คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 16
เราว่าสาเหตุคุณน่าจะไม่ใช่ overqualify ค่ะ เพราะถ้าใช่สาเหตุนี้จริง คุณก็จะไม่ได้ผ่านไปถึงรอบสัมภาษณ์หรอก แต่คุณกลับไปถึงด่านนั้นได้ แค่สุดท้ายไม่ได้รับเลือก แสดงว่าเค้ามองไม่ได้มองจุดนี้เป็นหลัก
น่าจะมีปัญหาตรงช่วงสัมภาษณ์ค่ะ อาจมีบางอย่างไม่ถูกใจเค้า แต่เวลาปฏิเสธคงไม่ได้พูดออกมาตรงๆ เลยอ้างว่า overqualify ค่ะ
น่าจะมีปัญหาตรงช่วงสัมภาษณ์ค่ะ อาจมีบางอย่างไม่ถูกใจเค้า แต่เวลาปฏิเสธคงไม่ได้พูดออกมาตรงๆ เลยอ้างว่า overqualify ค่ะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 14
เพิ่งเรียนจบใช่ไหมครับ เลือกงานบริษัทฝรั่งไว้ก่อนดีแล้ว บริษัทไทย ญี่ปุ่น หรือสัญชาติเอเชียอื่น ๆ นี่ ไว้ทีหลัง เพราะบริษัทฝรั่งจะมีการพัฒนาศักยภาพของคนดีกว่าบริษัทเอเชีย ทำไปสักระยะแล้วค่อยเปลี่ยนงานทีหลัง
บริษัทฝรั่งนอกจากจะพัฒนาบุคคลากรได้ดีกว่าแล้ว ถ้าคุณเป็นเด็กจบใหม่ ยังไม่ต้องเจอเรื่องระบบอาวุโสอีกด้วย เพราะบริษัทฝรั่งไม่มีรความคิดเรื่องพวกนี้ รอจนอายุมากค่อยย้ายมาบริษัทเอเชีย ตอนนั้นอายุมากแล้วระบบอาวุโสก็ไม่มีผลกับเรา
บริษัทฝรั่งนอกจากจะพัฒนาบุคคลากรได้ดีกว่าแล้ว ถ้าคุณเป็นเด็กจบใหม่ ยังไม่ต้องเจอเรื่องระบบอาวุโสอีกด้วย เพราะบริษัทฝรั่งไม่มีรความคิดเรื่องพวกนี้ รอจนอายุมากค่อยย้ายมาบริษัทเอเชีย ตอนนั้นอายุมากแล้วระบบอาวุโสก็ไม่มีผลกับเรา
ความคิดเห็นที่ 10
จากประการณ์ตรงที่เห็นมานะครับ 1. คนเก่ง ไฟแรง ส่วนใหญ่ทำงานไปสักพักพอมีโอกาสที่ดีกว่าก็ลาออก ( คนเก่งจริงส่วนใหญ่อยู่ไม่นาน อัพเงินเดือนไปเรื่อง ส่วนพวกเก่งแต่ปาก จะลาออกวันละ 3 รอบ แต่ไม่ลาออกหรอก ) 2. ในการทำงานจริงหัวหน้าบางคนเขาไม่ได้จบสายตรงมา แต่เขาเติบโตด้วยประสบการณ์ ถ้าเจอคนจบสายตรง ยิ่งเก่งด้วย เขากลัวว่ารับมาแล้วจะแย่งซีนเขา เวลางานมีปัญหา ถ้าให้วิเคราะห์เชิงหลักการณ์ วิธีการ เขาจะมีจุดด้อยตรงนี้ เพราะเขาจะได้เปรียบเฉพาะที่เป็นประสบการณ์ตรง เขาเลยตัดปัญหาไม่รับคนเก่งมาอยู่ในทีม เพราะเขากลัวว่าจะคุมไม่อยู่ คนที่จะอยู่ในทีมได้ คือ คนไม่เถียง ไม่โต้แย้งด้วยเหตุผลแล้วทำให้เขาดูแย่ ขั้นแรก เขาเลยเน้นรับ คนที่เขารู้จักก่อน ตามที่ให้ระบุในหน้าสุดท้ายของใบสมัครที่มีแทบทักบริษัทนั่นแหละ ที่ใส่ชื่อคนอ้างอิงและรู้จักใครในบริษัท* สรุป การเมืองในองค์กร ก็เหมือนการเมืองท้องถิ่น การเมืองระดับประเทศนั่นแหละครับ พอจะมองภาพออกแล้วใช่มั้ยครับ
ความคิดเห็นที่ 11
งานบางตำแหน่ง เขาไม่ต้องใช้คนที่มีความรู้เกินจากตำแหน่งที่เขาจะรับ อาจเพราะเรื่องเงินเดือน จ้างแล้ไม่คุ้ม ให้น้อย เขาก็กลัวคุณจะอยู่ไม่นาน กลัวใช้งานคุณยาก เพราะบางคนเก่งมาก ก็จะความมั่นใจสูงเกินไปจนสอนงานยาก หรือ ไม่ค่อยเชื่อฟัง เหมาะกับตำแหน่งผู้บริหารมากกว่า
บริษัทพวกเหล่านี้ ถ้างานระดับปฏิบัติ เขาจะจ้างคนระดับกลางๆ หนักเอาเบาสู้ อีกสาระพัดเหตุผล
บริษัทพวกเหล่านี้ ถ้างานระดับปฏิบัติ เขาจะจ้างคนระดับกลางๆ หนักเอาเบาสู้ อีกสาระพัดเหตุผล
แสดงความคิดเห็น
ถูกปฏิเสธงานเพราะคุณสมบัติดีเกินไป? หรือจริงๆแล้วเขาแค่พูดให้เรารู้สึกดี
เรายื่นสมัครไปหลายบริษัทมาก ส่วนมากที่ยื่นไปก็เรียนสัมภาษณ์หมด บริษัทที่เราเลือกก็จะเป็นบริษัทที่ตรงสายงานและเราอยากทำงานจริงๆ
แต่หลังสัมภาษณ์เสร็จเกือบทุกบริษัทปฏิเสธเราหมด
บริษัทแรกเป็นบริษัทสัญชาติไทย เราโดนปฏิเสธด้วยเหตุผลที่ว่าคุณสมบัติเรามากเกินกว่าที่จะมาทำงานบริษัทเขา เขาแนะนำให้เราไปเรียนต่อ และแนะนำ contract อีกบริษัทให้เรา (ซึ่งเราติดต่อไปแล้วแต่ไม่มีการตอบรับใดๆ)
บริษัทที่ 2 เป็นบริษัทสัญชาติญี่ปุ่น เขาปฏิเสธเราด้วยเหตุผลที่ว่ากลัวเราทำงานกับเข้าไม่นาน และกลัวว่าเราจะลาออกไปเรียนต่อโท
บริษัทที่ 3 สัญชาติเอเชียเหมือนกัน ปฏิเสธเพราะเราจบไม่ตรงสาย เราเป็น candidate 1 ใน 3 ที่เขาเรียกสัมภาษณ์รอบสุดท้ายแต่สุดท้ายก็โดยปฏิเสธเพราะจบไม่ตรงสาย แต่ที่รู้สึกไม่มั่นใจในตัวเองที่สุดคือบริษัทเปิดรับตำแหน่งนี้อีกครั้งแต่เพื่อนรุ่นที่เรียนด้วยกันไปสมัครกลับผ่านการคัดเลือก ทำให้เรารู้สึกขาดความเชื่อมั่นในตัวเองไปเลย
บริษัทที่สี เป็นบริษัทสัญชาติยุโรปเราไปสมัครในสายงานเดิมแต่คนละศาสตร์ ตอนแรกเราคิดว่าเราต้องไม่ผ่านแน่ๆเพราะเราเคยโดนปฏิเสธว่าจบไม่ตรงสายมาก่อน แต่กลายเป็นว่าเราผ่านการคัดเลือก ด้วยความสงสัยเราเลยถามเขาว่าทำไมเราถึงผ่าน ทั้งๆที่เราไม่มีประสบการณ์มาก่อนและ เราจบไม่ตรงสาย เขาบอกเราว่าเขาดูที่ความมุ่งมันของคน และเขาเชื่อว่าคนทุกคนมีศักยภาพในการเรียนรู้ และเขาก็เชื่อว่าเราสามารถทำได้ แต่เราก็
ไม่ได้ไปร่วมงานกับเขา เพราะสถานการณ์โควิดรอบแรก (สถานที่ทำงานคือต่างประเทศ)
ตอนนี้เรายังคงหางานอยู่ค่ะ มีประสบการณ์ทำงานมา 2 ปี แต่ก็อยากได้งานที่มั่นคงงานที่เราจะทำไปอี 5-10 ปีข้างนะ เราไม่มีแพลนเรียนต่อนะคะ อยากขอแค่โอกาสให้เราได้พิสูจน์ตัวเอง แต่ตอนนี้เราว่าเราขาดความมั่นใจในตัวเองไปมากเลยจริงๆ หลังจากที่โดนปฏิเสธมาแบบนี้ จนบางทีเราก็แอบคิดว่าเราจะตั้งใจเรียนไปทำไมกัน ถ้าจบมาแล้วเราโดนปฏิเสธงานเพราะเหตุผลนี้
ส่วนตัวเราเราเคยเชื่อนะว่า ไม่มีอะไรที่คนเราทำไม่ได้แค่เราตั้งใจที่จะทำมัน และเราก็ใช้ชีวิตมาแบบนี้ตลอดที่ผ่านมาเราก็เจอความผิดหวังบ้างแต่เราก็พยายามจนสุดท้ายมันก็ผ่านมาได้ แต่กลับเรื่องงานเราไม่สามารถจริงๆเพราะมันไม่มีที่ที่ให้โอกาสเราได้ใช้ความพยายามเลย #ที่มาเขียนกระทู้นี้เพื่ออยากแชร์ประสบณ์การการหางานของเรา และอยากขอกำลังใจจากชาวพันทิปด้วยค่ะเป็นกำลังใจให้เราด้วยนะ
ปล. เราอาจจะเขียนไม่ดีเพราะกระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของเรา เรายืมน้องมาเขียนระบาย 5555
ปล2. งานส่วนมากเป็นสายงานที่เราเรียนมา เพราะเราอยากใช้ความรู้ 4 ปีที่เรียนเรียนมาก่อน อย่างน้อยมันจะได้คุ้มกับที่พ่อแม่ส่งเรียนและเป็นงานที่เราคุ้นเคยและถนัด