"เรา...เป็นหนึ่งเดียว
เราคือ...จักรวาล
บรรพบุรุษที่จะกลายเป็น...
ทายาทแห่งทะเลดีโวเนี่ยน
ผ่านช่วงกาลเวลาอันยาวนาน
ขีดเขียนเรื่องราวของเราทุกคน
วันต่อวันเบิกม่านผืนใหม่
สำหรับการแสดงอันยอดเยี่ยมที่สุดบนผืนปฐพี"
เห็นความยาวของเพลงแล้ว แทบจะเบือนหน้าหนีเลยเมื่อเปรียบเทียบกับเพลงทั่วๆไป แต่ก็ยังคงนั่งฟัง ใจจดจ่อว่าผู้แต่งจะนำเสนออะไรออกมาให้เราได้ฟังบ้าง สำหรับ จขกท.(ย้ำ!!สำหรับ จขกข. นะ) เพลงนี้ไม่ทำให้ผิดหวังเลย จนไม่รู้ว่าเพลงนี้ที่มันยาวๆทำไมมันรู้สึกสั้นจัง ฟังบ่อยจนอยากให้ยาวกว่านี้เลย 555 บอกเลยว่าหลังจากได้ฟังเพลงนี้ครั้งแรก พอ จขกท. ฟังจบ ก็รีบไปหาดูสารคดีเกี่ยวกับกำเนิดโลก สิ่งมีชีวิต วิวัฒนาการและดวงดาวเลย 555 กลายเป็นคนที่ชอบศาสตร์ด้านนี้ขึ้นมาทันที แถมไปหาซื้อหนังสือมานั่งอ่านอีก 55 จขกท. ชอบบทเพลงที่เกี่ยวกับ Biology และ Cosmology โดยเฉพราะเรื่องอวกาศ ฟังแล้วฟิน อิน น้ำตาไหลพราก🤣
The Greatest Show on Earth เป็นเพลงแนว Symphonic Metal อยู่ในอัลบัม Endless Forms Most Beautiful(2015) ที่ถูกแต่งและเล่นโดยวง Nightwish(1996 - ปัจจุบัน) วงดนตรีแนว Symphonic Metal จากฟินแลนด์ และยังเป็นวงที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในประเทศอีกด้วย แม้อาจจะพูดได้ไม่เต็มปากว่าจะประสบความสำเร็จในระดับนานาชาติ แต่ก็พอมีฐานแฟนเพลงกระจายอยู่ในภูมิภาคต่างๆทั่วโลก(จขกท.คือหนึ่งในนั้น🤣) หลายๆบทเพลงก็แสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทไม่แพ้วงอื่นๆที่มีแนวเพลงเดียวกัน อีกทั้งวง Nightwish ยังคงเป็นวงดนตรีแนว Symphonic Metal ที่อยู่รอดมาจากยุค 90 จนถึงทุกวันนี้ มีการเปลี่ยนแปลงปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยมาตลอด
เหล่านักร้องของ Nightwish
ซ้าย Tarja Turunen(1996 - 2005)
กลาง Anette Olzon(2007 - 2012)
ขวา Floor Jansen(2013 - ปัจจุบัน)
จขกท. ชอบทุกคนเลยครับ❤❤🤘🤘
Nightwish ได้ทำการเปลี่ยนนักร้องมาแล้ว 2 คน แต่ในเรื่องดนตรียังคงมีเอกลักษณ์อย่างซาวด์ออเคสตราอันทรงพลัง หรือทำนองเพลงที่จับต้องได้ ดนตรีไม่หนักจนเกินไป ในสมัยแรกๆวงยังคงใช้เสียงของโปรแกรมและคีย์บอร์ดในการทำซาวด์ออเคสตรา อาจจะอัดสดเป็นบางชิ้นบ้าง ฟังดูแข็งๆทื่อๆ(แต่ก็มันส์นะเออ) ในเวลาต่อๆมาทางวงได้ทุ่มเทในการใช้วงออเคสตราอัดในสตูดิโอซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ปี 2002 ถ้านั่งคุยกันไม่ว่าจะเป็นเพลงแนวไหนๆก็ตาม การใช้วงออเคสตราเล่นประกอบด้วยนั้นต้องลงทุนทั้งแรงกาย แรงใจ มันสมอง งบประมาณเป็นอย่างมาก วงที่มีเพลงแนวนี้ส่วนใหญ่หลายๆวงเลือกที่จะใช้โปรแกรมทำซาวด์ออเคสตราขึ้นมา Nightwish เลือกที่จะใช้วงออเคสตราจริงๆเพื่อให้เพลงที่ออกมาจะมีชีวิตชีวา ไหลลื่น วงแนว Symphonic Metal ต้องรักษาไม่ให้เสียงของวงออเคสตราเด่นเกินพาร์ทดนตรีจนเกินไป Nightwish เป็นอีกวงที่ทำได้ดีในการรักษาบาลานซ์ของเสียงระหว่างออเคสตราและวง สีสันของออเคสตราในแบบฉบับของไนท์วิชก็เป็นเอกลักษณ์เช่นกัน อัลบัมหลังๆจึงมีการออกอัลบัมที่มี ซาวด์ออเคสตราอย่างเดียวแถมมาในแผ่นด้วย สิ่งที่น่าเสียดายคือ Nightwish นั้นยังไม่เคย Live With Orchestra เหมือนวงแนวเดียวกันวงอื่นๆเลย🤔 ถึงอย่างนั้นสำหรับความคิดเห็นส่วนตัวและรสนิยมบวกการอวยแบบหลับหูหลับตาของ จขกท. ก็ยังยกให้ Nightwish เป็นนัมเบอร์วันของแนว Symphonic Metal ครับผม😆 อวยครับอวย
บทเพลงนี้บอกเล่าเรื่องราวการกำเนิดของโลก สิ่งมีชีวิตและวิวัฒนาการ ซึ่งได้ชื่อเพลงมาจากหนังสือของ Richard Dawkins นักวิทยาศาสตร์ที่เชี่ยวชาญด้านพฤติกรรมศาสตร์และชีววิทยาทฤษฎีวิวัฒนาการชาวอังกฤษ เพลง The Greatest Show on Earth เป็นบทเพลงที่มีความยาว 24 นาที แบ่งเป็น 5 ท่อน ถูกร้องโดย Floor Jansen นักร้องหญิงร่างกายกำยำสูงใหญ่(มาก)ที่มาพร้อมกับพลังเสียงที่ซัดใส่ผู้คนที่อยู่ตรงหน้าอย่างไร้ความปราณี และ Marko Hietala นักร้องชายที่มีเสียงเป็นเอกลักษณ์มาก นุ่ม ลึก หยาบกระด้างหน่อยๆ เหมาะกับเพลงแนวโฟล์คซองหรือคันทรีมาก (น่าเสียดายที่เจ้าตัวพึ่งประกาศออกจากวงเมื่อไม่นานมานี้)
ท่อน I. "Four Point Six"
ท่อนนี้กล่าวถึงการก่อตัวของโลกก่อนการเริ่มต้นของสิ่งมีชีวิต กฎของแรงโน้มถ่วงดึงเอาทุกสิ่งเข้าสู่กองไฟ(โลก) สภาพแวดล้อมอันทรหด ในยุคนั้นคนเราคงเปรียบเทียบว่าเป็นยมโลก โลกยุคโบราณ หรือบรมยุคอาร์เคียน
ท่อน II. "Life"
สิ่งมีชีวิตเริ่มก่อตัว มีความหลากหลายทางเคมี ยุคดีโวเนียนเป็นยุคที่ชีวิตมีความหลากหลาย อาจจะกล่าวได้ว่าเราคือ 'ลูกหลานของทะเลดีโวเนียน' คอยย้ำเตือนเราถึงต้นกำเนิด จากทะเลคืบคลานขึ้นสู่พื้นดิน
ท่อน III. "The Toolmaker"
การมาถึงของมนุษยชาติบนโลก ความทะเยอทะยานและความอยากรู้อยากเห็นของมนุษยชาติเป็นทั้งสิ่งที่น่าชื่นชมและเป็นสิ่งที่อันตราย มนุษย์เริ่มสร้างสรรค์หลายๆอย่าง เกิดการแก่งแย่ง ความขัดแย่ง เกิดสงคราม สิ่งที่มนุษยชาติสร้างขึ้นกำลังทำลายโลกใบนี้อย่างช้าๆ
ท่อน IV. "The Understanding"
มนุษย์ได้เข้าใจ เราเป็นเพียงส่วนหนึ่งอันเล็กจ้อย ความตายรอเราอยู่ แต่โลกยังคงหมุนไป ลูกหลานแห่งทะเลดีโวเนี่ยนก็ยังดำรงอยู่ต่อไป ช้าหรือเร็วเราอาจจะหายไปหมดจากโลก เป็นเพียงแค่ตัวละครที่ออกมาหลังจากม่านเปิดออก เมื่อละครจบ ม่านปิดเราก็จากไป
ท่อน V. "Sea-Worn Driftwood"
ทุกๆสิ่งอาจจะกลับคืนสู่ทะเล แค่นั่น
เพลงในช่วงแรกจะเป็นออเคสตราบรรเลงอารมณ์แบบ Epic หน่อยๆ มีความโกลาหล วุ่นวายและความทรหด ท่อนที่ 2 พาร์ทริทึ่ม กีตาร์ เบส กลอง นักร้องเข้ามา โดยในส่วนของท่อนฮุคของท่อนนี้จะใช้ทำนองจากท่อนที่หนึ่ง ท่อนที่ 3 มีเสียงสัตว์ต่างๆนานาชนิด ที่ จขกท. ได้ยินส่วนใหญ่น่าจะเป็นเสียงของลิง เสียงของมนุษย์ยุคโบราณตีเกาะเคาะไม้ เสียงของดนตรีคลาสสิก น่าจะเป็นเพลงของ โจฮัน เซบาสเตียน บาค มีเสียงของจรวดดังสนั่นคงสื่อถึงสงคราม ท้ายท่อนนี้มีคำร้องที่ร้องว่า "เราอยู่ที่นี่" ซึ่งฟังแล้วรู้สึกขนลึกมาก ตื้นตันด้วยแหละ ท่อนที่สี่ นี้เป็นท่อนที่มีบทพูดและใช้ออเคสตราบรรเลงอย่างเดียวอลังการงานสร้างมาก ขนลุกเช่นกัน ท่อนสุดท้ายเหมือนจะเป็นท่อนล้างหู 55 คือมีเสียงปลาวาฬเสียงทะเล เสียงลม เสียงธรรมชาติเบาๆ ดูสงบ
พูดซะยืดยาว ไปฟังเพลงกันดีกว่าครับ

ฟังเพลงที่ยืดยาวนี้แล้วรู้สึกอย่างไรบ้างครับ แฟนคลับ Nightwish มีข้อมูลอะไรเพิ่มเติมบ้าง เชิญแสดงความคิดเห็นได้เลยครับผม
ชวนฟังเพลง Ep.15 - The Greatest Show on Earth(2015) - Nightwish
"เรา...เป็นหนึ่งเดียว
เราคือ...จักรวาล
บรรพบุรุษที่จะกลายเป็น...
ทายาทแห่งทะเลดีโวเนี่ยน
ผ่านช่วงกาลเวลาอันยาวนาน
ขีดเขียนเรื่องราวของเราทุกคน
วันต่อวันเบิกม่านผืนใหม่
สำหรับการแสดงอันยอดเยี่ยมที่สุดบนผืนปฐพี"
เห็นความยาวของเพลงแล้ว แทบจะเบือนหน้าหนีเลยเมื่อเปรียบเทียบกับเพลงทั่วๆไป แต่ก็ยังคงนั่งฟัง ใจจดจ่อว่าผู้แต่งจะนำเสนออะไรออกมาให้เราได้ฟังบ้าง สำหรับ จขกท.(ย้ำ!!สำหรับ จขกข. นะ) เพลงนี้ไม่ทำให้ผิดหวังเลย จนไม่รู้ว่าเพลงนี้ที่มันยาวๆทำไมมันรู้สึกสั้นจัง ฟังบ่อยจนอยากให้ยาวกว่านี้เลย 555 บอกเลยว่าหลังจากได้ฟังเพลงนี้ครั้งแรก พอ จขกท. ฟังจบ ก็รีบไปหาดูสารคดีเกี่ยวกับกำเนิดโลก สิ่งมีชีวิต วิวัฒนาการและดวงดาวเลย 555 กลายเป็นคนที่ชอบศาสตร์ด้านนี้ขึ้นมาทันที แถมไปหาซื้อหนังสือมานั่งอ่านอีก 55 จขกท. ชอบบทเพลงที่เกี่ยวกับ Biology และ Cosmology โดยเฉพราะเรื่องอวกาศ ฟังแล้วฟิน อิน น้ำตาไหลพราก🤣
The Greatest Show on Earth เป็นเพลงแนว Symphonic Metal อยู่ในอัลบัม Endless Forms Most Beautiful(2015) ที่ถูกแต่งและเล่นโดยวง Nightwish(1996 - ปัจจุบัน) วงดนตรีแนว Symphonic Metal จากฟินแลนด์ และยังเป็นวงที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในประเทศอีกด้วย แม้อาจจะพูดได้ไม่เต็มปากว่าจะประสบความสำเร็จในระดับนานาชาติ แต่ก็พอมีฐานแฟนเพลงกระจายอยู่ในภูมิภาคต่างๆทั่วโลก(จขกท.คือหนึ่งในนั้น🤣) หลายๆบทเพลงก็แสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทไม่แพ้วงอื่นๆที่มีแนวเพลงเดียวกัน อีกทั้งวง Nightwish ยังคงเป็นวงดนตรีแนว Symphonic Metal ที่อยู่รอดมาจากยุค 90 จนถึงทุกวันนี้ มีการเปลี่ยนแปลงปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยมาตลอด
เหล่านักร้องของ Nightwish
ซ้าย Tarja Turunen(1996 - 2005)
กลาง Anette Olzon(2007 - 2012)
ขวา Floor Jansen(2013 - ปัจจุบัน)
จขกท. ชอบทุกคนเลยครับ❤❤🤘🤘
Nightwish ได้ทำการเปลี่ยนนักร้องมาแล้ว 2 คน แต่ในเรื่องดนตรียังคงมีเอกลักษณ์อย่างซาวด์ออเคสตราอันทรงพลัง หรือทำนองเพลงที่จับต้องได้ ดนตรีไม่หนักจนเกินไป ในสมัยแรกๆวงยังคงใช้เสียงของโปรแกรมและคีย์บอร์ดในการทำซาวด์ออเคสตรา อาจจะอัดสดเป็นบางชิ้นบ้าง ฟังดูแข็งๆทื่อๆ(แต่ก็มันส์นะเออ) ในเวลาต่อๆมาทางวงได้ทุ่มเทในการใช้วงออเคสตราอัดในสตูดิโอซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ปี 2002 ถ้านั่งคุยกันไม่ว่าจะเป็นเพลงแนวไหนๆก็ตาม การใช้วงออเคสตราเล่นประกอบด้วยนั้นต้องลงทุนทั้งแรงกาย แรงใจ มันสมอง งบประมาณเป็นอย่างมาก วงที่มีเพลงแนวนี้ส่วนใหญ่หลายๆวงเลือกที่จะใช้โปรแกรมทำซาวด์ออเคสตราขึ้นมา Nightwish เลือกที่จะใช้วงออเคสตราจริงๆเพื่อให้เพลงที่ออกมาจะมีชีวิตชีวา ไหลลื่น วงแนว Symphonic Metal ต้องรักษาไม่ให้เสียงของวงออเคสตราเด่นเกินพาร์ทดนตรีจนเกินไป Nightwish เป็นอีกวงที่ทำได้ดีในการรักษาบาลานซ์ของเสียงระหว่างออเคสตราและวง สีสันของออเคสตราในแบบฉบับของไนท์วิชก็เป็นเอกลักษณ์เช่นกัน อัลบัมหลังๆจึงมีการออกอัลบัมที่มี ซาวด์ออเคสตราอย่างเดียวแถมมาในแผ่นด้วย สิ่งที่น่าเสียดายคือ Nightwish นั้นยังไม่เคย Live With Orchestra เหมือนวงแนวเดียวกันวงอื่นๆเลย🤔 ถึงอย่างนั้นสำหรับความคิดเห็นส่วนตัวและรสนิยมบวกการอวยแบบหลับหูหลับตาของ จขกท. ก็ยังยกให้ Nightwish เป็นนัมเบอร์วันของแนว Symphonic Metal ครับผม😆 อวยครับอวย
บทเพลงนี้บอกเล่าเรื่องราวการกำเนิดของโลก สิ่งมีชีวิตและวิวัฒนาการ ซึ่งได้ชื่อเพลงมาจากหนังสือของ Richard Dawkins นักวิทยาศาสตร์ที่เชี่ยวชาญด้านพฤติกรรมศาสตร์และชีววิทยาทฤษฎีวิวัฒนาการชาวอังกฤษ เพลง The Greatest Show on Earth เป็นบทเพลงที่มีความยาว 24 นาที แบ่งเป็น 5 ท่อน ถูกร้องโดย Floor Jansen นักร้องหญิงร่างกายกำยำสูงใหญ่(มาก)ที่มาพร้อมกับพลังเสียงที่ซัดใส่ผู้คนที่อยู่ตรงหน้าอย่างไร้ความปราณี และ Marko Hietala นักร้องชายที่มีเสียงเป็นเอกลักษณ์มาก นุ่ม ลึก หยาบกระด้างหน่อยๆ เหมาะกับเพลงแนวโฟล์คซองหรือคันทรีมาก (น่าเสียดายที่เจ้าตัวพึ่งประกาศออกจากวงเมื่อไม่นานมานี้)
ท่อน I. "Four Point Six"
ท่อนนี้กล่าวถึงการก่อตัวของโลกก่อนการเริ่มต้นของสิ่งมีชีวิต กฎของแรงโน้มถ่วงดึงเอาทุกสิ่งเข้าสู่กองไฟ(โลก) สภาพแวดล้อมอันทรหด ในยุคนั้นคนเราคงเปรียบเทียบว่าเป็นยมโลก โลกยุคโบราณ หรือบรมยุคอาร์เคียน
ท่อน II. "Life"
สิ่งมีชีวิตเริ่มก่อตัว มีความหลากหลายทางเคมี ยุคดีโวเนียนเป็นยุคที่ชีวิตมีความหลากหลาย อาจจะกล่าวได้ว่าเราคือ 'ลูกหลานของทะเลดีโวเนียน' คอยย้ำเตือนเราถึงต้นกำเนิด จากทะเลคืบคลานขึ้นสู่พื้นดิน
ท่อน III. "The Toolmaker"
การมาถึงของมนุษยชาติบนโลก ความทะเยอทะยานและความอยากรู้อยากเห็นของมนุษยชาติเป็นทั้งสิ่งที่น่าชื่นชมและเป็นสิ่งที่อันตราย มนุษย์เริ่มสร้างสรรค์หลายๆอย่าง เกิดการแก่งแย่ง ความขัดแย่ง เกิดสงคราม สิ่งที่มนุษยชาติสร้างขึ้นกำลังทำลายโลกใบนี้อย่างช้าๆ
ท่อน IV. "The Understanding"
มนุษย์ได้เข้าใจ เราเป็นเพียงส่วนหนึ่งอันเล็กจ้อย ความตายรอเราอยู่ แต่โลกยังคงหมุนไป ลูกหลานแห่งทะเลดีโวเนี่ยนก็ยังดำรงอยู่ต่อไป ช้าหรือเร็วเราอาจจะหายไปหมดจากโลก เป็นเพียงแค่ตัวละครที่ออกมาหลังจากม่านเปิดออก เมื่อละครจบ ม่านปิดเราก็จากไป
ท่อน V. "Sea-Worn Driftwood"
ทุกๆสิ่งอาจจะกลับคืนสู่ทะเล แค่นั่น
เพลงในช่วงแรกจะเป็นออเคสตราบรรเลงอารมณ์แบบ Epic หน่อยๆ มีความโกลาหล วุ่นวายและความทรหด ท่อนที่ 2 พาร์ทริทึ่ม กีตาร์ เบส กลอง นักร้องเข้ามา โดยในส่วนของท่อนฮุคของท่อนนี้จะใช้ทำนองจากท่อนที่หนึ่ง ท่อนที่ 3 มีเสียงสัตว์ต่างๆนานาชนิด ที่ จขกท. ได้ยินส่วนใหญ่น่าจะเป็นเสียงของลิง เสียงของมนุษย์ยุคโบราณตีเกาะเคาะไม้ เสียงของดนตรีคลาสสิก น่าจะเป็นเพลงของ โจฮัน เซบาสเตียน บาค มีเสียงของจรวดดังสนั่นคงสื่อถึงสงคราม ท้ายท่อนนี้มีคำร้องที่ร้องว่า "เราอยู่ที่นี่" ซึ่งฟังแล้วรู้สึกขนลึกมาก ตื้นตันด้วยแหละ ท่อนที่สี่ นี้เป็นท่อนที่มีบทพูดและใช้ออเคสตราบรรเลงอย่างเดียวอลังการงานสร้างมาก ขนลุกเช่นกัน ท่อนสุดท้ายเหมือนจะเป็นท่อนล้างหู 55 คือมีเสียงปลาวาฬเสียงทะเล เสียงลม เสียงธรรมชาติเบาๆ ดูสงบ
พูดซะยืดยาว ไปฟังเพลงกันดีกว่าครับ
ฟังเพลงที่ยืดยาวนี้แล้วรู้สึกอย่างไรบ้างครับ แฟนคลับ Nightwish มีข้อมูลอะไรเพิ่มเติมบ้าง เชิญแสดงความคิดเห็นได้เลยครับผม