สวัสดีครับ มาอีกแล้ว มาบ่นอีกตามเคย ^^”
จากการที่ผมได้ลงทุนล่วงเลยมาสามสี่เดือนที่มัวแต่ซื้อๆขายๆหุ้นผ่าน settread ซื้อตามเค้าบาง อ่านข่าวบ้าง คิดเองบ้าง หรือตามเทรนไปบ้าง
ท้ายที่สุดไอ้ที่ซื้อมากับที่มีอยู่ในปัจจุบัน จะเรียกว่าขายทิ้งไปสักครึ่งได้ หลากหลายปัจจัยเลยครับ
เปลี่ยนครั้งที่ 1 จากกองทุนมาเป็นหุ้น
เข้ามาในตลาดครั้งแรกเลยก็เริ่มจากการที่ซื้อกองทุนมาสักพักละ แล้วมีความรู้สึกว่าหุ้นมันน่าจะดีกว่าก็เลยสมัครผ่านแอปเข้ามา ไม่มีไรมาก ไม่คิดไรมาก เลือกเลยจ้า CPALL เพราะมันคือ 7-11 ยังไงก็ยังได้นะ แล้วก็นั่งนิมิตเอาเลยว่าอยากได้หุ้นอะไร ประเทศเรามันก็ท่องเที่ยวอะนะ AOT MINT SIPANWA มันต้องมา เทรนสุขภาพ BDMS ตามมาติดๆ
เปลี่ยนครั้งที่ 2 เปลี่ยนแนวปรับความเสี่ยง
อยู่ๆไปสักพัก ฟังคลิป อ่านบทวิเคราะห์ เอ้ เทรนโรงพยาบาล BDMS มันก็โดดไปน่าจะกระจายไปบ้าง เลยไปถอย BH มา ราคาก็เจ็บตัวอยู่ ฟังมากๆเริ่มเพ้อ สุขภาพ อสังหา รถไฟฟ้า เลยถอนเพิ่ม ตอนนั้นคิดง่ายๆเลย เอามาก่อน ตัวไหนดี(มั้ง) และประกอบกับคิดว่าพอร์มเรามันกระจุกตัวมากไป ควรจะขยายไปหลายๆกิจการ เพื่อป้องกันความเสี่ยง เลยถอยน้องใหม่ป้ายแดงมาเพิ่ม STGT SIRI SUPER NRF คราวนี้หุ้นในมือเริ่มรุงรังละ กระจายดี แต่เบี้ยหัวแตก ยังไงต่อละทีนี้ มีหลายตัวตัวละเล็กละน้อยไม่เห็นอะไรเลย
เปลี่ยนครั้งที่ 3 มองไปนอกประเทศ
มาวันหนึ่งได้อ่านจนเจอเรืองของเวียดนาม ท่านนิเวศอธิบายถึงเวียดนาม เคลิ้มซิ เอาต่อ E1NFVN3001 เพิ่มไม่พอ ไปฟังท่านบอกว่า ประเทศไทย การบริโภคเริ่มอิ่มตัว เติบโตช้า สังเกตุจากราคาหุ้นนิ่งๆมาหลายปีแล้ว สังคมกำลังเข้าสังคมผู้สูงอายุ อัตราการบริโภคลดลง เออก็จริงนะ ภาพรวมมันอย่างนั้น เลยตัดสินใจขายหุ้นที่มีเกือบหมด ไปเทไว้ที่ E1FVFN3001 และเก็บเงินสดไว้บ้างใน CPALL ยังไงมันก็ยังขยายตัวในอนาคตเลยเก็บเพราะเสียดายด้วยส่วนหนึ่ง
ปล.ท่านนิเวศท่านพูดส่วนของท่านนะครับ ส่วนเรื่องมุมมองของผมไม่เกี่ยวกับท่านเลยนะ ผมมองของผมเอง
เปลี่ยนครั้งที่ 4 กลับสู่ที่เดิม
เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา จะลงในประเทศก็ไม่ดี มองในมุมความเสี่ยง ลงเวียดนามที่เดียวก็ไม่ดี หุ้นต่างประเทศก็เล่นไม่ได้เพราะทุนไม่ถึง เอาไงละ นั่งมึนๆงงๆอยู่อาทิตย์กว่าๆ ประกอบกับที่หลายๆท่านว่า เริ่มใหม่ไปต่างประเทศเลย ไม่ต้องลงในไทย ก็เห็นด้วยส่วนหนึ่งแล้ว แต่เงินสำรองเราต้องไว้ใกล้มือบ้าง(หุ้นไทย) และเริ่มสำรวจตัวเอง ว่าจริงๆแล้วเราต้องการอะไรจากการลงทุนกันแน่ ก็ได้ข้อสรุปกับตัวเองว่า เราต้องการระยะยาว ลงหายๆ อย่าไปดูมัน ต้องการ capital gain ปันผลได้ก็ดี ไม่ได้ก็ช่าง ยังไงละทีนี้ ต้องการการเติบโต มันก็คงต้องต่างประเทศ เพราะมันแมสกว่า โดตไวกว่า เลยไปวางไข่ในอนาคตในกองทุน ทั้ง กองเวียดนาม กองอินเดีย กองเมกา ตามเทรนกับเค้าหน่อยก็ กองเทค กองเฮล (เน้นใน helth ที่เป็นเทคโนโลยี และวางสมดุลไว้ทั้งเมกา ทั้งจีน) ขอพ่วงจีนเข้าไปหน่อยเสียหาย แต่ก็ยังเสียดายหุ้นไทยนะ ยังไงมันก็ยังมีตลาด เลยเอาติดๆไว้หน่อยที่มันตามเทรนรถไฟฟ้า กับ token ก็เลยมี siri กับ super รีเทินเข้าพอร์ทอีกรอบ
ท้ายที่สุด
1. ฟังคนโน้น ฟังคนนี้ อ่านมากไป เข้าใจเลยว่า สุดท้ายต้องศึกษาเองดีที่สุด
2. วัดกันไปเลย เราอยากเติบโต ออกต่างประเทศ แล้วอีกสิบห้าปีมาดูกัน
3. การลงทุนควรศึกษาตัวเองให้ดีก่อน เพราะสุดท้ายการที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา มันเสียทั้งโอกาส ค่าธรรมเนียม และเวลา
4. Google youtube อาจจะยังไม่พอ แต่ก็ได้มุมมองจาหลายๆท่าน ฟังไว้ไม่เสียหาย ตราบเท่าที่เค้าไม่ได้เชียร์ให้ซื้อและซื้อตามเพราะเหตุผลของเค้า
5. จากนี้คงต้องหัดดูกราฟจริงๆจังๆ เพื่อหาจังหวะเข้าซื้อหุ้นที่เรามีในพอร์ท เอาไว้ดูไม่เอาไว้ซิ่งเพราะไม่มีเวลา
6. มีเงินไม่ต้องลงจนเกลี้ยง เพราะพอมันลงอย่างสองสามวันนี้ ไม่มีเงินซื้อ เสียดายยิ่งกว่า ไม่ซื้อสักสามเดือน รอวันเดียวที่ลง น่าจะคุ้มกว่า ส่วนกองทุนคง DCA ไปเรื่อยๆ
จากนี้คงใจเย็นลง รอให้เป็น เย็นให้พอ. ตลาดไม่ได้เปิดแค่วันเดียว ไปฟังเสี่ยยักษ์สัมภาษณ์ แกเริ่ม30 กว่า กว่าจะเป็นเสี่ย เรายังมีเวลาอย่ารีบ อย่าใจร้อน สู้ๆ ฮึบๆ
ขอแชร์ไว้เป็นประสบการณ์นะครับ เผื่อใครประสบชะตากรรมเดียวกันกับผม เค้าเรียกว่าอาการ ลังเล... ^^”
ตอนนั้นฟุ้งครับ จะเอายังไงต่อ จะไปทางไหน ประเทศอะไร ตัวไหน กระจายยังไง เงินมีน้อย อยากลงมันทุกตัวเลย ตอนนี้ใจเย็นแล้ว ค่อยๆไปใจเย็นๆ (บอกตัวเอง 555)
ฝากไว้แค่นี้ครับ ขอบคุณครับ
ประสบการณ์เล่นหุ้นเปลี่ยนหุ้นไปมา จากกองทุนสู่หุ้นสู่กองทุน(อีกครั้ง)
จากการที่ผมได้ลงทุนล่วงเลยมาสามสี่เดือนที่มัวแต่ซื้อๆขายๆหุ้นผ่าน settread ซื้อตามเค้าบาง อ่านข่าวบ้าง คิดเองบ้าง หรือตามเทรนไปบ้าง
ท้ายที่สุดไอ้ที่ซื้อมากับที่มีอยู่ในปัจจุบัน จะเรียกว่าขายทิ้งไปสักครึ่งได้ หลากหลายปัจจัยเลยครับ
เปลี่ยนครั้งที่ 1 จากกองทุนมาเป็นหุ้น
เข้ามาในตลาดครั้งแรกเลยก็เริ่มจากการที่ซื้อกองทุนมาสักพักละ แล้วมีความรู้สึกว่าหุ้นมันน่าจะดีกว่าก็เลยสมัครผ่านแอปเข้ามา ไม่มีไรมาก ไม่คิดไรมาก เลือกเลยจ้า CPALL เพราะมันคือ 7-11 ยังไงก็ยังได้นะ แล้วก็นั่งนิมิตเอาเลยว่าอยากได้หุ้นอะไร ประเทศเรามันก็ท่องเที่ยวอะนะ AOT MINT SIPANWA มันต้องมา เทรนสุขภาพ BDMS ตามมาติดๆ
เปลี่ยนครั้งที่ 2 เปลี่ยนแนวปรับความเสี่ยง
อยู่ๆไปสักพัก ฟังคลิป อ่านบทวิเคราะห์ เอ้ เทรนโรงพยาบาล BDMS มันก็โดดไปน่าจะกระจายไปบ้าง เลยไปถอย BH มา ราคาก็เจ็บตัวอยู่ ฟังมากๆเริ่มเพ้อ สุขภาพ อสังหา รถไฟฟ้า เลยถอนเพิ่ม ตอนนั้นคิดง่ายๆเลย เอามาก่อน ตัวไหนดี(มั้ง) และประกอบกับคิดว่าพอร์มเรามันกระจุกตัวมากไป ควรจะขยายไปหลายๆกิจการ เพื่อป้องกันความเสี่ยง เลยถอยน้องใหม่ป้ายแดงมาเพิ่ม STGT SIRI SUPER NRF คราวนี้หุ้นในมือเริ่มรุงรังละ กระจายดี แต่เบี้ยหัวแตก ยังไงต่อละทีนี้ มีหลายตัวตัวละเล็กละน้อยไม่เห็นอะไรเลย
เปลี่ยนครั้งที่ 3 มองไปนอกประเทศ
มาวันหนึ่งได้อ่านจนเจอเรืองของเวียดนาม ท่านนิเวศอธิบายถึงเวียดนาม เคลิ้มซิ เอาต่อ E1NFVN3001 เพิ่มไม่พอ ไปฟังท่านบอกว่า ประเทศไทย การบริโภคเริ่มอิ่มตัว เติบโตช้า สังเกตุจากราคาหุ้นนิ่งๆมาหลายปีแล้ว สังคมกำลังเข้าสังคมผู้สูงอายุ อัตราการบริโภคลดลง เออก็จริงนะ ภาพรวมมันอย่างนั้น เลยตัดสินใจขายหุ้นที่มีเกือบหมด ไปเทไว้ที่ E1FVFN3001 และเก็บเงินสดไว้บ้างใน CPALL ยังไงมันก็ยังขยายตัวในอนาคตเลยเก็บเพราะเสียดายด้วยส่วนหนึ่ง
ปล.ท่านนิเวศท่านพูดส่วนของท่านนะครับ ส่วนเรื่องมุมมองของผมไม่เกี่ยวกับท่านเลยนะ ผมมองของผมเอง
เปลี่ยนครั้งที่ 4 กลับสู่ที่เดิม
เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา จะลงในประเทศก็ไม่ดี มองในมุมความเสี่ยง ลงเวียดนามที่เดียวก็ไม่ดี หุ้นต่างประเทศก็เล่นไม่ได้เพราะทุนไม่ถึง เอาไงละ นั่งมึนๆงงๆอยู่อาทิตย์กว่าๆ ประกอบกับที่หลายๆท่านว่า เริ่มใหม่ไปต่างประเทศเลย ไม่ต้องลงในไทย ก็เห็นด้วยส่วนหนึ่งแล้ว แต่เงินสำรองเราต้องไว้ใกล้มือบ้าง(หุ้นไทย) และเริ่มสำรวจตัวเอง ว่าจริงๆแล้วเราต้องการอะไรจากการลงทุนกันแน่ ก็ได้ข้อสรุปกับตัวเองว่า เราต้องการระยะยาว ลงหายๆ อย่าไปดูมัน ต้องการ capital gain ปันผลได้ก็ดี ไม่ได้ก็ช่าง ยังไงละทีนี้ ต้องการการเติบโต มันก็คงต้องต่างประเทศ เพราะมันแมสกว่า โดตไวกว่า เลยไปวางไข่ในอนาคตในกองทุน ทั้ง กองเวียดนาม กองอินเดีย กองเมกา ตามเทรนกับเค้าหน่อยก็ กองเทค กองเฮล (เน้นใน helth ที่เป็นเทคโนโลยี และวางสมดุลไว้ทั้งเมกา ทั้งจีน) ขอพ่วงจีนเข้าไปหน่อยเสียหาย แต่ก็ยังเสียดายหุ้นไทยนะ ยังไงมันก็ยังมีตลาด เลยเอาติดๆไว้หน่อยที่มันตามเทรนรถไฟฟ้า กับ token ก็เลยมี siri กับ super รีเทินเข้าพอร์ทอีกรอบ
ท้ายที่สุด
1. ฟังคนโน้น ฟังคนนี้ อ่านมากไป เข้าใจเลยว่า สุดท้ายต้องศึกษาเองดีที่สุด
2. วัดกันไปเลย เราอยากเติบโต ออกต่างประเทศ แล้วอีกสิบห้าปีมาดูกัน
3. การลงทุนควรศึกษาตัวเองให้ดีก่อน เพราะสุดท้ายการที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา มันเสียทั้งโอกาส ค่าธรรมเนียม และเวลา
4. Google youtube อาจจะยังไม่พอ แต่ก็ได้มุมมองจาหลายๆท่าน ฟังไว้ไม่เสียหาย ตราบเท่าที่เค้าไม่ได้เชียร์ให้ซื้อและซื้อตามเพราะเหตุผลของเค้า
5. จากนี้คงต้องหัดดูกราฟจริงๆจังๆ เพื่อหาจังหวะเข้าซื้อหุ้นที่เรามีในพอร์ท เอาไว้ดูไม่เอาไว้ซิ่งเพราะไม่มีเวลา
6. มีเงินไม่ต้องลงจนเกลี้ยง เพราะพอมันลงอย่างสองสามวันนี้ ไม่มีเงินซื้อ เสียดายยิ่งกว่า ไม่ซื้อสักสามเดือน รอวันเดียวที่ลง น่าจะคุ้มกว่า ส่วนกองทุนคง DCA ไปเรื่อยๆ
จากนี้คงใจเย็นลง รอให้เป็น เย็นให้พอ. ตลาดไม่ได้เปิดแค่วันเดียว ไปฟังเสี่ยยักษ์สัมภาษณ์ แกเริ่ม30 กว่า กว่าจะเป็นเสี่ย เรายังมีเวลาอย่ารีบ อย่าใจร้อน สู้ๆ ฮึบๆ
ขอแชร์ไว้เป็นประสบการณ์นะครับ เผื่อใครประสบชะตากรรมเดียวกันกับผม เค้าเรียกว่าอาการ ลังเล... ^^”
ตอนนั้นฟุ้งครับ จะเอายังไงต่อ จะไปทางไหน ประเทศอะไร ตัวไหน กระจายยังไง เงินมีน้อย อยากลงมันทุกตัวเลย ตอนนี้ใจเย็นแล้ว ค่อยๆไปใจเย็นๆ (บอกตัวเอง 555)
ฝากไว้แค่นี้ครับ ขอบคุณครับ