พาลุยถนนดินลูกรังที่มีชื่อเสียงแถบ Kimberley Region ตอนเหนือของรัฐตะวันตก Western Australia ที่คนออสเตรเลียอยากไปกันมาก

กลับมาตามสัญญาที่ว่าจะพาเที่ยวแถบตอนเหนือของรัฐ Western Australia ค่ะเป็นแถบที่มีน้ำตก มีบ่อน้ำธรรมชาติซ่อนอยู่มากมาย ถนนสายนี้เป็นถนนที่ไม่ใช่แค่ลูกรังแต่มันเป็นระลอกตลอดสาย (Corrugated Road) ตลอดเวลาที่ขับกันนั้นเรานั่งกันประมาณว่าเป็นโรค Parkinson คอ-หัว-ตัวสั่นคลอนกันตลอดเส้นทาง ถนนเส้นนี้เรียกว่า Gibb River Road เป็นถนนเชื่อมเมือง Kunnunurra และเมือง Derby เข้าด้วยกัน ซึ่งสมัยก่อนพวกที่มีฟาร์มเลี้ยงวัวตามทุ่งจะใช้เส้นทางสมบุกสมบันนี้ขนส่งวัวเข้าไปยังท่าเรือที่เมือง Wyndham เพื่อส่งไปขายทั้งในและนอกประเทศ ตามระยะทางในแผนที่นั้นแค่ 660 กม. แต่เราต้องเลี้ยวซ้าย-เลี้ยวขวาขับเข้าไปดูความสวยงามทั้งหลายรวมเส้นทางลูกรังแล้ว 2750 กม. ระยะเวลา 10 วัน ทริปนี้ไม่เพียงแต่พาลุยป่าลุยเขา เราจะพาไปดูสิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้น ณ เมืองตากอากาศชายทะเลชื่อเมือง Broome ซึ่งเรียกว่า Staircase to the Moon อีกด้วย เบ็ดเสร็จรวมทั้งถนนลาดยางมะตอยและถนนลูกรังไปกันมาทั้งหมด 22 วันระยะทาง 5212 กม. แคมป์กันไปเกือบตลอดเส้นทางมีเข้าพักที่โรงแรมตอนถึงเมือง Broome เพียง 3 วันค่ะ

เส้นทางของถนนที่เป็นลูกรังในแผนที่ด้านล่างจะเห็นเป็นสีเขียวอ่อนค่ะ เริ่มทริปเมื่อ 11 มิย. กลับถึงบ้าน 5 กค. ขากลับเราใช้เส้นทางสีเขียวแก่จากเมือง Broome ถึงเมือง Kunnunarra เป็นถนนยางมะตอย



ถ้าผู้อ่านสนใจกระทู้ที่เคยพาเที่ยวประเทศออสเตรเลียมาก่อนหน้านี้ หาอ่านได้ที่
https://pantip.com/topic/39562443
https://pantip.com/topic/40638813

มาลุยกันค่ะ ... 

เราเริ่มเดินทางกันวันที่ 11 มิย.ออกจากบ้านเมือง Katherine รัฐ Northern Territory ซึ่งเป็นเมืองติดต่อกับรัฐ Western Australia ขับตรงไปยังเมือง Kunnunurra ระยะทาง 515 กม. ใช้เวลาเกือบ 6 ชม. เมืองนี้เป็นเมืองเริ่มต้นของทริปโหด รถที่ใช้เป็นรถ 4WD Toyota Fortuna Crusade เราแพ๊คเต้นเครื่องนอน ตู้เย็น 80 ลิตร เส้อผ้า อาหารไปเพียบค่ะ เพราะระยะ 9 วันที่เข้าไปในถนนลูกรัง Gibb River Road นั้นมีร้านค้าแค่ 1 ร้านซึ่งจะอยู่ค่อนข้างไปทางสิ้นสุดของถนนสายนี้ แถมราคาโหดมาก ๆ ระยะ 9 วันน้นไม่มีสัญญาณโทรศัพท์หรือใด ๆ ทั้งสิ้นค่ะ


รถที่ใช้และของเพียบอยู่หลังรถค่ะ

ก่อนออกเดินทาง ขอแวะพาเที่ยว Katherine Hot Springs บ้านเรากันก่อนค่ะ อยู่ในตัวเมืองเลย เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของคนเมืองนี้และนักท่องเที่ยวทั้งหลายแต่จะปิดช่วงหน้าฝนค่ะ น้ำอุ่นตลอดปี



เราเริ่มขับรถออกใช้ถนน Victoria Highway พอใกล้จะเข้าเขต WA ก็จะเริ่มเห็นต้น Boab ซึ่งมีลักษณะเหมือน up side down tree มีลำต้นปล่องกลาง มีกิ่งก้านเพรียวเหมือนรากของต้นไม้มากกว่า เปรียบเสมือนเป็นต้นไม้ที่มีรากเหนือพื้นดินชี้ไปบนท้องฟ้า



มีคนมาสลักชื่อเข้าไว้ตั้งแต่ปี 1906 ขับเข้าไปเจอะโดยบังเอิญเพราะต้องการปลดทุกข์ในป่าค่ะ ต้นนี้ใหญ่มโหฬารกว่าต้นที่ Mr Gregory สลักไว้ (ภาพด้านล่าง)

ต้นด้านล่างนี้เป็นจุดท่องเที่ยวมีป้ายปิดไว้ให้เข้าไปดูบนริมถนนว่า Gregory Treee มีตำนานเล่ากันว่านาย Gregory แล่นเรือมาเมื่อ 13 ตุลา 1855 เรือมาชำรุดเลยต้องหยุดซ่อม เค้าใช้เวลาซ่อมเกือบ 1 ปี เค้าสลักวันที่จากไปไว้ เมื่อ 2 กค 1856 ต้นนี้เล็กกว่าต้นที่ไปเจอะโดยบังเอิญตอนไปปลดทุกข์




สภาพทิวทัศน์สองฝั่งบนถนนเส้นนี้เป็นภูเขาที่มีรอยตะเข็บแนวนอนเป็นรอยระดับน้ำทะเลบนยอดเขาไว้ให้ดูว่า แถบนี้จมอยู่ในทะเลมาหลายล้าน ๆ ปีค่ะ



ขับกันไปเรื่อย ๆ ก็ถึงด่านตรวจคนข้ามรัฐ ที่ด่านของรัฐ WA นี้เข้มงวดเรื่อง Fruit Flies มากค่ะ ห้ามนำผลไม้หรือผักข้ามเขตแดน ใครพกติดมาต้องเอาทิ้งค่ะ ไม่เหมือนตอนขากลับเข้ารัฐ NT ผ่านฉลุย ขับต่อมาอีก 50 กม.ก็ถึงเมือง Kununurra พักตั้งแคมป็กัน 2 คืน ที่แคมป์นี้อยู่ติดกับทะเลสาบน้ำจืดมีที่อาบน้ำร้อน มีบริเวณให้ทำอาหารได้ สะดวกมาก นักท่องเที่ยวที่พ่วงคาราแวนมาและทั้งขับรถอย่างเดียวไม่มีอะไรพ่วงแบบเรามาพักกันเพียบ กลายเป็นจอแจมากค่ะ พอตี 4 ก็จะได้ยินเสียงนกร้องหลายชนิดเพราะติดกับทะเลสาบกลายเป็นหนวกหูมาก ๆ


เช้าตื่นมากินข้าวกันแล้วก็ออกไปดูแหล่งท่องเที่ยวที่เมือง Kunnunurra มีให้ชมซึ่งไม่ไกลจากที่ตั้งแคมป์เรียกว่า Mirrima Walk at Mirrima National Park ไปดูภูเขาหินทราย Sandstone formations อายุ 360 ล้านปี มีสีแดงสวยงามกันค่ะ 

หลังจากนั้นเราก็ไปเที่ยวโรงงานผลิตสุราซึ่งทำด้วยอ้อยเป็นหลัก เราเคยมาที่นี่ 18 ปีที่แล้ว รสชาดของเหล้าที่นี่มีอยู่ 1 ชนิดอร่อย หอม หวาน เวลาทานราดไปบนไอศครีมวนิลาค่ะ ชื่อว่า Cane Royale เมื่อก่อนขายแต่เหล้าซื้อยกกันเป็นขวดอย่างเดียว เราเข้ามาซื้อก็มีแต่เราที่เป็นลูกค้า แต่เดี๋ยวนี้รุ่นลูก รุ่นหลาน มีเหล้าเพิ่มขึ้นอีกหลายชนิดบริการนักท่องเที่ยวมีให้ชิมเป็นจอกเล็ก ๆ และมีอาหารสไตล์ค่าเฟ่บริการอีกด้วย

ทางร้านเก็บ Cane Royal ที่เราชอบ (รุ่นเก่า)ไว้ตามภาพด้านล่าง

ภาพล่างนี้คือสมัยเมื่อก่อนบรรจุภัณท์ที่มีขาย 


ภาพล่างคือ Cane Royale ในปัจจุบัน

ราดไปบนไอศกรีมวนิลา หอม อร่อยมากค่ะ

สมัยปัจจุบันเปลี่ยนบรรจุภัณท์ใหม่เสริฟเป็นจอกเล็ก ๆ ชิมได้ทุกชนิด

พอตกค่ำก็ไปกินอาหารเย็นที่ร้านอาหารริมทะเลสาบน้ำจืดฝีมือมนุษย์ขุดเองขนาดใหญ่ยักษ์ยาว 55 กม. กว้าง 400 เมตร ดูตะวันตกดินกันค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่