จขกท มีโอกาสได้มาทำงานในสิงคโปร์ บังเอิ๊ญเอิญได้บินช่วง ก.พ. ปี 63 ไม่กี่เดือนก่อนสิงคโปร์จะประกาศ Full-lockdown เรียกได้ว่าฉิวเฉียด เกือบไม่ได้บิน เกือบไม่ได้งานกันไปเลยทีเดียว และนับจากวันนั้นจนถึงวันนี้ เป็นเวลาปีกว่าแล้วที่ไม่ได้กลับบ้าน ต้องอยู่เผชิญชะตากรรมกับอีโควิดที่นี่ จะกลับไปเยี่ยมญาติพี่น้องเพื่อนฝูงที่ไทยไม่ได้ก็เพราะมัน เพราะอีโควิค-19 (โมโหมาก) เลยอยากรีวิวการจัดการของประเทศสิงคโปร์ต่อโรคระบาดนี้ให้ท่านผู้อ่านทั้งหลายได้เพลิดเพลิน โดยจะแบ่งเป็น 3 หัวข้อ คือ การสื่อสาร, การช่วยเหลือของภาครัฐ และมาตรการต่างๆที่ออกมาบังคับใช้
ขอ disclaimer ไว้ก่อนว่าที่เขียนนี่มาจากมุมมองของตัวเอง จากคนไทยเด๋อๆตาดำๆ ข้อมูลอาจไม่เป๊ะ ฉะนั้นให้เสพเหมือนเพื่อนเล่าเรื่องให้ฟัง มีอะไรอยากแย้งก็ให้พูดกันดีๆ และที่เขียนมาไม่ได้ชี้นำให้ท่านเอาเปรียบเทียบกับประเทศไหน ถ้าท่านจะเปรียบเทียบก็แล้วแต่วิจารณญาณของท่านเอง และคำวิบัติใดๆในนี้จงใจเขียนเพื่ออรรถรส ขอให้ดึงสติกลับมาก่อนจะดราม่า ขอบพระคุณ เอาล่ะถ้าเข้าใจตรงกันแล้วก็เริ่มกันได้เลย ไปโล้ดดด
1.การสื่อสาร
ขอยกเรื่องการสื่อสารมาเป็นอันดับแรก เพราะในภาวะวิกฤต การสื่อสารจากภาครัฐไปสู่ประชาชนเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะถ้ามันยุ่งเหยิงวุ่นวาย ประชาชนก็งงสิจ้ะว่าจะให้ชั้นทำอะไร ดังนั้น direction จากทางรัฐต้องออกมาเป็นทิศทางเดียวกัน ซึ่ง จขกท เห็นว่า ตรงนี้สิงคโปร์ทำได้ดีมาก เรามาดูกันว่าการสื่อสารกับประชาชนนั้นเค้าทำกันอย่างไร
1.1) ประกาศจากรัฐบาลนั้นจะมาจาก 2 ช่องทาง ทางแรกคือประกาศผ่านโทรทัศน์ ซึ่งนานๆมีที ไม่สะเปะสะปะ นายกฯ Lee Hsien Loong จะออกมาพูดในเรื่องสำคัญๆ อย่างเช่นการประกาศ lockdown ประกาศคลาย lockdown รวมถึงแถลงเกี่ยวกับแผนที่รัฐบาลจะทำในเร็วๆนี้ และเรื่องอื่นอย่างมีอะไรน่าเป็นห่วงบ้าง จะโฟกัสจุดไหนก่อน วัคซีนใครได้ก่อน นายกฯก็จะประกาศให้รับรู้โดยทั่วกันแบบสดๆ พร้อมถ้วยชามหัศจรรย์บนโพเดี้ยม
แถลงภาคภาษาอังกฤษจบแกก็จิบชาไปทีนึง แล้วก็เปลี่ยนไปพูดภาษาจีนที่มีเนื้อหาเดียวกัน อิไทยที่นั่งฟังอยู่ก็ขนลุกซู่ๆ ขนลุกในความใส่ใจของรัฐที่เค้าคิดมาแล้วว่าคนทั้งประเทศต้องเข้าใจตรงกันไม่ว่าจะพูดคุยภาษาไหน และแล้วนายกฯกับถ้วยชาของเค้าก็เป็น meme ไปทั้งประเทศ ไม่ว่าแถลงกี่ครั้งแกก็ต้องพกชามาวางบนโพเดี้ยมด้วย
1.2) ทางที่ 2 คือผ่าน WhatsApp ประเทศนี้นางไม่นิยม Line กัน ดังนั้นอยากติดตามข่าวสารจากรัฐแบบรายวันก็ไปตาม Official account ของทางรัฐใน WhatsApp กันจ่ะ
แล้วในประกาศมีอะไรบ้าง? หลักๆแล้วก็จะอัพเดทจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ ผู้ที่หายป่วยกลับบ้าน หรือที่อยู่ใน ICU และผู้เสียชีวิต ซึ่ง 2 อย่างหลังนี่ จขกท ไม่ได้เห็นมาเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว และนอกจากนั้นก็มีเรื่องจิปาถะเล็กน้อยตามที่เค้าอยากจะบอก รวมถึงสรุปหลังจากนายกฯแถลง หน้าตาก็จะประมาณนี้
ขออภัยรูปใหญ่ไปนิด จขกท.ย่อรูปไม่เป็น
แต่ทางรัฐจะไม่ประกาศ timeline ผู้ติดเชื้อมาเด้อ ประชาชนคนไหนอยากรู้รายละเอียดให้ไปหาอ่านข่าวเอาเอง เพราะอะไรเดี๋ยวเราจะมาพูดถึงในหัวข้ออื่นกัน
โดยรวม จขกท ให้คะแนนการสื่อสารจากทางรัฐไปเลย 5/5 คะแนน เพราะไม่เคยงงหรือสับสนแม้แต่ครั้งเดียวเวลาที่รัฐออกประกาศอะไรใหม่ๆมา และยังรู้ว่าตอนนี้รัฐกำลังทำอะไรอยู่ ทุกอย่างชัดเจนไม่มีอะไรให้ย่นคิ้วใส่
2.การช่วยเหลือจากรัฐบาล
2.1) ในฐานะคนไทยตาดำๆ ตอนเค้า lockdown ใหม่ๆเมื่อปีที่แล้วก็ตื่นเต้นยกใหญ่ งานเราก็ WFH ไม่ได้ต้องทำในออฟฟิสเท่านั้น แล้วยังไงล่ะทีนี้ ต้องนอนแกร่วๆอยู่เสยๆไปเกือบ 2 เดือนเค้าคงไม่ไล่เราออกแต่เค้าจะหักเงินเรามั้ย? คิดไปสะระตะ แต่เปล่าจ่ะ ทุกอย่างปกติ เงินเข้าตรงเวลาและตามจำนวนเป๊ะ และทุกคนไม่ว่าจะทำงานอยู่ใน sector ไหน จะได้รับค่าจ้างตามปกติ นั่นก็เพราะว่ารัฐบาลจ่ายเงินเยียวยาให้แก่ผู้ประกอบการทุก sector ในช่วง lockdown เค้าถึงได้มีเงินจ่ายลูกจ้างได้ตามปกติ
แต่เดี๋ยวก่อน จขกท ไม่ได้พูดถึงบางกิจการที่ทำท่าจะไปไม่รอดตั้งแต่ก่อน lockdown นะ อย่างบางร้านในห้างเก่าๆ ขายพวกโทรศัพท์ตู้ จขกท ก็เห็นเค้าปิดประตูเหล็กลั่นกลอนไปแล้วเหมือนกัน ใดๆก็ตามเวลาพูดถึงว่ารัฐเยียวยาให้ทุกคน ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะรอด เพราะมันมีปัจจัยเสริมต่างๆอีกมากมายที่จะทำให้กิจการรอดหรือร่วง และนั่นก็ไม่ได้แปลว่ารัฐบาลไม่ได้ทำอะไรเลย โอเคนะ
2.2) พูดถึงเรื่องใหญ่ๆจบ มาถึงเรื่องเล็กๆน้อยๆ กันบ้าง นั่นก็คือการแจก Mask ฟรี!!
(Credit: The Straits Time)
คนเด๋ออย่างเราตื่นเต้นมากที่เค้าจะแจกหน้ากากอนามัยฟรีให้ ตอนแรกนึกว่าต้องดั้นด้นไปที่ไหนซักที่เพื่อไปเอาหน้ากากตามจุดต่างๆ แต่ปรากฏว่ารัฐบาลมีเรื่องให้คนเด๋อได้ขนลุกตลอดเวลาอีกแล้ว นางเอาหน้ากากอนามัยใส่ตู้กดอัตโนมัติ แล้วไปวางตาม Cummunity Club และตามห้างใหญ่ๆ วิธีการง่ายมากแค่เอาบัตร Work pass ไปแสกนหน้าตู้ มันก็จะจ่ายหน้ากากออกมา จขกท ได้มาประมาณ 4-5 แผ่น (ลักษณะนามถูกเปล่า?) เป็นแบบ reusable mask หรือซักแล้วใส่ซ้ำได้ทั้งหมด แจกให้ทุกคนทั้ง citizen ทั้งชาวต่างชาติ เพียงแต่ถ้าเป็นคนบ้านเค้าจะได้เยอะกว่า เพราะรอบหลังๆ จขกท ไปแสกนแล้วมันไม่ให้ ฮือ
ประทับใจจนต้องถ่ายรูปเก็บไว้
Note: Community Club พูดให้เข้าใจง่ายก็เหมือนส่วนกลางหมู่บ้าน เพียงแต่สิงคโปร์มันไม่มีหมู่บ้านแบบบ้านเราจ่ะคุณ มันมีแต่บ้านเดี่ยว คอนโด และแฟลต(HDB) ดังนั้น Community Center จะตั้งอยู่ท่ามกลางตึกเหล่านี้ มีฟังก์ชันหลากหลายตามแต่ระดับความรวยของย่านนั้น เช่น สนามเด็กเล่น ห้องประชุม ห้องสันทนาการ ร้านอาหาร ATM ฯลฯ
2.3) Vaccine วัคซีน
Highlight ของกระทู้เลยก็ว่าได้ เพราะกำลังเป็นประเด็นร้อนดั่งนรกในบางประเทศอยู่ เรามาลองดูว่าสิงคโปร์จัดการยังไงกับเรื่องวัคซีน
เริ่มแรก จขกท ได้ข่าวมาตั้งแต่ช่วงต้นปีนี้ว่าวัคซีนเข้ามาแล้ว เป็นของ Pzifer, Moderna และ Sinovac โดยรัฐบาล ณ ปัจจุบันนี้ ให้ประชาชนฉีด Pzifer และ Moderna ฟรี ส่วน Sinovac เป็น Alternative vaccine หรือวัคซีนทางเลือกเสริม นั่นหมายความอยากฉีดก็ฉีดได้ โดยไปที่คลินิกที่รัฐอนุญาต แต่ต้องจ่ายเงินเองนะคุณ
ทางรัฐเริ่มฉีดวัคซีน Pzifer กับ Moderna ให้บุคลากรด่านหน้าเป็นอันดับแรกตั้งแต่เดือนมกราคม จขกท เกาะตามติดกราฟจำนวนผู้ได้ฉีดวัคซีนตลอด กุมภาก็แล้ว มีนาก็แล้ว กราฟของคนที่ได้ฉีดขึ้นแบบหลังเต่า คนเด๋อเริ่มหงุดหงิดแล้วว่าทำไมมันช้าจัง(วะ) จนเมษากราฟเริ่มเอียงขึ้น ฉีดวัคซีนได้ไวขึ้น นายกฯประกาศเพิ่มสถานที่ฉีด และเมื่อเร็วๆนี้เพิ่งประกาศว่า 2 ใน 3 ของคนสิงคโปร์ต้องได้รับวัคซีนก่อนวันชาติ (9 สิงหา) และ ณ ตอนที่ จขกท เขียน สิงคโปร์ฉีดวัคซีนไปแล้ว 3.4 ล้านโดส โดยมีคนที่ได้ฉีดเข็มสองเฉลี่ย 12,000 คนต่อวัน คนที่ได้วัคซีนแล้วคิดเป็น 60% ของประชากรทั้งหมด โดยประชากร ณ ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 5.9 ล้านคน
มาถึงเรื่องตัวเองบ้าง เราก็ลงทะเบียนออนไลน์ว่าสนใจจะฉีดวัคซีนไปตามปกติ เพื่อนสิงคโปร์ในออฟฟิส จขกท ก็ทยอยได้ฉีดไปตั้งแต่เดือนที่แล้ว หนุ่มๆสาวๆลงมาหน่อยก็ได้ฉีดเมื่ออาทิตย์ก่อน ส่วนชาวต่างชาติอย่างเราก็รอแกร่วๆไป เข้าใจได้ว่าต้องให้คนประเทศเค้าฉีดก่อนอ่ะเนอะ จนเมื่อวันพุธที่ 30 มิ.ย. มี SMS เด้งเข้ามา
คนเด๋ออย่างเราถึงกับต้องทิ้งงานทิ้งการรีบคลิกเข้าไปใน link อย่างไว ในนั้นมี slot เวลา วันที่ และสถานที่ให้เลือกไปฉีดวัคซีน ประทับใจที่ว่าสามารถกดเลือกวันเวลาที่จะฉีดเข็มสองได้เลย ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ ไม่ต้องจองวันอีกครั้ง เรียกว่าได้ครบจบในคลิกเดียว คนเด๋อทำเสร็จถึงกับลุกขึ้นยืนปรบมือพร้อมปาดน้ำตา
และแน่นอน
ทุกอย่างฟรีจ้าาาาาาาา เพิ่งเสียภาษีให้กับ IRS ไป ไม่เสียดายแม้แต่ดอลล่าเดียว
เพิ่งได้ฉีดวัคซีนมาสดๆร้อนๆ ก่อนกลับได้ mask แถมมาอีกกล่อง อย่าได้งงว่าทำไมเรียบเรียงได้เร็วมาก จขกท พิมพ์ทุกอย่างตั้งไว้ใน word ล่วงหน้าแล้ว
**มีต่อข้างล่าง เนื้อเกินจำนวนตัวอักษร
[รีวิวสิงคโปร์] มุมมองต่อการจัดการปัญหา Covid-19 ของประเทศสิงคโปร์ ตั้งแต่ต้น จนถึงวันที่ได้วัคซีนฟรี
ขอ disclaimer ไว้ก่อนว่าที่เขียนนี่มาจากมุมมองของตัวเอง จากคนไทยเด๋อๆตาดำๆ ข้อมูลอาจไม่เป๊ะ ฉะนั้นให้เสพเหมือนเพื่อนเล่าเรื่องให้ฟัง มีอะไรอยากแย้งก็ให้พูดกันดีๆ และที่เขียนมาไม่ได้ชี้นำให้ท่านเอาเปรียบเทียบกับประเทศไหน ถ้าท่านจะเปรียบเทียบก็แล้วแต่วิจารณญาณของท่านเอง และคำวิบัติใดๆในนี้จงใจเขียนเพื่ออรรถรส ขอให้ดึงสติกลับมาก่อนจะดราม่า ขอบพระคุณ เอาล่ะถ้าเข้าใจตรงกันแล้วก็เริ่มกันได้เลย ไปโล้ดดด
1.การสื่อสาร
ขอยกเรื่องการสื่อสารมาเป็นอันดับแรก เพราะในภาวะวิกฤต การสื่อสารจากภาครัฐไปสู่ประชาชนเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะถ้ามันยุ่งเหยิงวุ่นวาย ประชาชนก็งงสิจ้ะว่าจะให้ชั้นทำอะไร ดังนั้น direction จากทางรัฐต้องออกมาเป็นทิศทางเดียวกัน ซึ่ง จขกท เห็นว่า ตรงนี้สิงคโปร์ทำได้ดีมาก เรามาดูกันว่าการสื่อสารกับประชาชนนั้นเค้าทำกันอย่างไร
1.1) ประกาศจากรัฐบาลนั้นจะมาจาก 2 ช่องทาง ทางแรกคือประกาศผ่านโทรทัศน์ ซึ่งนานๆมีที ไม่สะเปะสะปะ นายกฯ Lee Hsien Loong จะออกมาพูดในเรื่องสำคัญๆ อย่างเช่นการประกาศ lockdown ประกาศคลาย lockdown รวมถึงแถลงเกี่ยวกับแผนที่รัฐบาลจะทำในเร็วๆนี้ และเรื่องอื่นอย่างมีอะไรน่าเป็นห่วงบ้าง จะโฟกัสจุดไหนก่อน วัคซีนใครได้ก่อน นายกฯก็จะประกาศให้รับรู้โดยทั่วกันแบบสดๆ พร้อมถ้วยชามหัศจรรย์บนโพเดี้ยม
แถลงภาคภาษาอังกฤษจบแกก็จิบชาไปทีนึง แล้วก็เปลี่ยนไปพูดภาษาจีนที่มีเนื้อหาเดียวกัน อิไทยที่นั่งฟังอยู่ก็ขนลุกซู่ๆ ขนลุกในความใส่ใจของรัฐที่เค้าคิดมาแล้วว่าคนทั้งประเทศต้องเข้าใจตรงกันไม่ว่าจะพูดคุยภาษาไหน และแล้วนายกฯกับถ้วยชาของเค้าก็เป็น meme ไปทั้งประเทศ ไม่ว่าแถลงกี่ครั้งแกก็ต้องพกชามาวางบนโพเดี้ยมด้วย
1.2) ทางที่ 2 คือผ่าน WhatsApp ประเทศนี้นางไม่นิยม Line กัน ดังนั้นอยากติดตามข่าวสารจากรัฐแบบรายวันก็ไปตาม Official account ของทางรัฐใน WhatsApp กันจ่ะ
แล้วในประกาศมีอะไรบ้าง? หลักๆแล้วก็จะอัพเดทจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ ผู้ที่หายป่วยกลับบ้าน หรือที่อยู่ใน ICU และผู้เสียชีวิต ซึ่ง 2 อย่างหลังนี่ จขกท ไม่ได้เห็นมาเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว และนอกจากนั้นก็มีเรื่องจิปาถะเล็กน้อยตามที่เค้าอยากจะบอก รวมถึงสรุปหลังจากนายกฯแถลง หน้าตาก็จะประมาณนี้
ขออภัยรูปใหญ่ไปนิด จขกท.ย่อรูปไม่เป็น
แต่ทางรัฐจะไม่ประกาศ timeline ผู้ติดเชื้อมาเด้อ ประชาชนคนไหนอยากรู้รายละเอียดให้ไปหาอ่านข่าวเอาเอง เพราะอะไรเดี๋ยวเราจะมาพูดถึงในหัวข้ออื่นกัน
โดยรวม จขกท ให้คะแนนการสื่อสารจากทางรัฐไปเลย 5/5 คะแนน เพราะไม่เคยงงหรือสับสนแม้แต่ครั้งเดียวเวลาที่รัฐออกประกาศอะไรใหม่ๆมา และยังรู้ว่าตอนนี้รัฐกำลังทำอะไรอยู่ ทุกอย่างชัดเจนไม่มีอะไรให้ย่นคิ้วใส่
2.การช่วยเหลือจากรัฐบาล
2.1) ในฐานะคนไทยตาดำๆ ตอนเค้า lockdown ใหม่ๆเมื่อปีที่แล้วก็ตื่นเต้นยกใหญ่ งานเราก็ WFH ไม่ได้ต้องทำในออฟฟิสเท่านั้น แล้วยังไงล่ะทีนี้ ต้องนอนแกร่วๆอยู่เสยๆไปเกือบ 2 เดือนเค้าคงไม่ไล่เราออกแต่เค้าจะหักเงินเรามั้ย? คิดไปสะระตะ แต่เปล่าจ่ะ ทุกอย่างปกติ เงินเข้าตรงเวลาและตามจำนวนเป๊ะ และทุกคนไม่ว่าจะทำงานอยู่ใน sector ไหน จะได้รับค่าจ้างตามปกติ นั่นก็เพราะว่ารัฐบาลจ่ายเงินเยียวยาให้แก่ผู้ประกอบการทุก sector ในช่วง lockdown เค้าถึงได้มีเงินจ่ายลูกจ้างได้ตามปกติ
แต่เดี๋ยวก่อน จขกท ไม่ได้พูดถึงบางกิจการที่ทำท่าจะไปไม่รอดตั้งแต่ก่อน lockdown นะ อย่างบางร้านในห้างเก่าๆ ขายพวกโทรศัพท์ตู้ จขกท ก็เห็นเค้าปิดประตูเหล็กลั่นกลอนไปแล้วเหมือนกัน ใดๆก็ตามเวลาพูดถึงว่ารัฐเยียวยาให้ทุกคน ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะรอด เพราะมันมีปัจจัยเสริมต่างๆอีกมากมายที่จะทำให้กิจการรอดหรือร่วง และนั่นก็ไม่ได้แปลว่ารัฐบาลไม่ได้ทำอะไรเลย โอเคนะ
2.2) พูดถึงเรื่องใหญ่ๆจบ มาถึงเรื่องเล็กๆน้อยๆ กันบ้าง นั่นก็คือการแจก Mask ฟรี!!
(Credit: The Straits Time)
คนเด๋ออย่างเราตื่นเต้นมากที่เค้าจะแจกหน้ากากอนามัยฟรีให้ ตอนแรกนึกว่าต้องดั้นด้นไปที่ไหนซักที่เพื่อไปเอาหน้ากากตามจุดต่างๆ แต่ปรากฏว่ารัฐบาลมีเรื่องให้คนเด๋อได้ขนลุกตลอดเวลาอีกแล้ว นางเอาหน้ากากอนามัยใส่ตู้กดอัตโนมัติ แล้วไปวางตาม Cummunity Club และตามห้างใหญ่ๆ วิธีการง่ายมากแค่เอาบัตร Work pass ไปแสกนหน้าตู้ มันก็จะจ่ายหน้ากากออกมา จขกท ได้มาประมาณ 4-5 แผ่น (ลักษณะนามถูกเปล่า?) เป็นแบบ reusable mask หรือซักแล้วใส่ซ้ำได้ทั้งหมด แจกให้ทุกคนทั้ง citizen ทั้งชาวต่างชาติ เพียงแต่ถ้าเป็นคนบ้านเค้าจะได้เยอะกว่า เพราะรอบหลังๆ จขกท ไปแสกนแล้วมันไม่ให้ ฮือ
ประทับใจจนต้องถ่ายรูปเก็บไว้
Note: Community Club พูดให้เข้าใจง่ายก็เหมือนส่วนกลางหมู่บ้าน เพียงแต่สิงคโปร์มันไม่มีหมู่บ้านแบบบ้านเราจ่ะคุณ มันมีแต่บ้านเดี่ยว คอนโด และแฟลต(HDB) ดังนั้น Community Center จะตั้งอยู่ท่ามกลางตึกเหล่านี้ มีฟังก์ชันหลากหลายตามแต่ระดับความรวยของย่านนั้น เช่น สนามเด็กเล่น ห้องประชุม ห้องสันทนาการ ร้านอาหาร ATM ฯลฯ
2.3) Vaccine วัคซีน
Highlight ของกระทู้เลยก็ว่าได้ เพราะกำลังเป็นประเด็นร้อนดั่งนรกในบางประเทศอยู่ เรามาลองดูว่าสิงคโปร์จัดการยังไงกับเรื่องวัคซีน
เริ่มแรก จขกท ได้ข่าวมาตั้งแต่ช่วงต้นปีนี้ว่าวัคซีนเข้ามาแล้ว เป็นของ Pzifer, Moderna และ Sinovac โดยรัฐบาล ณ ปัจจุบันนี้ ให้ประชาชนฉีด Pzifer และ Moderna ฟรี ส่วน Sinovac เป็น Alternative vaccine หรือวัคซีนทางเลือกเสริม นั่นหมายความอยากฉีดก็ฉีดได้ โดยไปที่คลินิกที่รัฐอนุญาต แต่ต้องจ่ายเงินเองนะคุณ
ทางรัฐเริ่มฉีดวัคซีน Pzifer กับ Moderna ให้บุคลากรด่านหน้าเป็นอันดับแรกตั้งแต่เดือนมกราคม จขกท เกาะตามติดกราฟจำนวนผู้ได้ฉีดวัคซีนตลอด กุมภาก็แล้ว มีนาก็แล้ว กราฟของคนที่ได้ฉีดขึ้นแบบหลังเต่า คนเด๋อเริ่มหงุดหงิดแล้วว่าทำไมมันช้าจัง(วะ) จนเมษากราฟเริ่มเอียงขึ้น ฉีดวัคซีนได้ไวขึ้น นายกฯประกาศเพิ่มสถานที่ฉีด และเมื่อเร็วๆนี้เพิ่งประกาศว่า 2 ใน 3 ของคนสิงคโปร์ต้องได้รับวัคซีนก่อนวันชาติ (9 สิงหา) และ ณ ตอนที่ จขกท เขียน สิงคโปร์ฉีดวัคซีนไปแล้ว 3.4 ล้านโดส โดยมีคนที่ได้ฉีดเข็มสองเฉลี่ย 12,000 คนต่อวัน คนที่ได้วัคซีนแล้วคิดเป็น 60% ของประชากรทั้งหมด โดยประชากร ณ ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 5.9 ล้านคน
มาถึงเรื่องตัวเองบ้าง เราก็ลงทะเบียนออนไลน์ว่าสนใจจะฉีดวัคซีนไปตามปกติ เพื่อนสิงคโปร์ในออฟฟิส จขกท ก็ทยอยได้ฉีดไปตั้งแต่เดือนที่แล้ว หนุ่มๆสาวๆลงมาหน่อยก็ได้ฉีดเมื่ออาทิตย์ก่อน ส่วนชาวต่างชาติอย่างเราก็รอแกร่วๆไป เข้าใจได้ว่าต้องให้คนประเทศเค้าฉีดก่อนอ่ะเนอะ จนเมื่อวันพุธที่ 30 มิ.ย. มี SMS เด้งเข้ามา
คนเด๋ออย่างเราถึงกับต้องทิ้งงานทิ้งการรีบคลิกเข้าไปใน link อย่างไว ในนั้นมี slot เวลา วันที่ และสถานที่ให้เลือกไปฉีดวัคซีน ประทับใจที่ว่าสามารถกดเลือกวันเวลาที่จะฉีดเข็มสองได้เลย ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ ไม่ต้องจองวันอีกครั้ง เรียกว่าได้ครบจบในคลิกเดียว คนเด๋อทำเสร็จถึงกับลุกขึ้นยืนปรบมือพร้อมปาดน้ำตา
และแน่นอน ทุกอย่างฟรีจ้าาาาาาาา เพิ่งเสียภาษีให้กับ IRS ไป ไม่เสียดายแม้แต่ดอลล่าเดียว
เพิ่งได้ฉีดวัคซีนมาสดๆร้อนๆ ก่อนกลับได้ mask แถมมาอีกกล่อง อย่าได้งงว่าทำไมเรียบเรียงได้เร็วมาก จขกท พิมพ์ทุกอย่างตั้งไว้ใน word ล่วงหน้าแล้ว
**มีต่อข้างล่าง เนื้อเกินจำนวนตัวอักษร