สมัยก่อนจนปัจจุบัน พ่อค้าเอาของใส่กระบะ ขับเร่ขายตามสถานที่ต่างๆ เราเห็นกันจนชินตา สินค้า ทั้งอาหาร เครื่องใช้ จนรับซื้อของเก่า 

รถพุ่งพวง ขายผลไม้ สารพัด เข้ามาในหมู่บ้าน หากเขาจอดรถดับเครื่องขายเป็นจุดๆ จะไม่เดือดร้อนเท่าไหร่ 

แต่ เมื่อเขาขายของแล้ว ไม่ดับเครื่อง จอดหน้าบ้านใครคือ พามะเร็งมาส่งแท้ๆครับ กลิ่นควันท่อไอเสีย เหม็นเข้ามาถึงในบ้าน รถดีเซลส์ สุขภาพแย่ๆ เข้ามาแสบจมูกมาก เหม็นมาก 

คือถ้าเรากลัวผลกระทบไฟไหม้โรงงานตรงกิ่งแก้ว เราก็ควรจะนึกออกว่า ไอ้กลิ่นท่อไอเสียนี่น่ะมัน เดลิเวอรี่ ถึงหน้าบ้านเรา ปีละกี่ครั้ง ทุกครั้งมาการจอดรถแล้วไม่ดับเครื่องมีกี่หน ผมว่ากฎหมายควรออกมาให้ชัดเจนเกี่ยวกับพวกอาชีพเก่าๆ ที่สร้างโรคร้ายให้กับประชาชนตามชุมชนแบบนี้ได้แล้ว ว่า ห้ามติดเครื่องจอดรถขายของเกินกว่า 1 -2 นาที 

คือ คนเขาอยู่บ้านที่ไกลถนนแล้ว คุณยังขนควันส่งเข้าไปในบ้านเขา 1 - 2 นาทีที่เราสูดดมกลิ่นจากท่อไอเสีย มันหนักหนานะครับ ถ้าเขาจะบอกว่า แปีปเดียว แต่เขาอยู่ในรถ หรือ ที่โล่ง  แต่กลิ่นน่ะเข้าบ้านเรา วนเวียนอีกนานแค่ไหน ถ้า 5 - 10 นาทีนี่คือ ใครเสียสุขภาพ ?

เข้าใจว่าทำมาหากิน แต่อย่าคิดว่า นิดๆหน่อยๆ ของคุณ คือไม่เป็นไร พวกนี้ขาดจิตสำนึกอย่างแรง และน่ารังเกียจมาก ถ้าจะขายก็ต้องดับเครื่อง เพราะสมัยนี้ ไม่ใช่จ่ายเงินสดจบนะ กว่าไอ้คนซื้อจะงุ่มง่ามเปิดแอป กว่าจะรอเน็ตช้า กว่าจะสแกนกันจบ หลายนาที ไปๆมาๆ เห็นแล้วหงุดหงิดมากบอกตรงๆ สุขภาพเรา บ้านเรา โดนบุกรุกจากรถขายของ ทั้งกลิ่น และ รวมถึง เครื่องขยายเสียงแบบ ประกาศเหมือนอยู่กลางทุ่ง หมู่บ้านซอยแคบๆ จะเปิดดังๆไปหาอะไร 

อยากให้มีกฎหมาย จัดการ การใช้เครื่องขยายเสียงติดรถขายของ และ เรื่องดับเครื่องยนตร์ออกมา เพราะ เรารณรงค์เรื่อง เลิกสูบบุหรี่ ทำร้ายคนรอบข้างแล้ว แต่เรื่องขายของทำร้ายประชาชนในหมู่บ้าน มันก็ไม่ต่างจาก คนสูบบุหรี่ หรือ จะแรงกว่าด้วยซ้ำ เพราะเครื่องยนตร์ดีๆ มันไม่มีกลิ่นแรงหรอก นี่แสดงว่าไม่บำรุงรักษาเครื่องยนตร์ดีเท่าที่ควร 

ระอา