แสงระวี…..บทที่ 12 (รีไรท์)

กระทู้สนทนา

.

                    และแล้ววันที่รอคอยเนิ่นนานก็มาถึง…

                   เช้าวันแรกของการมาเรียนชั้น ม.4 โรงเรียนแห่งใหม่ เพื่อนใหม่ แสงระวีเตรียมความพร้อมมาก เพื่อมารับสิ่งใหม่ ๆ ในโรงเรียนแห่งนี้ ฝ้ายกับยูเอ็นเลือกเรียนอยู่ที่เดิม อย่างไรก็ยังเป็นเพื่อนกันเสมอ ก่อนปิดเทอมพวกเธอสัญญากันไว้จะไม่ลืมกันตลอดไป

                    รถรับส่งนักเรียนหลายหมู่บ้าน หลายอำเภอทยอยเข้ามาจอดประจำจุด นักเรียนหลายคนทยอยเดินเข้ามาในเขตบริเวณโรงเรียน บ้างก็ขับมอเตอร์ไซค์มาเอง บ้างพ่อแม่ผู้ปกครองมาส่ง แสงระวียืนดูอย่างตื่นตาตื่นใจกับการเปิดเรียนวันแรก

                    แอบเขินนิดหน่อยกับชุด ม.ปลาย ทรงผมยังตัดสั้นมาจาก ม.ต้น อีกหน่อยก็คงยาว รู้สึกเแปลก ๆ กับการที่ต้องเอาเสื้อเข้าในกระโปรง มันทำให้เห็นรูปร่างสัดส่วนร่างกายชัดเจน ใครหุ่นดียังพอทำเนา ใครอ้วนนี่สิ คงต้องทำใจให้ชินล่ะ เพราะจะต้องสวมใส่ถึง 3 ปี ม.ต้นยังพอมีชายเสื้อปกปิดรูปร่างเอาไว้

                    นาทีแรกที่เดินลงมาจากรถรับส่ง และ เดินเข้ามาในโรงเรียน เจลก็ชวนเธอและเจนถ่ายรูปเก็บไว้ เพราะเป็นการใส่ชุด ม.ปลายวันแรก เจลบอกว่าจะเอาไปลงไฮท์ไฟท์ และเฟซบุ๊ก

                   เธอทำหน้าสงสัย ไม่เคยรู้จักสองอย่างที่เจลพูดมาเลย มันคืออะไร เจลและเจนช่วยกันอธิบายให้เธอเข้าใจ และ สัญญาว่าจะพาเธอไปสมัครเป็นสมาชิกด้วย ที่ร้านคอมพิวเตอร์ข้างโรงเรียน

                   แสงระวีเดินเข้ามาในเขตบริเวณโรงเรียนพร้อมกับพี่สาวฝาแฝด ทั้งสามคนพากันเดินตรงไปยังอาคารชั้น ม.4 เดินไปตามทางเดินลัดเลาะผ่านตึกนั้นตึกนี้เข้ามา เจนทำตัวเป็นไกด์จำเป็นคอยแนะนำว่าอาคารนี้อาคารอะไร ใช้ทำอะไรบ้าง มุมนั้นมุมนี้คืออะไรใช้ทำอะไร แสงระวีเดินตามหลังพี่ ๆ พร้อมฟังเจนพูดไปด้วยอย่างเพลิดเพลิน

                  เมื่อเดินมาถึงอาคารชั้น ม.4 ทั้งสามคนเดินดูรายชื่อของตนเองที่ติดตามหน้าห้อง แสงระวีเมื่อเจอชื่อของตนเองเผยยิ้มที่มุมปากนิดหน่อย แต่ สายตายังไม่หยุดมองหาชื่อใครบางคน หนึ่งอยู่ห้องไหนนะ เดินหาตั้งแต่ห้องแรกถึงห้องสิบยังไม่เจอชื่อหนึ่งเลย

                    อดคิดไม่ได้ว่าหนึ่งจะผิดสัญญาที่ให้กันไว้หรือเปล่า หรือไปเรียนที่อื่น อีกสามห้องยังไม่ได้เดินไปดูซึ่งเป็นห้องนอกเหนือจากห้องธรรมดา ที่ลูกคนธรรมดาเรียน แสงระวีกำลังจะเดินไปดูต้องหยุดเมื่อมีสายเรียกเข้า หยิบมือถือขึ้นมาดูเป็นเบอร์ของหนึ่ง เผยยิ้มกว้างอย่างเห็นได้ชัดก่อนกดรับสาย

                  “ว่าไงหนึ่ง วีอยู่อาคารเรียนแล้ว หนึ่งอยู่ไหน” พูดพลันสายตาก็มองหาเจ้าของเบอร์ที่โทรมา

                   “กำลังถึงแป๊บ ๆ “ เสียงดังคร๊อกแคร๊ก กุกกักของปลายสาย เหมือนกำลังทำอะไรสักอย่าง น่าจะกำลังรีบเดินอยู่

                  เมื่อได้ยินแบบนี้แสงระวียิ้มออกมาได้ ที่เดินดูมาไม่มีชื่อ’พชร’เลย น่าจะอยู่ห้องหนึ่งในสามห้องที่เหลือนั่นแหละ มีความเป็นไปได้ที่สุด เพราะเคยได้ยินหนึ่งเปรย ๆ เอาไว้ว่า ม.ปลาย อาจจะเรียนห้องพิเศษ ระหว่างรอหนึ่งแสงระวีตัดสินใจถามเจนจะได้หายสงสัย ครั้นรอหนึ่งมาตอบก็อดใจไม่ไหว

                  “เจนหนึ่งอยู่ห้องไหนอ่ะ อย่าบอกนะว่าห้องลูกคนรวยนั่น” ที่จริงสามห้องที่เหลือมีชื่อเรียก แต่ส่วนมากนักเรียนทุกคนจะเรียกห้องพวกนี้ว่าห้องลูกคนรวย เพราะมีค่าใช้จ่าย

                  “อือ ห้อง 13 นั่นไงมาแล้ว” เจนตอบพร้อมบุ้ยหน้าเป็นเชิงบอกว่าหนึ่งมาแล้ว กำลังขึ้นบันไดมา แสงระวีหันไปมองตาม หนึ่งกำลังเดินมาหาพวกเธอสามคนพี่น้องที่นั่งอยู่ระเบียงห้องพร้อมส่งยิ้มให้มาแต่ไกล

                  แสงระวีแอบมองสำรวจหนึ่งตั้งแต่หัวจดเท้า หนึ่งในชุด ม.ปลาย ทรงผมรองทรงสูงดูดีไปอีกแบบ ผิดกับตนเองยังผมสั้นเหมือนเดิม โรงเรียนนี้ให้ไว้ผมยาวได้ แสงระวีสังเกตเห็นเพื่อน ๆ ผู้หญิงมีแต่คนไว้ผมสั้น พี่ ม.5 กับ ม.6 ยังเป็นผมสั้นกันอยู่เลย แสงระวีคิดว่าตนเองอาจจะไม่ไว้ผมยาวตามคนพวกนั้นก็ได้

                  ที่เธอรู้ว่าคนไหนอยู่ชั้น ม.5 หรือ ม.6 สังเกตจากดาวที่ปักอยู่บนคอเสื้อนักเรียนนั่นแหละ คนที่ผมยาวก็มี น่าจะเรียนนาฏศิลป์ แอบคิดหรือว่าโรงเรียนนี้นิยมผมสั้นหน้าเด็กกัน

                ปรายตามองหนึ่งที่กำลังเดินมาและยิ้มให้ เธอเคยเห็นหนึ่งในชุด ม.ต้นก็เหมือนเด็ก ๆ  พอวันนี้หนึ่งในชุด ม.ปลายทรงผมเปลี่ยนไป ดูโตขึ้นดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นอย่างผิดหูผิดตา ไม่ใช่แค่เธอที่มอง หนึ่งเองก็มองและจ้องมาที่เธออย่างไม่กะพริบตาเช่นกัน พร้อมยิ้มให้หน้าบานมาเชียว

                   “บ้านอยู่แค่นี้ยังมาสายอีกนะพ่อคุณ แม่นางแสงระวีรอใจจดใจจ่อแล้ว” เจนบ่นหนึ่งแถมยังมิวายล้อเธออีก ส่วนคนโดนบ่นยิ้มเขินเมื่อพูดถึงชื่อเธอ

                   “ก็เพราะบ้านอยู่แค่นี้แหละเลยมาสาย ได้เปรียบเว้ย พวกนั้นล่ะ” หนึ่งหมายถึงเก้ากับปุ้มยังไม่เห็นใครสักคนเลย หนึ่งวางกระเป๋าพร้อมนั่งลงข้าง ๆ แสงระวี นั่งชิด ๆ กันโดยที่แสงระวีก็ไม่ว่าอะไร ทำเพียงส่งยิ้มให้เท่านั้น มันรู้สึกเขินแปลก ๆ

                 พอมาถึงไม่คุยกันสักคำ ทั้งที่คุยกันทุกวัน พอเห็นหน้ากันก็ไม่กล้าพูด ไม่มีอะไรจะพูด ไม่ใช่แค่ตนเองที่รู้สึก แสงระวีเองก็คงจะรู้สึกแบบนั้น ต่างคนต่างเงียบ มีเพียงแววตาและรอยยิ้มที่ยังทำหน้าที่ของมันอยู่ตลอดเวลา

                   “เออเป็นแฟนกันไม่คุยกันเว้ย ไม่ถงไม่ถามกันสักคำเลยเว้ย” โดนเจลล้อเข้าให้ พวกเธอสองคนอมยิ้มให้กัน เธอมองค้อนให้เจลไปหนึ่งที บังอาจมาล้อในยามนี้  เจนก็เหมือนกันหัวเราะที่เจลล้อพวกเธออย่างสนุก หัวเราะทำไม ไม่เข้าใจเหรอว่ามันยังเขินอยู่ เหน็บพี่สาวฝาแฝดในใจ

                   แสงระวีเมื่อถูกแซวก็ทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้จะทำตัวอย่างไร ถึงจะคุยกันทุกวันมันก็ยังไม่ชิน คุยกันทุกวันไม่ใช่เจอกันทุกวันสักหน่อย มันจะชินได้อย่างไร

                   “ก็จะพูดอยู่นี่ไง เก้ากับปุ้มกับแพมยังไม่เห็นตั้งแต่มาเลย สงสัยมาสาย” แสงระวีเขินพูดเสียงเบา ๆ ออกมา พูดแก้ต่างที่โดนล้อ พร้อมหันหน้าไปหาหนึ่ง ไม่เคยเป็นแบบนี้ มันบอกไม่ถูกจะบอกว่าอายก็อายเขินก็เขิน ถึงจะคุยกันทุกวัน เจอกันบ้างตามโอกาสมันก็ยังไม่ชิน

                    “วีได้อยู่ห้องไหนอ่ะ มืงด้วยไอ้คู่แฝดนรก” หนึ่งเน้นประโยคท้าย ๆ ขอเอาคืนบ้างที่บังอาจมาล้อให้เขิน

                   “กุกับอี่วีอยู่ห้องเดียวกันห้อง 10 อี่เจลห้อง 5 ว่าแต่มืงกับไอ้เก้าอ่ะ” เจนเป็นคนตอบ พร้อมถามถึงเพื่อนที่ยังมาไม่ถึงด้วย นี่ก็สายจวนจะเข้าแถวอยู่แล้ว ยังไม่โผล่หัวกันมาอีก

                      “ห้องสุดท้ายคะรับ ห้อง 13” หนึ่งตอบแบบยิ้ม ๆ พูดทะเล้นกลั้วหัวเราะให้พวกเธอ

                   “นู่นมาแล้วคู่หูดูโอ้” บุ้ยหน้าบอกเพื่อนไปทางคู่ชายหญิงที่กำลังเดินเข้ามา แสงระวีมองเห็นเก้ากับปุ้มกำลังเดินมาด้วยกัน ไม่เห็นแพมมาด้วยน่าจะมาสาย นี่ก็สายมากแล้วนะอีกหน่อยก็ถึงเวลาเข้าแถม  อีกอย่างปุ้มกับแพมอยู่หมู่บ้านเดียวกัน ทำไมปุ้มมาคนเดียว น่าจะต้องมาพร้อมกันสิ “หนึ่งแพมเรียนต่อที่นี่มั้ย” แสงระวีตัดสินใจถามหนึ่งด้วยความสงสัย

                “แพมเรียนที่ขอนแก่น” หนึ่งตอบด้วยท่าทางสบายอารมณ์

                  “อย่าบอกนะว่า..” แสงระวีหยุดพูดไว้ตรงคำว่า’ว่า’ สื่อความหมายถึงแพมไปเรียนที่โรงเรียนเดียวกันกับพี่สาวของหนึ่งใช่หรือเปล่า

                  “อือตามนั้นแหละ” หนึ่งตอบ เข้าใจคำถามที่แสงระวีถาม พร้อมลุกขึ้นยืนมองไปทางเก้าโบกไม้โบกมือเพื่อให้เก้ามองเห็นพวกตน “แล้ววีมาถึงนานยังอ่ะ” ถามเมื่อนึกขึ้นมาได้

                   “โห่…วีถึงตั้งแต่เช้าแล้ว ทำไมไม่อยู่ห้อง 10 ” เมื่อความรู้สึกเริ่มเข้าที่เข้าทาง ไม่อายอีกแล้ว ทำให้มีคำพูดมากมายที่จะถามและคุยกัน ถามพร้อมทำสีหน้าท่าทางงอนนิดหน่อย ก็อยากเรียนห้องเดียวกันนี่นา

                    “ทำไมอยากให้เค้าอยู่ห้อง 10 เหรอ”

                    “อือ” ตอบพร้อมเลิกคิ้วให้ด้วย

                    “อยู่ห้อง 13 ก็อาคารเดียวกันแหละ มาหาได้”

                      “ก็อยากให้อยู่ห้องเดียวกัน” สาวเจ้ายังพูดด้วยท่าทางงอน สองคนคุยกันไม่สนใจเพื่อน ๆ คนไหนเลยคราวนี้ ทำงอนไปอย่างนั้นเอง ไม่บังคับกันอยู่แล้ว

                      “ถึงจะเลือกลงห้องธรรมดา แล้วมันเลือกได้ที่ไหนเล่า ขึ้นอยู่กับคะแนนสอบเราเหมือนเดิม” หนึ่งยิ้มอธิบายเหตุผล นึกเอ็นดูแฟนสาว แอบสำรวจเรือนร่างของเธอก็น่ารักดี ใส่ชุด ม.ปลายสวยดีดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นเยอะเลย

                      แสงระวีลืมคิดถึงตรงนี้ไป จำนนท์พยักหน้าเข้าใจกับสิ่งที่หนึ่งพูด ถึงอย่างไรก็ใกล้กันมากกว่าเมื่อก่อน สองคนนั่งข้าง ๆ ติดกัน คุยกันฆ่าเวลารอเข้าแถวใสตอนเช้า

                   เก้ากับปุ้มมาถึงพูดคุยทักทายพวกเธอพอเป็นพิธี เพราะรู้จักกันหมดแล้ว ไม่มีใครมาใหม่สักคน แม้แต่แสงระวีก็รู้จักดี ทุกคนทำตัวปกติมีเพียงแสงระวีที่ดูจะตื่นเต้นกว่าใคร ๆ แน่นอนอยู่แล้วเพราะที่นี่เป็นโรงเรียนแห่งใหม่นี่ ได้เจอสิ่งแวดล้อมใหม่ เพื่อนใหม่ มันจึงดูตื่นเต้นกว่าปกติ

                     เสียงออดดังเข้าแถวในตอนเช้า ทุกคนที่อยู่บนอาคารต่างเดินลงไปยังสนามฟุตบอล หนึ่งปรนนิบัติเธออย่างดีเพราะเป็นเจ้าถิ่น เดินไปเข้าแถวด้วยกันพร้อมกับแนะนำในเรื่องต่าง ๆ ที่เธอยังไม่รู้

                   พอเข้าแถวเรียบร้อยแยกย้ายกันเข้าห้องเรียนของใครของมัน เจนกับเธอนั่งโต๊ะคู่กัน เธอทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ มีหลายคนที่มาจากต่างโรงเรียนเหมือนกัน ทุกคนแนะนำตัวอย่างเป็นทางการที่หน้าห้องเป็นรายบุคคลในชั่วโมงแรก

                  วันแรกยังไม่มีการเรียนการสอนอย่างเป็นทางการมากนัก คุณครูให้แนะนำตัวให้กันและกันภายในห้องเรียนรู้จัก มีทั้งหน้าเก่าที่จบจากที่เดิม มีทั้งหน้าใหม่ที่ย้ายมาจากที่อื่น แสงระวีไม่เบื่อเลยสักนิดสนุกมาก ได้เสียงหัวเราะและได้รู้จักเพื่อน ๆ ในห้องมากขึ้น แรก ๆ ครูก็ให้แนะนำทั้งชื่อจริงชื่อเล่นหลัง ๆ มาก็เหลือแต่ชื่อจริงเพราะรู้จักกันหมดแล้ว

                    พักเที่ยงหนึ่งมารอเธอกับเจนที่หน้าห้องเพื่อลงไปทานข้าวพร้อมกัน วันนี้เธอพึ่งรู้ว่าเจลไม่ได้เล่นกับเจนเวลาอยู่ที่โรงเรียน กลุ่มใครกลุ่มมัน เจลมีเพื่อนของตนเองอีกกลุ่ม ส่วนเก้าอยู่กับปุ้มเป็นส่วนใหญ่ เมื่อเห็นการใช้ชีวิตของแต่ละคนก็แสยะยิ้มด้วยความตลก เห็นเล่นด้วยกันนึกว่าจะเกาะกลุ่มกันเสียอีก ที่ไหนได้อยู่ที่โรงเรียนต่างคนต่างอยู่แบบนี้นี่เอง นึกตลกกับเพื่อน ๆ มาก

                   ถึงอย่างไรทุกคนก็ยังสนิทกัน เล่นด้วยกันเหมือนเดิม จะว่าไปก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรมากมาย ส่วนเก้าเมื่อก่อนคงสนิทกับหนึ่งไม่น้อย คงไปไหนมาไหนด้วยกัน พอมีปุ้มเป็นแฟนจึงทุ่มเทเวลาให้แฟน แสงระวีใจลอยคิดไปเรื่อยเปื่อย มองไปรอบ ๆ ตัวมีนักเรียนมากมายละลานตาไปหมด ส่งเสียงดังคุยแข่งกัน ไม่เหมือนโรงเรียนเดิมสักนิด

                  เธอรู้สึกคิดถึงเพื่อน ๆ ที่โรงเรียนเดิมขึ้นมา ตอนนี้ฝ้ายกับยูเอ็นจะทำอะไรอยู่ คงเล่นด้วยกันสองคน จะไปเข้ากลุ่มกับพวกไหนก็ไม่รู้ เมื่อตอน ม.ต้นพวกเธอมีกันแค่สามคนเอง

                   “วีคิดอะไรอยู่เหรอ” หนึ่งถาม คงสังเกตเธอมานานแล้ว ทั้งสามคนนั่งทานข้าวที่โรงอาหารเวลานี้เป็นช่วงของ ม.ปลาย รับประทานอาหารเที่ยง ส่วนน้อง ม.ต้นทานเสร็จเรียบร้อยไปแล้ว

                   ทางโรงเรียนมีการพักเที่ยงสองรอบ ไม่อย่างนั้นที่นั่งในโรงอาหารไม่พอ ทุกคนคุยกันเสียงดังอย่างไม่รู้ตัวเพราะต่างคนต่างคุย อากาศร้อนอบอ้าวมาก ถึงจะมีพัดลมเพดานก็ยังร้องอยู่ดี

                   “คิดถึงโรงเรียนเดิมอ่ะดิ เข้าใจกูก็เคยเป็น” เจนมองหน้าเธอและพูดขึ้น

                   ทำไมช่างรู้ใจเธอเหลือเกิน ทำอย่างกับมีหูทิพย์ได้ยินเสียงพูดในใจของเธออย่างนั้นแหละ ใช่แล้วเธอคิดถึงเพื่อนที่นั่น คิดถึงฝ้ายคิดถึงยูเอ็น คิดถึงทุกคนในห้อง 5
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่