บทนำ
ในยุคที่ค่าครองชีพสูงขึ้น การออมเงินอย่างเดียวอาจไม่พอ การลงทุนใน กองทุนรวม เป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับมือใหม่ เพราะมีความเสี่ยงต่ำถึงปานกลางและมีผู้จัดการกองทุนมืออาชีพดูแลให้ กระทู้นี้จะแนะนำวิธีเริ่มต้นลงทุนในกองทุนรวมสำหรับคนที่ไม่มีประสบการณ์ พร้อมเคล็ดลับที่ใช้ได้จริงในปี 2568
ทำไมต้องลงทุนในกองทุนรวม?
- เริ่มต้นง่าย: ลงทุนเริ่มต้นเพียง 500-1,000 บาท
- กระจายความเสี่ยง: เงินของคุณถูกกระจายไปในหลายสินทรัพย์ เช่น หุ้น, ตราสารหนี้, หรือทองคำ
- มืออาชีพจัดการ: ผู้จัดการกองทุนที่มีความเชี่ยวชาญช่วยเลือกสินทรัพย์ให้
- ตัวอย่าง: ถ้าคุณลงทุนในกองทุนรวมหุ้นไทย เงินของคุณอาจลงในบริษัทใหญ่ๆ อย่าง PTT หรือ CPALL โดยไม่ต้องเลือกเอง
ขั้นตอนเริ่มต้นลงทุนในกองทุนรวม
1. ศึกษาพื้นฐานกองทุนรวม
รู้จักประเภทกองทุน: มีหลายแบบ เช่น กองทุนหุ้น, กองทุนตราสารหนี้, กองทุนผสม, หรือกองทุนอสังหาริมทรัพย์
ความเสี่ยง: กองทุนหุ้นเสี่ยงสูงแต่ผลตอบแทนอาจสูง, กองทุนตราสารหนี้เสี่ยงต่ำแต่ผลตอบแทนน้อย
วิธีเรียนรู้: อ่านข้อมูลจาก SET Invest Now หรือดูคลิป YouTube จากช่อง “Money Buffalo” หรือ “The Money Coach”
ตัวอย่าง: ถ้าคุณเป็นมือใหม่ ลองเริ่มจาก กองทุนรวมตราสารหนี้ เพราะปลอดภัยและให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ
2. ตั้งเป้าหมายการลงทุน
ถามตัวเอง: ลงทุนเพื่ออะไร? เช่น เก็บเงินซื้อบ้าน, เกษียณ, หรือเพิ่มรายได้
ระยะเวลา: ลงทุนระยะสั้น (1-3 ปี) หรือระยะยาว (5 ปีขึ้นไป)
ตัวอย่าง: ถ้าอยากมีเงิน 100,000 บาทใน 5 ปี อาจลงทุนในกองทุนผสมที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 5-7% ต่อปี
3. เลือกแพลตฟอร์มหรือบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)
แพลตฟอร์มยอดนิยม: SCB Easy, K-My Funds, Finnomena, หรือ WealthMagik
เปรียบเทียบค่าธรรมเนียม: บางกองทุนมีค่าธรรมเนียมบริหาร 0.5-2% ต่อปี
ตัวอย่าง: ใช้แอป Finnomena เพราะมีเครื่องมือแนะนำกองทุนที่เหมาะกับความเสี่ยงของคุณ
4. เปิดบัญชีและเริ่มลงทุน
สมัครออนไลน์: ดาวน์โหลดแอปของ บลจ. เช่น K-My Funds แล้วสมัครด้วยบัตรประชาชนและข้อมูลส่วนตัว
เลือกกองทุน: อ่าน Fund Fact Sheet เพื่อดูผลตอบแทนย้อนหลังและนโยบายการลงทุน
ลงเงิน: เริ่มต้นด้วยเงินเพียง 1,000 บาท หรือตั้ง DCA (Dollar Cost Average) เพื่อลงทุนสม่ำเสมอทุกเดือน
ตัวอย่าง: ตั้ง DCA เดือนละ 2,000 บาทในกองทุนหุ้นเทคโนโลยี เพื่อกระจายความเสี่ยงและลดผลกระทบจากความผันผวน
5. ติดตามและปรับพอร์ต
ตรวจสอบผลตอบแทน: ดูผลตอบแทนทุก 3-6 เดือนผ่านแอป
ปรับกองทุน: หากกองทุนให้ผลตอบแทนต่ำกว่าตลาดนานเกิน 1 ปี อาจพิจารณาเปลี่ยน
ตัวอย่าง: ถ้ากองทุนหุ้นไทยให้ผลตอบแทนแย่ อาจย้ายไปลงทุนในกองทุนหุ้นโลกที่กำลังเติบโต
เคล็ดลับเพิ่มโอกาสสำเร็จ
ลงทุนระยะยาว: กองทุนรวมให้ผลดีเมื่อถือครอง 5 ปีขึ้นไป
อย่าตื่นตระหนก: ตลาดผันผวนเป็นเรื่องปกติ อย่าขายกองทุนตอนขาดทุน
เรียนรู้เพิ่มเติม: ติดตามเพจการเงิน เช่น “ลงทุนแมน” หรือ “นายอินทร์” เพื่ออัปเดตเทรนด์
ตัวอย่าง: อ่านบทความใน Finnomena เกี่ยวกับ “กองทุน ESG” ซึ่งเป็นเทรนด์มาแรงในปี 2568
วิธีเริ่มต้นลงทุนในกองทุนรวมสำหรับมือใหม่ ปี 2568
ในยุคที่ค่าครองชีพสูงขึ้น การออมเงินอย่างเดียวอาจไม่พอ การลงทุนใน กองทุนรวม เป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับมือใหม่ เพราะมีความเสี่ยงต่ำถึงปานกลางและมีผู้จัดการกองทุนมืออาชีพดูแลให้ กระทู้นี้จะแนะนำวิธีเริ่มต้นลงทุนในกองทุนรวมสำหรับคนที่ไม่มีประสบการณ์ พร้อมเคล็ดลับที่ใช้ได้จริงในปี 2568
ทำไมต้องลงทุนในกองทุนรวม?
- เริ่มต้นง่าย: ลงทุนเริ่มต้นเพียง 500-1,000 บาท
- กระจายความเสี่ยง: เงินของคุณถูกกระจายไปในหลายสินทรัพย์ เช่น หุ้น, ตราสารหนี้, หรือทองคำ
- มืออาชีพจัดการ: ผู้จัดการกองทุนที่มีความเชี่ยวชาญช่วยเลือกสินทรัพย์ให้
- ตัวอย่าง: ถ้าคุณลงทุนในกองทุนรวมหุ้นไทย เงินของคุณอาจลงในบริษัทใหญ่ๆ อย่าง PTT หรือ CPALL โดยไม่ต้องเลือกเอง
ขั้นตอนเริ่มต้นลงทุนในกองทุนรวม
1. ศึกษาพื้นฐานกองทุนรวม
รู้จักประเภทกองทุน: มีหลายแบบ เช่น กองทุนหุ้น, กองทุนตราสารหนี้, กองทุนผสม, หรือกองทุนอสังหาริมทรัพย์
ความเสี่ยง: กองทุนหุ้นเสี่ยงสูงแต่ผลตอบแทนอาจสูง, กองทุนตราสารหนี้เสี่ยงต่ำแต่ผลตอบแทนน้อย
วิธีเรียนรู้: อ่านข้อมูลจาก SET Invest Now หรือดูคลิป YouTube จากช่อง “Money Buffalo” หรือ “The Money Coach”
ตัวอย่าง: ถ้าคุณเป็นมือใหม่ ลองเริ่มจาก กองทุนรวมตราสารหนี้ เพราะปลอดภัยและให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ
2. ตั้งเป้าหมายการลงทุน
ถามตัวเอง: ลงทุนเพื่ออะไร? เช่น เก็บเงินซื้อบ้าน, เกษียณ, หรือเพิ่มรายได้
ระยะเวลา: ลงทุนระยะสั้น (1-3 ปี) หรือระยะยาว (5 ปีขึ้นไป)
ตัวอย่าง: ถ้าอยากมีเงิน 100,000 บาทใน 5 ปี อาจลงทุนในกองทุนผสมที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 5-7% ต่อปี
3. เลือกแพลตฟอร์มหรือบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)
แพลตฟอร์มยอดนิยม: SCB Easy, K-My Funds, Finnomena, หรือ WealthMagik
เปรียบเทียบค่าธรรมเนียม: บางกองทุนมีค่าธรรมเนียมบริหาร 0.5-2% ต่อปี
ตัวอย่าง: ใช้แอป Finnomena เพราะมีเครื่องมือแนะนำกองทุนที่เหมาะกับความเสี่ยงของคุณ
4. เปิดบัญชีและเริ่มลงทุน
สมัครออนไลน์: ดาวน์โหลดแอปของ บลจ. เช่น K-My Funds แล้วสมัครด้วยบัตรประชาชนและข้อมูลส่วนตัว
เลือกกองทุน: อ่าน Fund Fact Sheet เพื่อดูผลตอบแทนย้อนหลังและนโยบายการลงทุน
ลงเงิน: เริ่มต้นด้วยเงินเพียง 1,000 บาท หรือตั้ง DCA (Dollar Cost Average) เพื่อลงทุนสม่ำเสมอทุกเดือน
ตัวอย่าง: ตั้ง DCA เดือนละ 2,000 บาทในกองทุนหุ้นเทคโนโลยี เพื่อกระจายความเสี่ยงและลดผลกระทบจากความผันผวน
5. ติดตามและปรับพอร์ต
ตรวจสอบผลตอบแทน: ดูผลตอบแทนทุก 3-6 เดือนผ่านแอป
ปรับกองทุน: หากกองทุนให้ผลตอบแทนต่ำกว่าตลาดนานเกิน 1 ปี อาจพิจารณาเปลี่ยน
ตัวอย่าง: ถ้ากองทุนหุ้นไทยให้ผลตอบแทนแย่ อาจย้ายไปลงทุนในกองทุนหุ้นโลกที่กำลังเติบโต
เคล็ดลับเพิ่มโอกาสสำเร็จ
ลงทุนระยะยาว: กองทุนรวมให้ผลดีเมื่อถือครอง 5 ปีขึ้นไป
อย่าตื่นตระหนก: ตลาดผันผวนเป็นเรื่องปกติ อย่าขายกองทุนตอนขาดทุน
เรียนรู้เพิ่มเติม: ติดตามเพจการเงิน เช่น “ลงทุนแมน” หรือ “นายอินทร์” เพื่ออัปเดตเทรนด์
ตัวอย่าง: อ่านบทความใน Finnomena เกี่ยวกับ “กองทุน ESG” ซึ่งเป็นเทรนด์มาแรงในปี 2568