🇹🇭มาลาริน🔮วันนี้ป่วย6,230คน หายป่วย 3,159คน เสียชีวิต41คน/10จังหวัดติดเชื้อสูงสุด/สรุปประเด็น 4 อาจารย์ต่อทางออกโควิด



วันที่ 3 ก.ค.2564 ศูนย์ข้อมูลโคล COVID-19 รายงานสถานการณ์ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ใน ประเทศไทย ซึ่งล่าสุดพบผู้ติดเชื้อรายใหม่อีก 6,230 ราย โดยเป็นการติดเชื้อในประเทศ 6,226 ราย (แยกเป็นจากระบบเฝ้าระวังและบริการสุขภาพ 4,412 ราย จากการตรวจคัดกรองเชิงรุกในชุมชน 1,520 ราย จากเรือนจำ/ที่ต้องขัง 294 ราย) และเดินทางมาจากต่างประเทศอีก 4 ราย รวมยอดผู้ป่วยสะสม 277,151 ราย วันนี้มีผู้เสียชีวิตอีก 41 ราย ทำให้ยอดเสียชีวิตขยับไปที่ 2,182 ราย รักษาหายเพิ่มอีก 3,159 ราย รวมยอดรักษาหาย 217,499 ราย ยังรักษาอยู่จำนวน 57,470 ราย เป็นการรักษาอยู่ในรพ.28,539 ราย รพ.สนาม 28,931 ราย ทั้งนี้มีผู้ป่วยอาการหนัก 2,045 ราย ในจำนวนผู้ป่วยหนักนี้ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจถึง 589 ราย


เฉพาะการระบาดในระลอกเดือนเมษายน ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.- 2 ก.ค.64 พบผู้ป่วยรายใหม่จำนวน 6,230 ราย โดยมีผู้ป่วยยืนยันสะสม 248,288 ราย รักษาหายเพิ่ม 3,159 ราย รวมรักษาหายแล้ว 190,073 ราย ยังรักษาอยู่จำนวน 57,470 ราย เสียชีวิต 41 ราย รวมเสียชีวิตสะสม 2,088 ราย



รายละเอียดผู้เสียชีวิต 41 ราย เป็นเพศชาย 21 ราย เพศหญิง 20 ราย อายุ 30-88 ปี โดยเป็นผู้มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป คิดเป็น 71% อยู่ในพื้นที่ กทม.มากที่สุด 29 ราย ยะลา สมุทรสาคร จังหวัดละ 2 ราย กาญจนบุรี กำแพงเพชร ฉะเชิงเทรา นนทบุรี นครนายก ระนอง อ่างทอง อุดรธานี จังหวัดละ 1 ราย โดยมีโรคประจำตัว เป็นโรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน ติดเตียง ไขมันในเลือดสูง โรคไต โรคหัวใจ โรคปอด ตั้งครรภ์ มะเร็ง หลอดเลือดสมอง ซึ่งเป็นโรคประจำตัวที่เป็นปัจจัยเสี่ยงให้เกิดความรุนแรงของโรคเพิ่มขึ้น  โดยในจำนวนนี้ เป็นการติดเชื้อจากคนในครอบครัว และคนอื่นๆ มากเช่นเดิม  อาศัยและเดินทางเข้าไปในสถานที่ระบาด ไปในสถานที่แออัดพลุกพล่าน อาชีพเสี่ยง

https://siamrath.co.th/n/258323



วันนี้รอด 4 จว. ชัยนาท แม่ฮ่องสอน บึงกาฬ และพังงา ขณะกทม.จ่อทะลุ 8 หมื่นแล้ว

เมื่อวันที่ 3 ก.ค.64 ศูนย์ข้อมูลโควิด-19 รายงานสถานการณ์ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยข้อมูลวันที่ 3 ก.ค.64 เวลา 01.00 น. พบผู้ติดเชื้อใน 73 จังหวัด มีเพียง 4 จังหวัดเท่านั้นที่ไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ ได้แก่ ภาคกลาง จังหวัดชัยนาท ภาคเหนือ จังหวัดแม่ฮ่องสอน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดบึงกาฬ และภาคใต้ จังหวัดพังงา

ขณะที่ 10 อันดับจังหวัดที่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงสุด อันดับ 1 ยังคงเป็นกทม.ที่ 1,971 ราย แม้จะลดลงจากเมื่อวานนี้ที่ทำสถิติสูงที่สุดเกิน 2 พันราย แต่ยังอยู่ในจำนวนที่สูงมาก และยอดรวมผู้ป่วยสะสมอยู่ที่ 79,017 ราย ขณะที่พบว่าจังหวัดปทุมธานี วันนี้ตัวเลขรายใหม่เพิ่มขึ้นมากเป็นอันดับ 3 โดยพบว่าใน 10 อันดับ มีกทม.และปริมณฑลรวม 6 จังหวัด ตามด้วยจังหวัดในภาคใต้ 3 จังหวัด และจังหวัดในภาคตะวันออก 1 จังหวัด



https://siamrath.co.th/n/258320



สรุปประเด็น 4 อาจารย์ต่อทางออกวิกฤตโควิด19 ระบาดหนัก!! ประเทศไทยต้องใช้วัคซีนป้องกันอย่างไรให้เหมาะสมในสถานการณ์วัคซีนมีจำกัด
ท่ามกลางสถานการณ์การระบาดโควิด-19 ที่ยังพบผู้ป่วย และผู้เสียชีวิตอย่างต่อเนื่อง ขณะที่การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด ซึ่งปัจจุบันในส่วนของภาครัฐ มีซิโนแวค และแอสตร้าเซนแนก้า ยังมีคำถามว่า จะสามารถป้องกันเชื้อสายพันธุ์เดลตา (อินเดีย) ที่กำลังจะมาแทนที่สายพันธุ์อัลฟา(อังกฤษ) ได้หรือไม่นั้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 2 ก.ค. 2564 ที่ผ่านมา  ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) นักวิชาการ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องนี้ได้ออกมาแสดงความคิดเห็น และข้อมูลทางวิชาการอัปเดตภายในงานเสวนา “วัคซีนโควิด ไทยจะเดินต่อไปอย่างไร”

โดยผู้สื่อข่าว “Hfocus” สรุปประเด็นสำคัญในการเสวนา ดังนี้

** นพ.โสภณ เมฆธน ประธานคณะอนุกรรมการอำนวยการบริหารจัดการการให้วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19)
-  ที่ประชุมคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และสาธารณสุข สรุปว่าต้องมีการสื่อสารข้อมูลข้อเท็จจริงแก่ประชาชน โดยยึดหลักวิชาการ และต้องนำการแพทย์นำเป็นสำคัญ ซึ่งข้อมูลชัดเจนว่า หากต้องการฉีดวัคซีนโควิดให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ และลดการป่วยหนัก และเสียชีวิต ต้องมุ่งไปที่กลุ่มเสี่ยง ซึ่งก็คือ ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และผู้ป่วย 7 โรคเรื้อรัง 2 กลุ่มนี้ต้องได้รับวัคซีนโควิดก่อนกลุ่มอื่นๆ เพราะข้อมูลพบว่า ผู้เสียชีวิตจากโควิดส่วนใหญ่ยังเป็น 2 กลุ่มนี้ ดังนั้น ก.ค. ต้องให้ได้วัคซีนโควิด 2 กลุ่มนี้เกิน 50% ให้ได้
-  ขณะนี้มีการศึกษาการฉีดวัคซีนสลับกันอยู่ อย่างคนฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเข็มที่ 1 และฉีดวัคซีนชนิด mRNA เข็มที่ 2 ซึ่งภูมิฯสูงขึ้น แต่ไม่มีข้อมูลซิโนแวค และแอสตร้าฯ ซึ่งก็ต้องศึกษาอยู่ อย่างข้อมูล “หมอพร้อม” มีเกือบ 1,000 รายที่ฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 แตกต่างกัน ซึ่งอาจเพราะมีอาการข้างเคียงเข็มที่ 1 ตอนนี้กำลังหาข้อมูลทั้งภูมิต้านทาน และผลข้างเคียง ซึ่งวัคซีน 2 ตัวปลอดภัย แต่มาใช้คู่กันก็ต้องมาดูฤทธิ์เสริม รวมทั้งผลข้างเคียงด้วย ตอนนี้ต้องรอผลการศึกษา
 
-  สิ่งสำคัญต้องขอให้ระวังตัวเอง อย่ารวมกลุ่มกันมาก สวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง ล้างมือ ต้องช่วยกันเต็มที่ในระยะนี้
-  ตัวเลขเสียชีวิตจากโควิดพบว่า 70-80% คือ คนสูงอายุ หรือคนมีโรคเรื้อรัง ขณะที่คนหนุ่มสาว เมื่อติดเชื้ออาการจะไม่รุนแรงเท่า ดังนั้น ต้องใช้วัคซีนให้ตรงกับประสิทธิภาพเพื่อป้องกันอาการรุนแรงและเสียชีวิต จึงขอให้กลุ่มอายุอื่นๆ บางคนไม่มีอาการเมื่อติดเชื้อ แต่ญาติผู้ใหญ่ของเราหากป่วยจะเกิดการสูญเสียมาก ต้องใช้ไอซียูเพิ่ม และยังไปเบียดบังผู้ป่วยอื่นๆ ที่อาการรุนแรงอีก ดังนั้น ต้องช่วยกัน

******************************
** นพ.คำนวณ อึ้งชูศักดิ์ นายแพทย์ผู้ทรงคุณวุฒิผู้เชี่ยวชาญในด้านระบาดวิทยาที่ปรึกษาด้านวิชาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข

-  ขณะนี้เราอยู่ในระลอก 3 จากสายพันธุ์อัลฟา (อังกฤษ) ที่ติดต่อได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เราตั้งตัวไม่ทัน เรามีคนไข้เสียชีวิตประมาณ 50 คนต่อวันในขณะนี้
-  คำถามว่าเดือนหน้า เดือนถัดไป อัตราการเสียชีวิตจะเป็นอย่างไรบ้างผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดลงความเห็นตรงกันว่าสถานการณ์จะแย่กว่าเดิม เหตุผลเพราะสายพันธุ์ใหม่หรือสายพันธุ์เดลตา (อินเดีย) เข้ามายึดครอง
-  เดือนมิ.ย. ที่ผ่านมาเรามีคนเสียชีวิตทั้งเดือน 992 คน ซึ่งเป็นภาระใหญ่มาก ถ้าสถานการณ์ยังเป็นอย่างนี้เดือนก.ค.เราจะมีคนเสียชีวิตประมาณ 1,400 คน ส.ค. 2,000 และพอถึงเดือนก.ย.จะมีผู้เสียชีวิตเป็น 2,800 คน ตอนนี้เรามีผู้เสียชีวิต 900 กว่าคนยังทำให้ระบบสาธารณสุขเดินหน้าต่อไปไม่ได้และถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปก็แน่นอนว่าเราจะไม่สามารถไปรอดได้
-  ทางเลือกการใช้วัคซีนโควิดแบบปูพรมไม่เหมาะสม เพราะวัคซีนเรามีจำกัด ต้องใช้อีกทางเลือก คือ ยุทธศาสตร์ฉีดกลุ่มเป้าหมายที่เสี่ยงเสียชีวิต คือ ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เพราะคนสุงอายุติดเชื้อ 100 คนเสียชีวิต 10 คน แต่คนอายุน้อยติดเชื้อ 1,000 คน เสียชีวิต 1 คน
-  นายกฯ ศบค. รองนายกฯ ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้เกี่ยวข้องต้องเลือกใช้วัคซีนให้ถูกเป้าหมาย โดย ศบค.ต้องสั่งให้ฉีดวัคซีนกลุ่มเสี่ยง 2 กลุ่ม คือ ผู้สูงอายุและผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ก่อนฉีดกลุ่มอื่น เพื่อลดการเจ็บหนักที่ต้องเข้าไอซียู ซึ่งตอนนี้วิกฤตหนัก และลดการเสียชีวิตลงให้ได้
-  สิ่งสำคัญคือ ผู้สูงอายุ ต้องระวังมากที่สุด เพราะหากติดเชื้อเสี่ยงเสียชีวิต 10% แต่ในชีวิตจริง ยังมีคนสูงอายุทำมาหากิน ค้าขายอีก ดังนั้นต้องกลับมาที่ประเด็นสำคัญ เอาวัคซีนให้ผู้สูงอายุก่อน เพื่อปกป้องเขาให้ได้
 

*****************************
** นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ ผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ

-  ช่วง 3 เดือนนี้จะเป็นวิกฤต โดยเดลต้านั้น แอสตร้าฯ สู้ได้ แต่ซิโนแวค เห็นข้อมูลลางๆ แต่ยังไม่มีข้อมูลประจักษ์ ต้องศึกษาต่อ ดังนั้น จะสลับวัคซีนได้หรือไม่นั้น ยังเป็นเรื่องคอนเซ็ปต์ ต้องศึกษาอีก ซึ่งขณะนี้โรงเรียนแพทย์กำลังวิจัยกันอยู่
-  การศึกษาเรื่องเข็ม 3 ก็มีการดำเนินการอยู่เช่นกัน แม้กระทั่งเอา mRNA สลับเป็นเข็ม 2 หรือเป็นเข็ม 3 ได้ติดต่อบริษัท แต่ปัญหา คือ บริษัทไม่มีให้ แม้แค่การวิจัย เราขอแค่ 1 พันเข็ม บริษัทก็ยังไม่รับปาก ตอนนี้ทางออกเรื่องวัคซีน คือ ต้องหาๆ วัคซีน และฉีดๆ ให้ตรงเป้ามากที่สุด
- ในฐานะหมอเด็ก ขออธิบายเรื่องวัคซีนสำหรับเด็ก โดยเด็กเป็นกลุ่มที่โอกาสติดเชื้อน้อยกว่าวัยทำงาน แต่เด็กจะไม่ค่อยมีอาการ หรือมีอาการก็จะรุนแรงน้อย เสียชีวิตน้อย ซึ่งผู้สูงอายุเสี่ยงเสียชีวิตมากกว่า ดังนั้น เวลาจะเอาวัคซีนมาใช้ในเด็กต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพราะเด็กแม้จะเป็นกลุ่มที่คุ้นเคยกับวัคซีน แต่ที่เราระวังคือ ความปลอดภัย เพราะเป็นวัคซีนใหม่
 
-  ข้อมูลในจีนมีการใช้ซิโนแวคและซิโนฟาร์มในเด็ก ตั้งแต่ 3 ขวบจนถึง 17 ปี ขณะที่อินโดฯ ก็เริ่มมีการใช้
- ประเทศไทยกำลังดูข้อมูล ซึ่งในส่วนวัคซีนไฟเซอร์ ชนิด mRNA มีการระบุในเอกสารกำกับยาว่า กลุ่มวัยรุ่นอาจมีผลข้างเคียงของกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ซึ่งมักเกิดในเข็ม 2 และเกิดในเด็กผู้ชาย อัตราการเกิด 2 ต่อแสนโดส ดังนั้น กลุ่มกุมารแพทย์จะมีการพิจารณาอย่างละเอียดและรอบคอบ
 

**********************************
** นพ.นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ

- จากแผนการผลิต วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า จะมีไม่ถึงเดือนละ 10 ล้านโดส ต้องนำเข้าวัคซีนชนิดอื่นเข้ามาในช่วง ก.ค. ส.ค. และก.ย. นี้ การจะให้แอสตร้าฯ นำเข้าจากแหล่งอื่นก็ตึงหมดเช่นกัน ซึ่งตอนนี้พยายามทุกวิถีทาง ในส่วนสยามไบโอไซเอนซ์กำลังเพิ่มกำลังผลิตอยู่
- สิ่งสำคัญต้องฉีดวัคซีนให้ตรงกลุ่ม คือ ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคร่วมจะช่วยลดการเจ็บหนักและเสียชีวิต
 
- การจัดหาวัคซีนสามารถเจรจาแบบรัฐต่อรัฐได้หรือไม่นั้น ขณะนี้กระทรวงการต่างประเทศมีความพยายามกันอยู่ ไม่ใช่แค่วัคซีนไฟเซอร์ โมเดอร์นา กำลังใช้ช่องทางการทูตอยู่ระหว่างรัฐกับรัฐ เช่น วัคซีนคิวบา ซึ่งเป็นซับยูนิตโปรตีน ตัวแรกที่แสดงผลออกมามีประสิทธิภาพในการป้องกันโรค 92% น่าสนใจเพราะเป็นวัคซีนที่ค่อนข้างปลอดภัย รวมถึงเจรจราวัคซีน mRNA จากเจ้าอื่นด้วย รวมถึงวัคซีนเคียวแวค ของเยอรมันก่อนหน้าจะประกาศผลก็เจรจรา
-  วัคซีนในกลุ่มเด็ก ณ เวลานี้มีไฟเซอร์ ซึ่งได้จองไปแล้ว 20 ล้านโดส พร้อมกันนั้นกำลังทำการศึกษากระตุ้นภูมิคุ้มกันในเด็ก ของวัคซีนเชื้อตาย เพื่อให้เกิดช่องทางเลือก ซึ่งแอสตร้าฯกำลังศึกษาการใช้ในเด็กเช่นกัน รวมทั้งโมเดอร์นาก็กำลังศึกษา
- วัคซีนสำหรับเด็ก ยังต้องระวังเรื่องผลข้างเคียงด้วย ซึ่งก็มีการติดตามอยู่
 

https://www.hfocus.org/content/2021/07/22102

เพี้ยนปักหมุด ดูแลตัวเองอย่างสูงสุดนะคะ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 15
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
LIVEแถลงข่าวเพื่อชี้แจง ประเด็นสำคัญด้านการแพทย์และสาธารณสุขเรื่อง วัคซีน
ณ ตึกสันติไมตรี  วันที่ 3 กรกฎาคม 2564
https://www.facebook.com/470988516420706/videos/323209829454061/ (มีคลิป)


[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รวมสไลด์แถลงสถานการณ์โควิด-19 จาก ศบค.
วันเสาร์ที่ 3 กรกฎาคม 2564
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/356792755939055


[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รายงานข้อมูลสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19
ณ วันเสาร์ที่ 3 กรกฎาคม 2564

ประเทศไทย
วันนี้มีผู้ติดเชื้อ 6,230 ราย รวมผู้ติดเชื้อสะสม 277,151  ราย
- เป็นผู้ติดเชื้อจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการฯเพิ่มขึ้น 4,412 ราย
- เป็นผู้ติดเชื้อจากเรือนจำ/ที่ต้องขัง 294 ราย
- เป็นผู้ติดเชื้อที่เดินทางจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น 4 ราย
- เป็นผู้ติดเชื้อจากการตรวจคัดกรองเชิงรุกวันนี้  1,520  ราย (ยอดผู้ติดเชื้อสะสมจากการตรวจคัดกรองเชิงรุกอยู่ที่ 75,901 ราย)

เสียชีวิตรวม 2,182 ราย(วันนี้มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 41 ราย)
รักษาหายป่วยแล้ว 217,499 ราย (มีผู้ป่วยกลับบ้านเพิ่มขึ้น 3,159 ราย)
รักษาอยู่ในโรงพยาบาล 57,470 ราย

ผู้ติดเชื้อรายใหม่ภายในประเทศ (ไม่รวมเรือนจำ) 5,932 ราย มีรายละเอียดดังนี้ จากกรุงเทพฯ(1,971) ปริมณฑล (1,630) จังหวัดอื่น ๆ (2,331)

สำหรับผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ เพิ่มขึ้นในวันนี้ 4 ราย และเข้า Quarantine โดยเข้ารับการรักษาที่ กรุงเทพฯ(2) และ สระแก้ว(2) มีรายละเอียดดังนี้
- จากประเทศกัมพูชา 2 ราย
- จากประเทศบาห์เรน 1 ราย
- จากประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 1 ราย

สถานการณ์โลกในวันนี้
- ยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั่วโลก 183.8 ล้านราย มีจำนวนผู้เสียชีวิตสะสมกว่า 3.9 ล้านราย(คิดเป็นร้อยละ 2.16 ของจำนวนผู้ติดเชื้อ) ในขณะที่ผู้รักษาหายมีจำนวน 168 ล้านราย (คิดเป็นร้อยละ 91.53)
- สหรัฐอเมริกา มียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่  18,399 ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่อันดับ 1 ของโลก อยู่ที่ 621,161 ราย
- อินเดีย ยอดผู้ติดเชื้อสะสมทะลุ 30.5 ล้านรายแล้ว โดยมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ 47,252  ราย ทั้งนี้ยอดผู้รักษาหายในอินเดียอยู่ที่ 29.5 ล้านราย คิดเป็นร้อยละ 97.03
- ไทยมียอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่อันดับ 67 และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่อันดับ 87 ของโลก

สถานการณ์อาเซียนในวันนี้
- เมียนมา ตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสม 161,210  ราย โดยมียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่เฉลี่ยในรอบ 7 วันที่ผ่านมาอยู่ที่ 1,377 ราย และมีจำนวนผู้เสียชีวิตกว่า 3,364 ราย
- มาเลเซีย ยอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 765,949  ราย โดยยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ อยู่ที่ 6,982  ราย
- กัมพูชา ตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสม 52,350 ราย มียอดผู้เสียชีวิตสะสม 660  ราย
- ลาว ตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสม 2,176 ราย โดยกำลังรักษาอยู่ 187 ราย
- เวียดนาม ผู้ติดเชื้อรายใหม่อยู่ที่   545  ราย และมียอดผู้เสียชีวิตสะสม 84 ราย

ประมวลข้อมูลโดย กรมควบคุมโรค และศูนย์ปฏิบัติการด้านนวัตกรรมการแพทย์ และการวิจัยและพัฒนาสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ(วช.)
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
https://www.facebook.com/nrctofficial/posts/3941652019293674
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่