แสงระวี….บทที่ 11 (รีไรท์)

กระทู้สนทนา

.


                 วันเวลาผ่านไปเร็วเหมือนกันสำหรับปิดเทอมภาคเรียนที่หนึ่ง ยังพักผ่อนไม่เพียงพอเลยสักนิดก็เปิดเทอมแล้ว ใครหลายคนอาจจะโอดครวญว่าเปิดเทอมเร็ว สำหรับแสงระวีแค่วันเดียวก็ยาวนานมากในความรู้สึก อยากเปิดเทอม อยากเรียน อยากสอบ ที่แน่ ๆ เดือนนี้วันที่สิบเอ็ดเป็นวันลอยกระทงประจำปี ถือเป็นโอกาสเดียวจะได้เจอกันกับหนึ่ง

                    ปฏิทินทำเองปริ้นใส่กระดาษเอสี่สีขาว ติดไว้ที่ผนังห้อง มันถูกดินสอวงกลมทับตัวเลขสิ้นสุดการรอคอยคือวันที่สิบเอ็ดของเดือนพฤศจิกายน

                   แสงระวีคุยกับหนึ่งได้ไม่เต็มที่เท่าไหร่เพราะพ่ออยู่บ้าน พ่อกำลังต่อเติมบ้านชั้นล่าง จึงทำให้ต้องยกเลิกการคุยหลังเลิกเรียนไปก่อน น่าจะกินเวลาเป็นเดือนเพราะพ่อทำคนเดียว ส่วนลุงจันทร์มาช่วยบ้างไม่มาบ้าง ลุงเป็นผู้ใหญ่บ้าน ต้องออกงานราษฏร์งานหลวงอยู่บ่อย ๆ

                  ช่วงนี้นับว่าเป็นช่วงที่สองคนลำบากในการคุยกันเหลือเกิน ต้องอดทน ยังดีที่หนึ่งเข้าใจ คุยกันได้เต็มที่แค่วันไปโรงเรียนเท่านั้น แม้แต่เสาร์อาทิตย์ก็แทบจะไม่ได้คุยกัน วันไหนไปเล่นบ้านของสองฝาแฝดถึงโทรคุยกันได้ บางครั้งก็ไม่ได้คุยเลยเนื่องจากลุงกับป้าอยู่บ้าน แสงระวีไม่อยากเสี่ยง และ ถือโอกาสใช้เป็นช่วงวัดใจกันไปเลย ว่าหนึ่งจะทนรอได้ไหม สำหรับแสงระวีรอได้เสมอ

                     “หนึ่งเลิกเรียนวันนี้ไม่ได้คุยเหมือนเดิมนะ พ่ออยู่บ้านยังทำบ้านไม่เสร็จเลย ดูแล้วน่าจะอีกนาน ตัวเองอย่าน้อยใจนะ” แสงระวีพูดอ้อน ถึงจะอ้อนด้วยความตลกทว่าแฝงไปด้วยความระแวงและแคร์ความรู้สึก นั่งคุยกับหนึ่งใต้ต้นยูคาลิปตัสตรงขอบสนามฟุตบอลที่โรงเรียน

                   มุมนี้มันร่มรื่นนอกจากจะมีต้นยูคาลิปตัสสามสี่ต้นแล้ว ยังมีต้นกระบกต้นประดู่คอยให้ร่มเงาเย็นสบาย กลุ่มของพวกเธอจึงยึดตรงนี้เป็นฐานที่ตั้ง วันไหนมีกลุ่มอื่นมาแย่งจะแอบเขม่นกันเล็กน้อย สุดท้ายก็ปล่อยไป พวกเธอก็หาที่นั่งใหม่เป็นแบบนี้อยู่ประจำ

                     “แค่ก่อชั้นล่างทำไมนาน พ่อเจนก็ไปช่วยหนิ” หนึ่งงอแงเหมือนน้อยใจ เหมือนเด็กอยากได้ของเล่น แสงระวีเข้าใจในความรู้สึกนั้น เพราะตนเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน เมื่อไหร่บ้านจะเสร็จ มันนานมากในความรู้สึก แม้มันจะพึ่งผ่านไปแค่สัปดาห์เท่านั้น ทว่าการรอคอยช่างเนิ่นนาน

                    พ่อพึ่งจะเริ่มก่ออิฐวันแรก ที่ผ่านมาขึ้นโครงหลังคา ดูแล้วทรงสวยเหมือนกัน พอนึกถึงตรงนี้แสงระวีก็ตัดใจปลอบใจตัวเองและหนึ่งด้วย เอาน่าแลกกับบ้านสวย หนึ่งมาหาที่บ้านจะได้ไม่อาย

                    “ลุงจันทร์เค้าไม่ได้มาช่วยทุกวันหนิ พ่อทำอยู่คนเดียว อีกอย่างบ้านวีสวยนะพ่อทำเหมือนบ้านคนในเมืองน่ะ เหมือนบ้านหนึ่ง”

                    “เฮ้ย! เดี๋ยวนะทำไมรู้ว่าเหมือนบ้านหนึ่ง แน่!แอบมาบ้านหนึ่งเหรอ ฮา ” หนึ่งหัวเราะคิกคักผ่านโทรศัพท์ น้ำเสียงที่ดูน้อยใจหายไป คงคาดไม่ถึงว่าเธอจะรู้จักบ้านของตนเองเข้า

                     “เคยเห็นดิ เข้าไปในเมืองผ่านตลอดแหละ บ้านหนึ่งอยู่ทางหนีตำรวจอ่ะ มันจะเป็นทางลัดไปห้างด้วยใช่มั้ย อี่เจนกับอี่เจลพาผ่านประจำ อย่าเผลอพาคนอื่นไปบ้านเชียว หึหึ” ขู่เสียเลย แสงระวีอธิบายเส้นทางไปบ้านของหนึ่งอย่างละเอียด รู้ตั้งนานแล้วว่าบ้านหนึ่งหลังไหน ไปทางไหน เจนพาใช้เส้นทางนี้ตลอดถ้าจะเข้าไปห้างสรรพสินค้า

                     ไม่ใช่แค่พวกเธอที่ใช้เส้นทางนี้กัน พวกวัยรุ่นที่ไม่มีใบขับขี่ทุกคนก็ใช้เส้นทางนี้ บ้านหนึ่งแค่บังเอิญอยู่แถวทางผ่านนั้นพอดี

                     “ไม่บอกกันเลย รู้นานยังเนี่ย” หนึ่งพูดด้วยอาการคนตื่นเต้น ตื่นเต้นแบบไม่คิดว่าสาวเจ้าจะรู้จักบ้านของตนเอง ดีใจมากกว่าไม่ได้นึกงอนที่รู้จักก่อนพามาแนะนำ

                     “ไม่บอกหรอกแอบไปน่ะดีแล้ว เผื่อเจออยู่กับคนอื่นจะได้เลิกเลย” พูดประชดเข้าให้ ทว่าแฝงไปด้วยรอยยิ้มขณะพูด

                      “ดีนะที่ไม่เคยพาเค้าออกมานั่งเล่นข้างนอกบ้าน ไม่งั้นบางคนเห็นล่ะแย่เลย ฮา ” หนึ่งพูดพร้อมเสียงหัวเราะ เพียงอยากจะแหย่เธอเล่นเท่านั้น

                    “หนึ่ง! “ พูดเน้นเสียงอย่างไม่ชอบใจ ทว่าก็ยังแฝงไปด้วยรอยยิ้มขณะพูดเหมือนเดิม เชื่อว่าหนึ่งพูดเย้าแหย่เท่านั้น

                     “ล้อเล่นค๊าบ เค้ารักวีนะรักคนเดียวด้วย ถ้าเค้าไม่รักวีเค้าไม่รอวีแบบนี้หรอก ไม่อยู่แบบนี้หรอก คนอื่นคุยกันเจอกันง่าย ๆ มีตั้งเยอะแยะ”

                      “เช่นแพมใช่มั้ย” แสงระวีได้โอกาสประชดทันที ที่จริงแพมกับหนึ่งไม่ได้คบกัน แต่มันก็อดที่จะแอบคิดไม่ได้ ไม่เคยเห็นแฟนแพมเลย เจนก็ไม่พูดถึง หน้าตาก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไรน่าจะหาแฟนได้ คิดอีกมุมหรือว่าแพมจะชอบผู้หญิง คิดในแง่ร้ายหรือว่าแพมจะแอบชอบหนึ่ง

                    “วี” ออกเสียงห้วน ๆ นิดหน่อยเหมือนไม่ค่อยพอใจที่เธอประชดแบบนี้ “ขออะไรอย่างได้มั้ย เลิกคิดว่าหนึ่งกับแพมคบกันได้มั้ย คุยกับวีทุกวันจะคบแพมได้ไง อีกอย่างแพมก็รู้ว่าหนึ่งคบกับวี หนึ่งขอได้มั้ยวีเรื่องแพมอ่ะ” พูดจบก็เงียบไป นิ่งฟังคำตอบจากเธอ

                      “ก็หนึ่งสนิทแพมเกินไปมั้ย วีก็อดคิดไม่ได้ ทำไมต้องขึ้นเสียงใส่วีด้วยล่ะ” ตอบไปด้วยความน้อยที่โดนปลายสายขึ้นเสียงใส่

                     “ขึ้นเสียงตรงไหน” คนโดนกล่าวหาพูดเสียงเอื่อยลง

                    “ตรงวี! นี่ไง ขึ้นเสียงทำไมล่ะ”

                   “โอยแค่นี้ก็ว่าขึ้นเสียง หนึ่งกับแพมเรียนมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ประถมก็โรงเรียนเดียวกัน พอมัธยมเรียนโรงเรียนเดียวกันอีก เป็นวีจะสนิทมั้ยล่ะ เรียนห้องเดียวกันด้วย”

                  “อือสนิทก็สนิท อย่ามากกว่าเพื่อนละกัน เลิกแน่! แค่นี้แหละวีเลิกเรียนแล้ว จะกลับบ้าน คุยไม่ได้นะพ่ออยู่บ้าน ลอยกระทงเจอกัน”

                 “ครับ ลอยกระทงเจอกัน”

                   แสงระวีวางสายจากหนึ่งเก็บโทรศัพท์เตรียมตัวกลับบ้าน เมื่อเสียงออดสุดท้ายดังขึ้น แสงระวีเดินกลับบ้านของตนพร้อมเพื่อนนักเรียนรุ่นน้องและรุ่นพี่คนอื่น ๆ หลายคน ระหว่างเดินกลับก็คิดว่าเมื่อไหร่จะมีรถมอเตอร์ไซค์เป็นของตัวเองเหมือนคนอื่นสักที คงอีกนานหรือก็ไม่มีวันนั้นเลย เพราะตนเองเลือกที่จะเข้าไปเรียนต่อในเมืองแล้วหนิ

                   ทุกอย่างต้องมีข้อแลกเปลี่ยนเสมอ แม้แต่ชีวิตที่เพียบพร้อมอย่างเจลและเจน ยังมีบางอย่างที่ไม่ได้ดั่งใจ เดินไปด้วยนึกอะไรเพลิน ๆ ไปด้วย เดินไปเดินกลับระหว่างบ้านกับโรงเรียนหนึ่งกิโลก็ถึงเร็ว ถ้ามีเพื่อนร่วมเดินทาง

                    กลับมาถึงบ้านเห็นพ่อกำลังก่ออิฐอยู่คนเดียว ลุงจันทร์คงออกงานหลวงพ่อถึงได้ทำคนเดียว บ้านเกือบจะเสร็จทั้งหลังอีกไม่กี่วันก็คงเป็นรูปเป็นร่าง แสงระวียิ้มดูพ่อทำอย่างดีใจ บ้านจะสวยเหมือนบ้านเพื่อนสักที จะได้มีห้องนอนเป็นของตัวเองด้วย มีความเป็นส่วนตัวแค่คิดก็มีความสุข

                   “พ่อลุงจันทร์ไม่ได้มาช่วยเหรอ” ถามพ่อไปอย่างนั้นเอง หลังนำกระเป๋านักเรียนขึ้นไปเก็บบนบ้านเรียบร้อย ลงมานั่งดูพ่อทำบ้านต่อ

                  “ลุงไม่ว่าง” พ่อตอบทว่าไม่หันมาสนใจเธอ ง่วนอยู่กับการก่ออิฐบล็อก

                     “พ่อทำครัวเหมือนบ้านในละครด้วยนะ ที่มีอ่างล้างจานด้วยอ่ะ มีตู้เก็บจานด้วยเหมือนในละครพ่อนึกออกมั้ย” แสงระวีพูดกับพ่อนั่งดูพ่อก่ออิฐ หยิบจับช่วยพ่อบ้าง ไม่กล้าที่จะไปเล่นที่ไหน อยู่เป็นลูกมือช่วยพ่อจะได้ทำเสร็จเร็ว ๆ ดีกว่า

                   “มีเงินก่อนเดี๋ยวทำให้ ทำไปทีละนิดละหน่อย ก่อเสร็จนะเทพื้นปูกระเบื้องสวย ๆ ขายอ้อยได้งวดหน้าพ่อก็จะซื้อประตูหน้าต่างมาใส่ เอาประตูแบบไหน” พ่อพักดื่มน้ำ ขายฝันให้เธออีกแล้ว แต่ก็ชอบ ยิ้มให้พ่อด้วยความดีใจ พ่อนั่งดื่มน้ำชมฝีมือตัวเองอย่างมีความสุข

                   “เอาประตูกระจกทึบแบบเลื่อนนะพ่อ หน้าต่างเอาหน้าต่างไม้ใหญ่ ๆ ยาว ๆ เหมือนบ้านพ่อต้นแม่ไพรน่ะ หน้าต่างแบบนี้สวย” แสงระวียกตัวอย่างบ้านคนอื่น สองพ่อลูกนั่งคุยกัน วาดฝันไปถึงสิ่งที่ยังมาไม่ถึง มันช่างมีความสุขเสียจริง

                    “ประตูก็เอาเป็นไม้เหมือนกัน ประตูกระจกอันตรายเดี๋ยวแตกอีก ติดม่านอีกมันก็สวยแหละ ไม้ก็สวยเหมือนกันนา ทาสีเข้าไปสวยออก เห็นมั้ยบ้านพ่อชัยน่ะ” แสงระวีย่นจมูกด้วยความผิดหวัง แล้วพ่อจะให้เสนอความคิดเห็นทำไม ประตูไม้ก็ประตูไม้ตามใจพ่อได้หมดแหละตอนนี้

                     “พ่อพรุ่งนี้วีไปลอยกระทงในเมืองนะกับไอ้แฝด เห็นว่าลุงจันทร์จะพาไป” นึกอะไรขึ้นมาได้ กระตุกยิ้มเมื่อนึกถึงหน้าใครบางคน เชื่อว่าพ่อต้องอนุญาตแน่นอน

                    “ไปก็ไปเอาน้องไปด้วย”

                    “จ้า”

                    แสงระวียิ้มดีใจที่พ่ออนุญาต นึกว่าจะโดนบ่นเป็นชุดที่อยากเข้าไปในเมือง เนื่องจากที่เทศบาลก็จัดกิจกรรมวันลอยกระทงเช่นกัน เหลือขอแม่ พอนึกถึงแม่แสงระวีแอบถอนหายใจ รายนั้นนะเรื่องมาก ถามเยอะ! ก่อนจะอนุญาตต้องบ่นให้ก่อน จะอนุญาตดี ๆ สักครั้งก็ไม่เคย นึกถึงแม่แล้วใจหวิว ๆ ขึ้นมา ขอให้แม่อนุญาตด้วยเถอะ

                    “พ่อวากับวายไปไหนอ่ะ ตั้งแต่มาวียังไม่เห็นน้องเลย”ถามหาน้องทั้งสองคน ตั้งแต่กลับมาถึงบ้านยังไม่เห็นน้อง ๆ กันเลย เห็นเพียงกระเป๋าสัมภาระนักเรียน ไปเล่นอีกแล้วสิท่า ไม่เคยจะอยู่ช่วยทำงานบ้านเลย น้องวาโตแล้วโตพอที่จะช่วยทำงานบ้านได้บ้าง แค่คิดไปถึงน้องสาว บ่นพึมพำอยู่ในใจ เธอไม่ว่าน้องหรอก งานบ้านของเธอก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย

                    สักพักเจลเดินมาหาที่บ้านมีน้องวายเดินตามมาด้วย ที่แท้น้องวายไปเล่นบ้านลุงจันทร์นี่เอง เหลือน้องวารายนี้คงไปเล่นบ้านเพื่อนอีกคุ้มแน่ ๆ  แล้วเจนไปไหนทำไมเจลมาคนเดียว แสงระวีมองพี่สาวกับน้องชายกำลังเดินมุ่งหน้ามายังบ้าน

                  “อาปันวัสดีจ้ะ” เจลทักทายพ่อ พร้อมเดินเลยพ่อมานั่งลงบนแคร่ น้องวายมาถึงก็สร้างความรำคาญให้พ่อเลย นำรถของเล่นไปเล่นทรายที่พ่อเอาไว้ผสมปูน ทว่าพ่อก็ไม่ดุปล่อยให้น้องเล่นตามสบาย

                   “พึ่งเลิกเรียนเหรอเจล อีกคนหนึ่งไปไหนอ่ะ”แสงระวีถามหาคู่แฝดของเจล

                  “เจนนะเหรอมันยังไม่เลิก ทำกิจกรรมอยู่ที่โรงเรียนกูเลยกลับก่อน” เจนตอบพร้อมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น

                  “อ้าวแล้วอี่เจนจะกลับยังไง” ถามด้วยความสงสัย ในสมองก็ครุ่นคิดไปด้วย

                    “พี่มอสไปรับมัน วีไปหาซื้อส้มตำมากินดีกว่าปะ อยากกินหิวอ่ะ” เจลไม่มีอะไรเลย มาหาเธอมีแต่หิวอย่างเดียว

                    “ก็ได้ มืงไปเอารถมาเลย วายไปกับพี่มั้ย” หันมาถามน้องชาย ถามไปอย่างนั้นเอง เผื่ออยากตามไปด้วย

                    “ไปไหนอ่ะ ไปด้วย” น้องวายพอเธอชวนจึงเลิกเล่นทราย ปัดทรายออกจากตัวให้สะอาดก่อนเดินตามพวกเธอไปเอารถมอเตอร์ไซค์ที่บ้านของเจล เธอนั่งซ้อนท้าย เจลเป็นคนขับ น้องวายนั่งหน้า พากันขับรถไปยังร้านค้าส้มตำ สเต็บเดิมคือขับขึ้นคุ้มใต้ก่อน วนมาคุ้มเหนือ ค่อยแวะร้านส้มตำ ขอขับรถเลาะหมู่บ้านสักรอบ

                    ทั้งสามคนทานส้มตำขนมจีนอย่างเอร็ดอร่อย เป็นแบบนี้เกือบทุกวัน สำหรับหลังเลิกเรียน ไม่สองฝาแฝดมาเล่นที่บ้านของเธอ เธอก็ไปเล่นที่บ้านของสองฝาแฝด

                    วันเวลาผ่านไปอย่างล้าช้า เวลามันก็เดิน 24 ชั่วโมงนั่นแหละ แต่ ความรู้สึกของเธอเหมือนหนึ่งวันมี 48 ชั่วโมง แต่ละวันมันช่างผ่านไปช้าเหลือเกิน เพราะรอคอยวันที่จะได้เจอหน้ากับบางคน รออย่างใจจดจ่อ จนลืมนึกถึงความผิดหวังเลย หากถึงวันแล้วไม่ได้เจอกันจะทำอย่างไร ไม่ได้เตรียมใจในส่วนตรงนี้ เพราะพวกเธอจะต้องได้เจอกันเท่านั้น
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  นิยายออนไลน์
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่