วิกฤตการณ์โรคติดเชื้อโควิด-19 ได้เร่งให้กระแสการบริโภคเนื้อสัตว์ทางเลือกในสิงคโปร์เป็นที่นิยม มากขึ้นในช่วงปี 2563 เนื่องจากประชาชนในสิงคโปร์มีความกังวลด้านสุขภาพ จึงได้ปรับพฤติกรรมการบริโภคโดยใส่ใจสุขภาพมากขึ้น นอกจากนี้ การที่สิงคโปร์ต้องพึ่งพาการนําเข้าอาหารและเนื้อสัตว์จากต่างประเทศมากกว่าร้อยละ 90 ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ในช่วงต้น ทําให้สิงคโปร์ต้องเผชิญภาวะหยุดชะงักของการนําเข้าเนื้อสัตว์และภาวะราคาสินค้าเนื้อสัตว์เพิ่มสูงขึ้น รัฐบาลสิงคโปร์จึงสนับสนุนการผลิตเนื้อสัตว์ทางเลือก อาทิ เนื้อไก่จากห้องแล็บ เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นของห่วงโซ่อุปทานเนื้อสัตว์ภายในประเทศ โดยเมื่อเดือนธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา บริษัท Eat Just ซึ่งเป็นบริษัทสตาร์ตอัพด้านเทคโนโลยีอาหาร ของสหรัฐฯ ที่จดทะเบียนดําเนินธุรกิจในสิงคโปร์ได้เริ่มขายเนื้อไก่ที่เพาะเลี้ยงจากห้องแล็บอย่างถูกต้องตามกฎหมายเป็นประเทศแรกในโลก โดยมีจุดเด่น
ได้แก่
(1) เนื้อสัตว์ทางเลือกสามารถควบคุมสารอาหารได้ จึงทำให้มีโปรตีนสูงและมีสารอาหารสําคัญครบถ้วน
(2) กระบวนการผลิตที่ไม่เกี่ยวข้องกับการสร้างแอนติบอดี ซึ่งหากมีการใช้แอนติบอดีมากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้
ผลสํารวจจากเว็บไซต์สถิติ Statista ระบุว่า ผู้บริโภคชาวสิงคโปร์นิยมเนื้อสัตว์ทางเลือกมากขึ้น เนื่องจาก
(1) ต้องการดูแลสุขภาพ ร้อยละ 46
(2) กังวลผลกระทบจากการบริโภคเนื้อแดงและสัตว์น้ํา ร้อยละ 37
(3) ต้องการหลีกเลี่ยงการบริโภคเนื้อสัตว์ที่ผ่านกระบวนการแปรรูป ร้อยละ 24
อีกทั้งข้อมูลจากแอปพลิเคชัน Deliver00 Singapore ระบุว่าในช่วงปีที่ผ่านมา ชาวสิงคโปร์นิยมอาหารสุขภาพมากขึ้น โดยเฉพาะ “Impossible meats” ซึ่งเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ทางเลือกที่ทําจากพืชที่มีผู้สั่งซื้อเพิ่มขึ้นมากถึงร้อยละ 53 โดยมีเมนูยอดนิยม คือ Impossible Burger
.
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากกระบวนการผลิตเนื้อสัตว์ทางเลือกมีความซับซ้อน จึงยังคงมีราคาสูงกว่าเนื้อสัตว์ธรรมชาติ ทั้งนี้ เมื่อช่วงเมษายน 2564 บริษัทสตาร์ทอัพในสิงคโปร์บางรายเริ่มมีแนวคิดที่จะส่งออก Impossible meats ไปจําหน่ายในประเทศไทย โดยได้จัดการทดลองรสชาติอาหารสําหรับกลุ่มตัวอย่างที่เป็นคนไทยโดยเฉพาะ
จากบทความข้างต้นจะเห็นได้ถึงโอกาสของผู้ประกอบการไทยในตลาดเนื้อสัตว์ทางเลือก โดยเนื้อสัตว์ทางเลือกเป็นธุรกิจในสิงคโปร์ และประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ถึงแม้ว่าในปัจจุบันจะมีผู้ประกอบการบางส่วนได้วิจัย ผลิต และจัดจําหน่ายแล้ว แต่ถือว่ายังมีโอกาสและช่องทางการเติบโต เนื่องจากไม่เพียงกลุ่มผู้บริโภครายย่อยที่ต้องการซื้อเนื้อสัตว์ทางเลือกเพื่อบริโภคในครัวเรือนเท่านั้น แต่ธุรกิจร้านอาหารหลายแห่งได้เริ่มให้บริการอาหารที่ใช้เนื้อสัตว์ทางเลือก ทั้งในร้านอาหารเพื่อสุขภาพ จนถึงร้านอาหารฟาสต์ฟูด จึงเป็นโอกาสดีของผู้ประกอบการไทยที่จะศึกษาโอกาสในการร่วมทุนกับบริษัทสตาร์ทอัพในสิงคโปร์ เพื่อผลิตเนื้อสัตว์ทางเลือกประเภทอื่น ๆ อาทิ เนื้อสัตว์ทางเลือกในอาหารไทยแบบประยุกต์ ซึ่งยังไม่มีผู้ทดลองจําหน่าย โดยใช้เทคโนโลยีด้านอาหารและเกษตรกรรมสีเขียว ประกอบกับกระแสคนรักสุขภาพเป็นปัจจัยส่งเสริมการขาย
ขอบคุณข้อมูลจาก :
https://globthailand.com/singapore-210521/
“เนื้อสัตว์ทางเลือก” เทรนด์อาหารในสิงคโปร์
วิกฤตการณ์โรคติดเชื้อโควิด-19 ได้เร่งให้กระแสการบริโภคเนื้อสัตว์ทางเลือกในสิงคโปร์เป็นที่นิยม มากขึ้นในช่วงปี 2563 เนื่องจากประชาชนในสิงคโปร์มีความกังวลด้านสุขภาพ จึงได้ปรับพฤติกรรมการบริโภคโดยใส่ใจสุขภาพมากขึ้น นอกจากนี้ การที่สิงคโปร์ต้องพึ่งพาการนําเข้าอาหารและเนื้อสัตว์จากต่างประเทศมากกว่าร้อยละ 90 ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ในช่วงต้น ทําให้สิงคโปร์ต้องเผชิญภาวะหยุดชะงักของการนําเข้าเนื้อสัตว์และภาวะราคาสินค้าเนื้อสัตว์เพิ่มสูงขึ้น รัฐบาลสิงคโปร์จึงสนับสนุนการผลิตเนื้อสัตว์ทางเลือก อาทิ เนื้อไก่จากห้องแล็บ เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นของห่วงโซ่อุปทานเนื้อสัตว์ภายในประเทศ โดยเมื่อเดือนธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา บริษัท Eat Just ซึ่งเป็นบริษัทสตาร์ตอัพด้านเทคโนโลยีอาหาร ของสหรัฐฯ ที่จดทะเบียนดําเนินธุรกิจในสิงคโปร์ได้เริ่มขายเนื้อไก่ที่เพาะเลี้ยงจากห้องแล็บอย่างถูกต้องตามกฎหมายเป็นประเทศแรกในโลก โดยมีจุดเด่น
ได้แก่
(1) เนื้อสัตว์ทางเลือกสามารถควบคุมสารอาหารได้ จึงทำให้มีโปรตีนสูงและมีสารอาหารสําคัญครบถ้วน
(2) กระบวนการผลิตที่ไม่เกี่ยวข้องกับการสร้างแอนติบอดี ซึ่งหากมีการใช้แอนติบอดีมากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้
ผลสํารวจจากเว็บไซต์สถิติ Statista ระบุว่า ผู้บริโภคชาวสิงคโปร์นิยมเนื้อสัตว์ทางเลือกมากขึ้น เนื่องจาก
(1) ต้องการดูแลสุขภาพ ร้อยละ 46
(2) กังวลผลกระทบจากการบริโภคเนื้อแดงและสัตว์น้ํา ร้อยละ 37
(3) ต้องการหลีกเลี่ยงการบริโภคเนื้อสัตว์ที่ผ่านกระบวนการแปรรูป ร้อยละ 24
อีกทั้งข้อมูลจากแอปพลิเคชัน Deliver00 Singapore ระบุว่าในช่วงปีที่ผ่านมา ชาวสิงคโปร์นิยมอาหารสุขภาพมากขึ้น โดยเฉพาะ “Impossible meats” ซึ่งเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ทางเลือกที่ทําจากพืชที่มีผู้สั่งซื้อเพิ่มขึ้นมากถึงร้อยละ 53 โดยมีเมนูยอดนิยม คือ Impossible Burger
.
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากกระบวนการผลิตเนื้อสัตว์ทางเลือกมีความซับซ้อน จึงยังคงมีราคาสูงกว่าเนื้อสัตว์ธรรมชาติ ทั้งนี้ เมื่อช่วงเมษายน 2564 บริษัทสตาร์ทอัพในสิงคโปร์บางรายเริ่มมีแนวคิดที่จะส่งออก Impossible meats ไปจําหน่ายในประเทศไทย โดยได้จัดการทดลองรสชาติอาหารสําหรับกลุ่มตัวอย่างที่เป็นคนไทยโดยเฉพาะ
จากบทความข้างต้นจะเห็นได้ถึงโอกาสของผู้ประกอบการไทยในตลาดเนื้อสัตว์ทางเลือก โดยเนื้อสัตว์ทางเลือกเป็นธุรกิจในสิงคโปร์ และประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ถึงแม้ว่าในปัจจุบันจะมีผู้ประกอบการบางส่วนได้วิจัย ผลิต และจัดจําหน่ายแล้ว แต่ถือว่ายังมีโอกาสและช่องทางการเติบโต เนื่องจากไม่เพียงกลุ่มผู้บริโภครายย่อยที่ต้องการซื้อเนื้อสัตว์ทางเลือกเพื่อบริโภคในครัวเรือนเท่านั้น แต่ธุรกิจร้านอาหารหลายแห่งได้เริ่มให้บริการอาหารที่ใช้เนื้อสัตว์ทางเลือก ทั้งในร้านอาหารเพื่อสุขภาพ จนถึงร้านอาหารฟาสต์ฟูด จึงเป็นโอกาสดีของผู้ประกอบการไทยที่จะศึกษาโอกาสในการร่วมทุนกับบริษัทสตาร์ทอัพในสิงคโปร์ เพื่อผลิตเนื้อสัตว์ทางเลือกประเภทอื่น ๆ อาทิ เนื้อสัตว์ทางเลือกในอาหารไทยแบบประยุกต์ ซึ่งยังไม่มีผู้ทดลองจําหน่าย โดยใช้เทคโนโลยีด้านอาหารและเกษตรกรรมสีเขียว ประกอบกับกระแสคนรักสุขภาพเป็นปัจจัยส่งเสริมการขาย
ขอบคุณข้อมูลจาก : https://globthailand.com/singapore-210521/