ญาติชายชราวัย 84 ปี ไม่พอใจหมอไม่ผ่าชันสูตร ข้องใจสาเหตุเสียชีวิตหลังฉีดวัคซีนได้วันเดียว
https://www.matichon.co.th/local/crime/news_2771566
 
 
ญาติชายชราวัย 84 ปี ไม่พอใจหมอไม่ผ่าชันสูตร ข้องใจสาเหตุเสียชีวิตหลังฉีดวัคซีนได้วันเดียว ขณะที่ สปสช.เตรียมมอบเงินเยียวยา 4 แสนบาทสัปดาห์หน้า
 
ความคืบหน้ากรณีที่ นายเพรียว พันธุ์ฟัก อายุ 84 ปี ชาวตำบลสิงห์ อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี เสียชีวิตคาเก้าอี้โยก หน้าจอทีวี ภายหลังจากฉีด ที่เสียชีวิตลงหลังจากฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าไปได้เพียง 1 วัน โดยญาติสงสัยสาเหตุของการเสียชีวิตว่าน่าจะมาจากการฉีดวัคซีนป้องโควิด-19 นั้น
 
ล่าสุดเมื่อเวลา 15.30 น. วันนี้ 11 มิ.ย.64 ที่บ้านเลขที่ 9/2 หมู่ 1 อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี บรรดาลูกหลานและญาติได้มาจัดเตรียมสถานที่เพื่อรอรับศพ นายเพรียว พันธุ์ฟัก โดยทางเจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยกาญจนบุรี ได้นำศพจากโรงพยาบาลรามาธิบดี กทม.กลับมาส่งให้ญาติประกอบพิธีทางศาสนาที่บ้านหลังดังกล่าว
 
เมื่อศพของ นายเพรียว มาถึง ญาติได้ทำพิธีรดน้ำศพ โดยมีบรรดาญาติพี่น้องและเพื่อนบ้าน มาร่วมรดน้ำศพ แต่เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จึงทำให้มีผู้มาร่วมงานไม่มากนัก โดยมี นายสาวิตร เจียมจิระพร นายอำเภอไทรโยค เดินทางมาเป็นประธานในพิธี ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า
 
เบื้องต้นภายหลังจากที่บรรดาลูกหลานและญาติทราบว่า ทางโรงพยาบาลฯ ไม่ผ่าชันสูตรศพ ต่างก็แสดงความไม่พอใจ เนื่องจากเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม และเกิดความกังวลว่าจะไม่ได้รับการเยียวยาจากรัฐ โดย นายสุรพิณ พันธุ์ฟัก อายุ 53 ปี ลูกชายผู้เสียชีวิต กล่าวด้วยความไม่พอใจที่ทางโรงพยาบาลไม่สามารถให้คำตอบใดๆ ได้
 
นายสาวิตร เจียมจิระพร นายอำเภอไทรโยค เปิดเผยว่า ตนรู้สึกเสียใจต่อการจากไปของ นายเพรียว พันธุ์ฟัก แม้ว่าท่านจะอายุ 84 ย่างเข้า 85 ปีแล้วก็ตาม แต่ครอบครัวก็อยากจะให้พ่อเป็นปูชนียบุคคลของพวกเขา ทางอำเภอก็ได้เยียวยา โดยทางสาธารณสุข และทางโรงพยาบาลไทรโยค นำเงินมาชดเชยให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิต รวมถึงค่าใช้จ่ายในการนำศพกลับมาทำพิธีทางศาสนาด้วย ขณะที่ตนก็ได้นำเงินมามอบให้กับทางครอบครัวจำนวนหนึ่งเพื่อช่วยเหลือในเบื้องต้น และเป็นประธานในพิธีรดน้ำศพ สวดอภิธรรมศพ และฌาปนกิจศพ ซึ่งหากทางลูกของผู้เสียชีวิตติดขัดในเรื่องเงิน ทางอำเภอก็รับที่จะประสานกับ สปสช. โดยไม่ว่าจะผิดหรือถูก ศพจะผ่าชันสูตรหรือไม่ก็ตาม ทาง สปสช.ยืนยันมาว่า พร้อมที่จะช่วยเหลือเยียวยาทันที เป็นจำนวนเงิน 4 แสนบาท แม้ว่าผลจะเป็นอย่างไรก็ตาม ซึ่งคาดว่า จะได้รับเงินจำนวนดังกล่าวภายในสัปดาห์หน้านี้
 
ทั้งนี้ภายหลังจากที่ นายสาวิตร เจียมจิระพร นายอำเภอไทรโยค ได้ทำความเข้าใจกับลูกๆ ของผู้เสียชีวิตทั้ง 7 คน รวมทั้งบรรดาญาติๆ ต่างรู้สึกพอใจในระดับหนึ่งที่ทางรัฐให้การชดเชยเยียวยา ถึงแม้ว่า จะยังคงติดใจถึงสาเหตุการตายในครั้งนี้อยู่ โดยจะจัดให้มีพิธีสวดพระอภิธรรมศพ รวม 3 คืน ซึ่งวันนี้จะเป็นคืนแรก และจะทำพิธีฌาปนกิจในวันจันทร์ที่ 14 มิ.ย.ที่จะถึงนี้
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางห้องปฏิบัติการนิติเวชศาสตร์ ภาควิชาพยาธิวิทยา คณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายแพทย์สมิทธิ์ ศรีสนธิ์ หัวหน้าห้องปฏิบัติการนิติเวชศาสตร์ฯ ได้ทำหนังสือที่ นว.521/2564 ลงวันที่ 11 มิ.ย.64 เรื่องการตรวจหาสาเหตุการเสียชีวิต ถึงผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรไทรโยค ระบุว่า ตามหนังสือที่ ตช. 0022 (กจ).39/1647 ลงวันที่ 10 มิ.ย.64 จากสถานีตำรวจภูธรไทรโยค เรื่องส่งศพ นายเพรียว พันธุ์ฟัก เพื่อตรวจหาสาเหตุการเสียชีวิต นั้น
 
ในการนี้ ห้องปฏิบัติการนิติเวชศาสตร์ ภาควิชาพยาธิวิทยา คณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้รับศพผู้เสียชีวิตไว้แล้ว และตรวจพบว่า ศพมีการเน่าในระดับที่การผ่าชันสูตรพลิกศพไม่สามารถหาสาเหตุการตายได้ว่าเกี่ยวข้องหรือไม่เกี่ยวข้องกับการฉีดวัคซีน ดังนั้นห้องปฏิบัติการนิติเวชศาสตร์ฯ จึงขอไม่ทำการผ่าชันสูตรพลิกศพรายนี้ เพราะเห็นว่า ไม่มีประโยชน์ในการหาความเกี่ยวข้องกับวัคซีน
   

---

 
เวียดนามกีดกันส่งออกไทยเพิ่ม - ธุรกิจยานยนต์เจอศึกหนัก
https://voicetv.co.th/read/PEOxLVYX6
 
เวียดนามปรับมาตรฐานผลิตยานยนต์ใหม่ แต่บังคับใช้เกณฑ์ระหว่างผู้ผลิตภายในประเทศกับภายนอกประเทศต่างกัน
 
วันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เปิดเผยว่า รัฐบาลและกระทรวงอุตสาหกรรม มีนโยบายส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นฐาน การผลิตอุตสาหกรรมยานยนต์ที่สำคัญของโลก รวมทั้งส่งเสริมให้มีโครงสร้างพื้นฐานด้านการตรวจสอบรับรองที่มีความพร้อม เช่น ศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ (ATTRIC) และส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
 
อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยก็ยังประสบปัญหาด้านการส่งออกไปยังประเทศอาเซียนอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดประเทศเวียดนามได้ประกาศใช้มาตรฐาน Euro 5 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2565 เป็นต้นไป ส่งผลกระทบต่อการส่งออกยานยนต์ของไทยโดยตรง
 
เลขาธิการ สมอ.ชี้ว่า เวียดนามอนุญาตให้ผู้ประกอบการรถยนต์ที่ผลิตและประกอบในประเทศและได้รับใบอนุญาตก่อนวันที่มาตรฐาน Euro 5 จะมีผลบังคับใช้ สามารถผลิตรถยนต์ตามมาตรฐานเดิม (Euro 4) ได้ต่อเนื่องจนกระทั่งใบอนุญาตดังกล่าวหมดอายุ แต่หากเป็นผู้นำเข้าจะต้องขออนุญาตตามมาตรฐานใหม่คือ Euro 5 ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2565 ถึงแม้ว่าใบอนุญาตจะยังไม่หมดอายุก็ตาม
 
ทั้งนี้ สมอ. ในฐานะหน่วยงานมาตรฐานแห่งชาติ ซึ่งเป็นผู้แทนประเทศไทยในคณะกรรมการว่าด้วยอุปสรรคทางเทคนิคต่อการค้า (Committee on TBT) ภายใต้ องค์การการค้าโลก (World Trade Organization: WTO) เห็นว่า การปฏิบัติดังกล่าวกับผู้ประกอบการรถยนต์ที่ผลิตในประเทศและผู้นำเข้าไม่เท่าเทียมกัน
 
สมอ.จึงเตรียมเสนอข้อเรียกร้องให้ทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบหรือดำเนินการแก้ไขกฎระเบียบให้เป็นไปตามหลักปฏิบัติของ WTO และเตรียมหยิบยกเรื่องดังกล่าวขึ้นเป็นข้อกังวลทางการค้าเสนอในการประชุมคณะกรรมการว่าด้วยอุปสรรคทางเทคนิคต่อการค้า ครั้งที่ 85 ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 8-11 พ.ย.2564 ณ กรุงเจนีวา ประเทศ สวิตเซอร์แลนด์
 
ก่อนหน้านี้ สินค้าส่งออกจากไทยอย่างยารักษาโรค น้ำตาล และสุกรเพิ่งได้รับผลกระทบจากภาษีนำเข้าของเวียดนามเช่นเดียวกัน