ถูกปฏิเสธงานเพราะคุณสมบัติดีเกินไป? หรือจริงๆแล้วเขาแค่พูดให้เรารู้สึกดี

เราจบเกียรตินิยมของม.รัฐแห่งหนึ่งใน กทม. เป็นนักเรียนทุน และได้ทุนไปแลกเปลี่ยนต่างประเทศ ตอนเรียนก็ทำกิจกรรมต่างๆของมหาลัยทุกอย่างที่เราสนใจ เราเรียนจบสายวิทย์มาแล้ว 2 ปี เป้าหมายงานที่เราอยากทำคืองานบริษัท
เรายื่นสมัครไปหลายบริษัทมาก ส่วนมากที่ยื่นไปก็เรียนสัมภาษณ์หมด บริษัทที่เราเลือกก็จะเป็นบริษัทที่ตรงสายงานและเราอยากทำงานจริงๆ
แต่หลังสัมภาษณ์เสร็จเกือบทุกบริษัทปฏิเสธเราหมด

บริษัทแรกเป็นบริษัทสัญชาติไทย เราโดนปฏิเสธด้วยเหตุผลที่ว่าคุณสมบัติเรามากเกินกว่าที่จะมาทำงานบริษัทเขา เขาแนะนำให้เราไปเรียนต่อ และแนะนำ contract อีกบริษัทให้เรา (ซึ่งเราติดต่อไปแล้วแต่ไม่มีการตอบรับใดๆ)

บริษัทที่ 2 เป็นบริษัทสัญชาติญี่ปุ่น เขาปฏิเสธเราด้วยเหตุผลที่ว่ากลัวเราทำงานกับเข้าไม่นาน และกลัวว่าเราจะลาออกไปเรียนต่อโท 

บริษัทที่ 3 สัญชาติเอเชียเหมือนกัน ปฏิเสธเพราะเราจบไม่ตรงสาย เราเป็น candidate 1 ใน 3 ที่เขาเรียกสัมภาษณ์รอบสุดท้ายแต่สุดท้ายก็โดยปฏิเสธเพราะจบไม่ตรงสาย แต่ที่รู้สึกไม่มั่นใจในตัวเองที่สุดคือบริษัทเปิดรับตำแหน่งนี้อีกครั้งแต่เพื่อนรุ่นที่เรียนด้วยกันไปสมัครกลับผ่านการคัดเลือก ทำให้เรารู้สึกขาดความเชื่อมั่นในตัวเองไปเลย 

บริษัทที่สี เป็นบริษัทสัญชาติยุโรปเราไปสมัครในสายงานเดิมแต่คนละศาสตร์ ตอนแรกเราคิดว่าเราต้องไม่ผ่านแน่ๆเพราะเราเคยโดนปฏิเสธว่าจบไม่ตรงสายมาก่อน แต่กลายเป็นว่าเราผ่านการคัดเลือก ด้วยความสงสัยเราเลยถามเขาว่าทำไมเราถึงผ่าน ทั้งๆที่เราไม่มีประสบการณ์มาก่อนและ เราจบไม่ตรงสาย เขาบอกเราว่าเขาดูที่ความมุ่งมันของคน และเขาเชื่อว่าคนทุกคนมีศักยภาพในการเรียนรู้ และเขาก็เชื่อว่าเราสามารถทำได้  แต่เราก็
ไม่ได้ไปร่วมงานกับเขา เพราะสถานการณ์โควิดรอบแรก (สถานที่ทำงานคือต่างประเทศ)

ตอนนี้เรายังคงหางานอยู่ค่ะ มีประสบการณ์ทำงานมา 2 ปี แต่ก็อยากได้งานที่มั่นคงงานที่เราจะทำไปอี 5-10 ปีข้างนะ เราไม่มีแพลนเรียนต่อนะคะ อยากขอแค่โอกาสให้เราได้พิสูจน์ตัวเอง แต่ตอนนี้เราว่าเราขาดความมั่นใจในตัวเองไปมากเลยจริงๆ หลังจากที่โดนปฏิเสธมาแบบนี้ จนบางทีเราก็แอบคิดว่าเราจะตั้งใจเรียนไปทำไมกัน ถ้าจบมาแล้วเราโดนปฏิเสธงานเพราะเหตุผลนี้

ส่วนตัวเราเราเคยเชื่อนะว่า ไม่มีอะไรที่คนเราทำไม่ได้แค่เราตั้งใจที่จะทำมัน และเราก็ใช้ชีวิตมาแบบนี้ตลอดที่ผ่านมาเราก็เจอความผิดหวังบ้างแต่เราก็พยายามจนสุดท้ายมันก็ผ่านมาได้ แต่กลับเรื่องงานเราไม่สามารถจริงๆเพราะมันไม่มีที่ที่ให้โอกาสเราได้ใช้ความพยายามเลย #ที่มาเขียนกระทู้นี้เพื่ออยากแชร์ประสบณ์การการหางานของเรา และอยากขอกำลังใจจากชาวพันทิปด้วยค่ะเป็นกำลังใจให้เราด้วยนะ

ปล. เราอาจจะเขียนไม่ดีเพราะกระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของเรา เรายืมน้องมาเขียนระบาย 5555
ปล2. งานส่วนมากเป็นสายงานที่เราเรียนมา เพราะเราอยากใช้ความรู้ 4 ปีที่เรียนเรียนมาก่อน อย่างน้อยมันจะได้คุ้มกับที่พ่อแม่ส่งเรียนและเป็นงานที่เราคุ้นเคยและถนัด
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 16
เราว่าสาเหตุคุณน่าจะไม่ใช่ overqualify ค่ะ เพราะถ้าใช่สาเหตุนี้จริง คุณก็จะไม่ได้ผ่านไปถึงรอบสัมภาษณ์หรอก แต่คุณกลับไปถึงด่านนั้นได้ แค่สุดท้ายไม่ได้รับเลือก แสดงว่าเค้ามองไม่ได้มองจุดนี้เป็นหลัก


น่าจะมีปัญหาตรงช่วงสัมภาษณ์ค่ะ อาจมีบางอย่างไม่ถูกใจเค้า แต่เวลาปฏิเสธคงไม่ได้พูดออกมาตรงๆ เลยอ้างว่า overqualify ค่ะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 14
เพิ่งเรียนจบใช่ไหมครับ เลือกงานบริษัทฝรั่งไว้ก่อนดีแล้ว บริษัทไทย ญี่ปุ่น หรือสัญชาติเอเชียอื่น ๆ นี่ ไว้ทีหลัง เพราะบริษัทฝรั่งจะมีการพัฒนาศักยภาพของคนดีกว่าบริษัทเอเชีย ทำไปสักระยะแล้วค่อยเปลี่ยนงานทีหลัง

บริษัทฝรั่งนอกจากจะพัฒนาบุคคลากรได้ดีกว่าแล้ว ถ้าคุณเป็นเด็กจบใหม่ ยังไม่ต้องเจอเรื่องระบบอาวุโสอีกด้วย เพราะบริษัทฝรั่งไม่มีรความคิดเรื่องพวกนี้ รอจนอายุมากค่อยย้ายมาบริษัทเอเชีย ตอนนั้นอายุมากแล้วระบบอาวุโสก็ไม่มีผลกับเรา
ความคิดเห็นที่ 10
จากประการณ์ตรงที่เห็นมานะครับ 1. คนเก่ง ไฟแรง ส่วนใหญ่ทำงานไปสักพักพอมีโอกาสที่ดีกว่าก็ลาออก ( คนเก่งจริงส่วนใหญ่อยู่ไม่นาน อัพเงินเดือนไปเรื่อง  ส่วนพวกเก่งแต่ปาก จะลาออกวันละ 3 รอบ แต่ไม่ลาออกหรอก ) 2. ในการทำงานจริงหัวหน้าบางคนเขาไม่ได้จบสายตรงมา แต่เขาเติบโตด้วยประสบการณ์ ถ้าเจอคนจบสายตรง ยิ่งเก่งด้วย เขากลัวว่ารับมาแล้วจะแย่งซีนเขา เวลางานมีปัญหา ถ้าให้วิเคราะห์เชิงหลักการณ์ วิธีการ เขาจะมีจุดด้อยตรงนี้ เพราะเขาจะได้เปรียบเฉพาะที่เป็นประสบการณ์ตรง เขาเลยตัดปัญหาไม่รับคนเก่งมาอยู่ในทีม เพราะเขากลัวว่าจะคุมไม่อยู่ คนที่จะอยู่ในทีมได้ คือ คนไม่เถียง ไม่โต้แย้งด้วยเหตุผลแล้วทำให้เขาดูแย่  ขั้นแรก เขาเลยเน้นรับ คนที่เขารู้จักก่อน ตามที่ให้ระบุในหน้าสุดท้ายของใบสมัครที่มีแทบทักบริษัทนั่นแหละ ที่ใส่ชื่อคนอ้างอิงและรู้จักใครในบริษัท* สรุป การเมืองในองค์กร ก็เหมือนการเมืองท้องถิ่น การเมืองระดับประเทศนั่นแหละครับ พอจะมองภาพออกแล้วใช่มั้ยครับ
ความคิดเห็นที่ 6
เค้าก็ปฏิเสธแบบสุภาพครับ
จริงๆ แล้วคือ สัมภาษณ์แล้วไม่ผ่านนั่นแหละ อาจเป็นเรื่องบุคลิก ทัศนคติ หรือแนวคิด
ความคิดเห็นที่ 11
งานบางตำแหน่ง เขาไม่ต้องใช้คนที่มีความรู้เกินจากตำแหน่งที่เขาจะรับ   อาจเพราะเรื่องเงินเดือน  จ้างแล้ไม่คุ้ม  ให้น้อย เขาก็กลัวคุณจะอยู่ไม่นาน   กลัวใช้งานคุณยาก   เพราะบางคนเก่งมาก ก็จะความมั่นใจสูงเกินไปจนสอนงานยาก หรือ ไม่ค่อยเชื่อฟัง    เหมาะกับตำแหน่งผู้บริหารมากกว่า
บริษัทพวกเหล่านี้ ถ้างานระดับปฏิบัติ เขาจะจ้างคนระดับกลางๆ   หนักเอาเบาสู้  อีกสาระพัดเหตุผล
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่