ทุกอย่างเตรียมการขึ้นตั้งแต่เมื่อวาน ญาติ ๆ ของเธอและพ่อกับแม่ต่างเตรียมจัดบ้านต้อนรับครอบครัวของหนึ่งอย่างดี พี่ ๆ เตรียมจัดดอกไม้ตั้งโชว์ ผ้าม่านสีชมพูผูกติดไปกับฝาผนังของบ้าน จัดกลีบให้สวยงาม

                  ลุงจันทร์เป็นคนที่มีลายมือสวย เวลามีงานส่วนรวมของหมู่บ้านลุงจันทร์ได้รับหน้าที่คนเขียนป้ายเสมอ ลุงจันทร์นำโฟมสีขาวมาเขียนชื่อของเธอและหนึ่ง ตกแต่งให้สวยงาม นำมาติดกับผ้าม่าน ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตนอย่างเต็มที่เพื่อเธอ อยากให้ออกมาดีที่สุด ลุงป้าน้าอาต่างมาแสดงความยินดีกับครอบครัวของเธอกันหมด

                 งานหมั้นระหว่าง
                 พชร และ แสงรวี

                
                  ข้อความที่เขียนบนป้ายโฟม ลุงจันทร์เป็นคนจัดการให้ทั้งหมด ป้ายถูกนำมาติดไว้ที่ผ้าม่านสีชมพู แสงระวีมองดูการจัดงานวันนี้คิดว่ามันเว่ออลังการไปหรือเปล่า แค่งานหมั้นพ่อแม่จัดยิ่งใหญ่อะไรขนาดนี้ แต่ก็ไม่คัดค้านอะไร ปล่อยให้พ่อแม่ญาติพี่น้องจัดการกันเองทุกอย่าง

                 เธอรู้ว่าทุกคนหวังดีกับเธอ อยากให้เธอได้รับสิ่งที่ดีที่สุด เพราะวันนี้มันเป็นวันของเธออีกหนึ่งวัน วันของเธอกับหนึ่ง ห้ามไม่ได้ว่าคนที่มีความสุขมากกว่าพ่อแม่คือตัวเธอเองนั่นแหละ

                  ย่ากับยายนั่งคอยการมาของหนึ่งในบ้าน แม่กับป้า ๆ ทำกับข้าวในครัวรองรับแขกคนสำคัญที่กำลังจะมาถึง รวมทั้งเพื่อนบ้านบางคนมาช่วยงานเพราะเป็นคนบ้านใกล้กัน ย่านำซิ่นไหมมาให้ใส่ แสงระวีรู้สึกเขินมากที่ต้องใส่ผ้าถุงแบบคนสมัยก่อน

                  เจนเลือกซิ่นสีน้ำเงินออกม่วงลายสนหรือลายต้นสนมาให้ คิดว่าสวยที่สุดแล้ว เธอไม่เคยใส่เลยสักครั้ง ย่านุ่งให้เธอพร้อมนำเข็มขัดเงินของย่ามารัดเอวให้แน่น ใส่คู่กับเสื้อลายลูกไม้สีขาวดูเข้ากันมากกับทรงผมถักเปียเป็นมงกุฎโดยฝีการถักของเจน

                 นี่เป็นอีกคนที่ตั้งใจแต่งองค์ทรงเครื่องให้น้องสาวอย่างเธอมาก คอยเลือกเสื้อแม้กระทั่งผ้าซิ่นของย่าให้ใส่ ลายไหนสีอะไรเจนเป็นคนจัดแจงเลือกให้ทั้งหมด แลดูสวยแบบกุลสตรี ถึงจะดูเรียบแต่ก็ออกมาสวยงาม เธอหมุนซ้ายหมุนขวาที่หน้ากระจกตู้เสื้อผ้า ภายในห้องนอนของตัวเอง

                  “ไหนมืงลองเดินให้ดูหน่อยวี เดินถนัดปะ” เจนบอกให้แสงระวีลองเดินให้คล่อง ไม่ใช่ใส่ ๆ ไปแล้วผ้าซิ่นหลุดกลางงานอายพ่อแม่ญาติพี่น้องหนึ่งแย่เลย

                  “ได้อยู่เจน ได้อยู่ ๆ เข็มขัดก็รัดแน่นแล้วไม่หลุดชัวร์” แสงระวีพูดพร้อมเดินไปเดินมาภายในห้อง ก่อนที่จะนั่งลงบนเตียง

                  “วีเจนมาถ่ายรูปกัน” เจลหยิบโทรศัพท์มาถ่ายรูปคู่กับเธอ ถ่ายรูปด้วยกันทั้งสามคน ทั้งสามคนนั่งติดกันเจลยกโทรศัพท์ขึ้นถ่ายรูป “วีมากูถ่ายเดี่ยวให้”

                  “ได้ ๆ “ แสงระวีลุกหามุมที่แสงสว่างได้ ลงตัว ไม่ดำไม่ขาวเจิดจ้าเกินไป “มุมนี้เจลมุมนี้แสงได้”

                  “เค” เจลกดกล้องโทรศัพท์ถ่ายรูปแสงระวีเก็บไว้หลายรูป ทั้งสามคนสลับกันถ่ายรูปคู่กัน ถ่ายรูปเดี่ยวบ้าง ฆ่าเวลารอการมาถึงของหนึ่ง

                 ไม่นานรถตู้สีขาวก็วิ่งเข้ามาจอดภายในบริเวณหน้าบ้าน เป็นรถของใครไปไม่ได้นอกจากรถของครอบครัวหนึ่ง ทุกคนเปิดประตูรถลงมาราว ๆ แปดคนได้ พ่อแม่หนึ่งน่าจะพามาแค่บุคคลสำคัญ

                  ทุกคนเดินเข้ามาภายในบ้านของแสงระวี พ่อกับแม่ต้อนรับอย่างดี ทุกคนมีแต่รอยยิ้มสำหรับวันนี้ แสงระวีภาวนาขอให้มันผ่านไปด้วยดี อย่าให้มีเรื่องหม่นหมองหรืออะไรที่ทำให้ตกลงกันไม่ได้เลย

                  ทุกคนรับไหว้พร้อมเดินเข้ามานั่งในบ้าน หนึ่งอีกคนที่ยิ้มไม่หุบ คงตื่นเต้นดีใจไม่แพ้กัน พี่นิวกับแพมก็มาด้วย ทั้งสองไม่ได้แสดงกิริยาสนิทสนมกันออกนอกหน้าเวลาอยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่ ดูผิวเผินก็เหมือนเพื่อนทั่วไป ถ้าไม่ได้ยินจากปากทั้งสองคนจะไม่มีใครรู้ในความสัมพันธ์นั้นของทั้งสองคนเลย

                  พี่นิวกับแพมใส่ชุดแซ็กลายลูกไม้สีชมพู แพมใส่สีขาวแลดูสวยน่ารักเรียบร้อย หนึ่งกับพี่นิวและแพมมองเธอเป็นสายตาเดียวกันคงแปลกตากับการแต่งตัวของเธอในวันนี้ ทำให้รู้สึกอายขึ้นมาดื้อ ๆ และ มันก็ทำอะไรไปมากกว่าการยิ้มและแกล้งเป็นคนมั่นใจในตัวเองเท่านั้น

                  หนึ่งแต่งตัวเรียบร้อยถนัดตา แลดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมามาก ใส่เสื้อคอโปโลสีขาว กางเกงขายาวสีครีมอ่อนรับกับสีผิวขาวได้เป็นอย่างดี ใบหน้าเรียวได้รูปใสสะอาด มีไรหนวดเคราราง ๆ คงผ่านการโกนมาหมาด ๆ คิ้วเข้มหนาดกดำ ตาชั้นเดียว ทรงผมจดทรงให้เรียบร้อย ดูรวม ๆ หล่อเหลาเอาการมาก

                 แสงระวีไม่เคยเห็นหนึ่งในลุคนี้เลย ส่วนมากจะเป็นในชุดนักเรียน ถึงจะเป็นชุดลำลองหนึ่งก็ไม่เคยแต่งตัวจัดเต็มขนาดนี้ รวมทั้งตนเองด้วยที่หนึ่งคงแปลกตาเช่นกัน หนึ่งมองและยิ้มไม่หุบ

                  “คนไหนวีล่ะ” คนสูงอายุผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้น ขณะเดินเข้ามานั่งภายในบ้านของเธอ ไม่มีโต๊ะ ไม่มีเก้าอี้ ไม่มีโซฟา มีแค่เสื่อทอด้วยกกที่ยายและย่านำมาปูรองให้แขกนั่ง

               เสื่อถูกปูทั่วห้องโถงของบ้าน ทุกคนที่มาในงานนี้ต่างทยอยเข้ามานั่งในบ้าน เฉพาะญาติผู้ใหญ่ เด็ก ๆ หนุ่มสาวต่างพากันอยู่ข้างนอกคอยฟังข่าวคราวการพูดคุยของผู้ใหญ่จะไปในทิศทางไหน แอบฟังอยู่ห่าง ๆ  

                 “คนนี้ครับยาย” หนึ่งยิ้มและผายมือมาทางที่เธอนั่ง เธอยกมือไหว้อีกครั้ง คนนี้ยายของหนึ่งเธอเก็บรายละเอียดเอาไว้ ยังไม่เคยเจอญาติผู้ใหญ่ของหนึ่งเลย โดยเฉพาะฝ่ายของแม่ เนื่องจากแม่ของหนึ่งเป็นคนต่างจังหวัด

                 ถัดไปเป็นคนสูงอายุอีกคนหนึ่ง ผมหงอกทั่วศีรษะไม่แน่ใจว่าหงอกเองหรือย้อมสีขาว แต่ที่แน่ใจคือคนนี้ย่าของหนึ่งเอง แสงระวีเคยเจอมาแล้ว ส่วนคนที่นั่งข้างพ่อคือปู่ของหนึ่ง แสงระวีเคยเจอทั้งปู่และย่ามาแล้วเมื่อครั้งไปทำธุระให้พ่อของหนึ่ง พ่อใช้ให้หนึ่งไปบ้านย่าจึงชวนตนเองไปด้วย แสงระวีจึงได้ทำความรู้จักกับท่านทั้งสองคนมาก่อนหน้านั่น

                  ครอบครัวหนึ่งมาถึง ญาติฝ่ายเธอต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดี แม่ขอให้ทุกคนรับประทานอาหารกันก่อน พึ่งมาถึงควรพักผ่อนให้ผ่อนคลายก่อน จะได้ไม่เครียด และ ถึงแม้ว่าพ่อแม่หนึ่งจะบอกว่าทานมาแล้วก็ตาม ฝ่ายบ้านของเธอก็ต้องการที่จะให้รับประทานข้าวก่อนเพราะเตรียมไว้หมดแล้ว

                 พ่อแม่ของหนึ่งไม่ขัดความตั้งใจ ทุกคนล้อมวงรับประทานอาหารวงใหญ่ภายในบ้านของเธอ มีเพื่อนบ้านบางคนทยอยกันเข้ามาร่วมด้วย อย่างฟังเรื่องราวการหมั้นหมายของพวกเธอสองคน

                  ไม่มีความเขินอายของเธอและหนึ่ง ทุกคนทำตัวตามสบาย ครอบครัวของหนึ่งพูดคุยสนทนากับครอบครัวของเธออย่างถูกคอและเป็นกันเอง พ่อของเธอแอบดื่มเหล้าย้อมใจมาก่อน แต่ไม่ถึงกับเมา พ่อบอกว่าเดี๋ยวคุยไม่รู้เรื่อง

                  ลึก ๆ ภายใต้จิตใจมันยังหวั่นเกรงว่าเรื่องมันจะจบแบบไม่ลงตัว เธอเที่ยวภาวนาขอให้มันผ่านไปด้วยดี สุดท้ายเวลาที่รอคอยและลุ้นระทึกก็มาถึง หลังจากทุกคนรับประทานอาหารเสร็จ

                  ผู้ใหญ่ทั้งสองฝั่งคุยกัน เธอ หนึ่ง เจล และเจนออกมานั่งรอฟังคำตอบข้างนอก พวกเธอพากันมานั่งที่หน้าบ้านของเพื่อนบ้านที่อยู่ติดกัน คอยฟังเงียบ ๆ ยังพอได้ยินพวกผู้ใหญ่คุยกัน ดังนั้นทุกคนจึงเอาแต่เงียบไม่ค่อยคุยกันเท่าที่ควร หูคอยฟังในสิ่งที่ผู้ใหญ่สนทนากันในบ้านของเธอ จู่ ๆ มีรถเก๋งสีดำขับเข้ามาจอดช้า ๆ ข้างรถตู้ของหนึ่ง เป็นใครไปไม่ได้นั่นคือเก้ากับปุ้มนั่นเอง ทั้งสองคนตามมาด้วย

                  “ไหนมืงบอกไม่ว่างไอ้เก้า” หนึ่งถามเก้าแต่ไม่ได้ซีเรียสอะไร

                  “ก็พึ่งว่างเนี่ยทำธุระเสร็จพวกกูสองคนก็รีบมาเลย ว่าไงบ้างวะ” เก้าชำเลืองมองเข้าไปในบ้าน เห็นผู้ใหญ่กำลังคุยกัน  เก้ากับปุ้มเผยยิ้มออกมาเมื่อมองการแต่งตัวของแสงระวี คงไม่เคยเห็นแต่งตัวเรียบร้อยแบบนี้ ยิ่งทำให้แสงระวีเขินเข้าไปอีก

                  “เก้ากับปุ้มอย่ามองแบบนี้ได้มั้ยวีอายนะ” เมื่อเจอสายตาและรอยยิ้มของทั้งสองคนทำเอาแสงระวีขาดความมั่นใจไปเลย ทั้งที่มั่นใจมาตลอดทั้งวัน

                “คุยอยู่ ยังไม่รู้เลย” หนึ่งตอบ พวกเธอไม่ได้เข้าไปฟังผู้ใหญ่คุยกัน “ลุ้นอยู่เนี่ย” หนึ่งพูดประโยคนี้ออกมาเบา ๆ

                  “มันต้องออกมาดีน่าหนึ่ง คิดในแง่ดีไว้” ปุ้มปลอบใจหนึ่งและแสงระวี ประโยคที่หนึ่งพูดทำเอาคิดมากเหมือนกัน จากลึก ๆ คิดมากมาทั้งวันอยู่แล้ว

                  “เจนคบมาหลายปีแล้วเนี่ยเมื่อไหร่จะมีแบบนี้กับเค้า” เก้าแอบแซวเจน เห็นว่าคบกับพี่มอสมาหลายปีเหมือนกัน “โห่ให้วีแซงได้ไง” ทว่าโดนค่อนขอดด้วยปุ้มที่ถามอะไรไม่เข้าท่า

                  “กูต่อให้อี่วีก่อนเลย” เจนตอบ

                  “เจนมืงก็บอกไปสิ พ่อแม่พี่มอสยังไม่มีเงิน” ปุ้มพูดแทนพร้อมหัวเราะเกรงว่าจะเครียดเกินไป

                  ไม่นานพี่มอสก็ตามมาอีกคน ทุกคนเกือบจะอยู่พร้อมหน้ากันขาดก็เพียงแฮ็คเกอร์ไม่ได้มาด้วย ทั้งหมดนั่งเล่นที่แคร่หน้าบ้านของเพื่อนบ้าน ซึ่งบ้านอยู่ติดกัน คอยฟังที่ผู้ใหญ่คุยกันว่าอย่างไรบ้าง

                 พอเก้ากับปุ้มมาพวกเธอก็เลิกสนใจฟัง ทำให้ไม่ได้ยินบางช่วงบางตอนอาจจะเป็นช่วงจังหวะสำคัญก็ได้ และแล้วก็ได้ยินเสียงปรบมือดังและเสียงเฮดังมาจากภายในบ้านของเธอ น้องวายเดินตรงมาหาพวกเธอนั่งเล่นกันอยู่

                 “พี่วีกับพี่หนึ่งพ่อเรียกให้ไปหา” เมื่อน้องวายมาตาม ทุกคนจึงเดินเข้าไปในบ้าน หนึ่งเดินนำหน้าตามด้วยแสงระวีและคนอื่น ๆ

                  หนึ่งกับเธอค่อย ๆ ก้มย่อตัวเข้าไปนั่งตรงฉากที่จัดเตรียมไว้ มองเห็นครั้งไหนมันก็มีความสุขในหัวใจ ไม่คิดว่าเธอกับหนึ่งจะมีวันนี้ได้ บางครั้งทะเลาะกัน งอนกันรุนแรงเกือบเลิกสุดท้ายก็กับมาคืนดีกันใหม่จนได้ พอนึกถึงตรงนี้เธอก็พลันน้ำตาจะไหล ทำไมวันนี้ตัวเองอ่อนไหวง่ายเหลือเกิน

                  “ไหนละคู่หนุ่มสาว ลูกสาวกับลูกเขยเอ็งอยู่ไหนล่ะเรียกเข้ามาสิ” ตาทวดถามหาเธอกับหนึ่งด้วยมองไม่ค่อยเห็น

                  “มาแล้วจ้ะตา วีกับหนึ่งเข้ามานั่งตรงนี้ลูก” แม่ตอบตาทวดพร้อมเรียกพวกเธอให้เข้ามานั่งใกล้ตาทวด ทุกคนขยับเป็นทางให้เธอและเขาเข้าไปนั่งตรงกลางฉากที่จัดไว้

                  “หนึ่งเข้ามาลูก วีด้วย” พ่อของหนึ่งและทุกคนขยับหลีกทางให้พวกเธอคลานเข้ามา ตรงหน้าฉากใกล้ ๆ กับตาทวดมีตลับรูปหัวใจสีแดงขนาดกลางหนึ่งอันวางไว้บนพาน มีผ้าปูรองพานวางที่พื้นด้วย ตลับสีแดงขนาดเล็กหนึ่งอัน พร้อมธนบัตรแบงค์พันใหม่เอี่ยมจำนวนหนึ่งวางคู่กับตลับนั่น

                  แสงระวีหัวใจเต้นแรงอีกครั้ง ตื่นเต้นก็คนพึ่งเคยนี่ ทั้งดีใจทั้งตื่นเต้นปะปนกันไปหมด ทั้งจะร้องไห้ก็มิปาน นี่ใช่ไหมผลผลิตและสิ่งตอบแทนที่สองคนจริงใจต่อกันและไม่ล่วงเกินซึ่งกันและกัน

                  “ปู่ขอจองไว้ก่อนนะหลาน ยังไม่ได้กำหนดวันแต่ง แต่เป็นการจองไว้ให้หลานชาย เขาจะไปเป็นตำรวจ เรียนจบได้เป็นเมื่อไหร่ ปู่จะมาหาวันหาฤกษ์ดีอีกครั้งนะ” ปู่ของหนึ่งพูดเพื่อเป็นข้อตกลง แสงระวีเขินยิ้มหน้าแดง พ่อกับแม่ก็ยิ้ม ปู่ของหนึ่งพูดติดตลกไม่ได้จริงจังทุกคนหัวเราะกับคำพูดของปู่ทุกคน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่