หลังจากช่วงเวลาที่ผ่านมาแต่ละบริษัทเริ่มออกมาโชว์ผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 64 ออกมาให้เห็นกันแล้ว กลุ่มที่ทำให้ผมรู้สึกว้าวเลยก็คือ กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เพราะถึงแม้ว่าจะมีโควิดอยู่กับเรามาหลายปีแล้วแต่รายได้ก็ยังสวนกระแส ทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำ หรือว่ามันอาจจะเป็นที่มีคนเคยบอกผมไว้ว่า ช่วงโควิดถ้าใครมีเงิน ก็จะได้ของถูกอย่างบ้าน คอนโด ก็เป็นไปได้
ตอนนั้นผมไม่เชื่อหรอก เพราะคิดว่าใครๆ ก็คงอยากที่จะเก็บเงินเอาไว้ แต่พอ ผลเห็นผลประกอบการของ 14 อสังหาฯ ที่มีรายได้ 45,333 ล้าน กำไร 7,141 ล้าน “เอพี-ไรมอนแลนด์-แอสเซทไวส์” ท็อปฟอร์มกำไรโต 100% จับตาเทรนด์ตลาดไตรมาส 2 หนีตายโควิด-19 ตะลุมบอนแข่งสงครามราคาระบายสต๊อกบ้าน-คอนโดฯ
https://www.prachachat.net/property/news-669656 ข่าวนี้มันก็ทำให้ผมเริ่มสนใจกลุ่มพัฒนาอสังหาฯ ขึ้นมาครับ
ก่อนที่เราจะลงหลักปักฐานกับอะไรสักอย่าง เราก็ต้องหาข้อมูลกันเสียหน่อยดีกว่า โดยในกระทู้นี้ผมจะเจาะลงไปที่ค่าที่น่าจะดู และใช้วิเคราะห์ได้ง่ายที่สุดอย่าง “ROA และ ROE”
“ROA (Return on Asset) อัตราส่วนที่จะช่วยวัดความสามารถในการทำกำไรว่าสร้างผลกำไรได้กี่เปอร์เซ็นต์จากสินทรัพย์ทั้งหมดที่มี ไม่ว่าจะเป็นที่ดิน อาคาร เครื่องจักร ฯลฯ ซึ่งวิธีการคำนวณก็ทำได้โดยเอากำไรสุทธิของบริษัท หารด้วยสินทรัพย์รวม ซึ่งยิ่งมีค่าสูงเท่าไหร่ยิ่งดีเพราะแปลว่าบริษัทใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถนำสินทรัพย์ที่มีอยู่ในปัจจุบันไปสร้าง “กำไรสุทธิ” ได้สูง”
“ROE (Return on Equity) ที่ตัวหารจะเป็นส่วนของทุน หรือส่วนของเจ้าของ เพื่อที่จะหาผลตอบแทนต่อส่วนทุนที่บริษัทได้ลงทุนไป ซึ่งทั้ง 2 อัตราส่วนจะวัดค่าเป็นเปอร์เซ็นต์ ซึ่งยิ่งมีค่าสูงเท่าไหร่ยิ่งดีเพราะแสดงให้เห็นว่าบริษัทนั้นสามารถสร้าง “กำไรสุทธิ” ได้มากเมื่อเทียบกับบริษัทอื่น ๆ”
แล้วทำไมถึงต้องดู ROA และ ROE??
ถึงแม้ว่า ROA ROE จะไม่ได้สะท้อนถึงราคาในตลาดหุ้นมากนัก แต่เพราะข้อมูลหาง่ายไม่ซับซ้อนและเป็นตัวเปรียบเทียบเรื่องทรัพย์สินบริษัทกับรายได้ การหากำไรในแต่ละปีเพื่อวิเคราะห์เหมาะแก่ผู้ที่จะเล็งหุ้นตัวไหนควรถือยาวๆ
ที่มา
https://knowledge.bualuang.co.th/knowledge-base/roaroe/
ทีนี้เรามาเจาะในกลุ่มพัฒนาอสังหาฯ กันบ้าง
- อันดับแรกที่ ROA สูงที่สุด แต่ส่วนของ ROE อยู่อันดับ 4 กับแบรนด์ ลลิล พร๊อพเพอร์ตี้ ที่ตอนนี้ก็มีจะเปิดโครงการใหม่ 10-12 และตั้งยอดไว้ประมาณ 6,000-7,000 ล้านบาท ซึ่ง โครงการของลลิลส่วนใหญ่เป็นแนวราบ และยังมีแผนเตรียมซื้อที่ดินเพิ่มอีกเพื่อนโครงการต่อๆไปอีกด้วยงบถึง 1,200 ล้าน
- มาต่อกันที่ ROA อันดับ 2 แล้วก็มี ROE อยู่ในอันดับ 2 เช่นกัน อย่าง Noble ที่มี ROA สูงถึง 12.8% ตอนนี้มีโครงการใหญ่ๆร่วม 11 โครงการที่มีมูลค่าประมาณ 45,100 ล้าน และคาดว่าจะจะได้เริ่มขายกันในช่วง Q2 ของปีนี้ ก็ถือว่าน่าสนใจอยู่เหมือนกัน
- ส่วนอันดับต่อมากที่มี ROA เป็นอันดับ 3 แต่มีค่า ROE อยู่อันดับ 1 กับ ASW หรือ Asset wise ที่พึ่งจะเข้าตลาดได้ไม่นาน แต่จากค่า ROE ที่สูงถึง43.4% น่าจะทำให้เห็นได้ว่าธุรกิจของ ASW สามารถสร้างเป็นกำไรได้เร็วกว่าคู่แข่งรายอื่นๆในตลาด ส่วนโครงการส่วนใหญ่ของ ASW ก็น่าสนใจอยู่ เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ใกล้มหาลัย และมีส่วนกลายเยอะให้ลูกบ้านด้วย
เป็นยังไงกันบ้างครับสำหรับ TOP 3 ROA , ROE ของบริษัทอสังหาฯประจำไตรมาศ 1 ปี 2564 ที่ประกาศออกมา ใครมีความเห็นอย่างไรกันบ้างกับธุรกิจอสังหาที่ฝ่าภาวะวิกฤติโควิดมาได้ถึงขนาดนี้มาพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้นะครับ สำหรับวันนี้ไปก่อนละครับ
ผลประกอบการประจำไตรมาศ 1 ปี 64 กลุ่มอสังหาฯเป็นอย่างไรกันบ้างในช่วงที่ผ่านมา ผ่านตัวเลข ROA และ ROE
ตอนนั้นผมไม่เชื่อหรอก เพราะคิดว่าใครๆ ก็คงอยากที่จะเก็บเงินเอาไว้ แต่พอ ผลเห็นผลประกอบการของ 14 อสังหาฯ ที่มีรายได้ 45,333 ล้าน กำไร 7,141 ล้าน “เอพี-ไรมอนแลนด์-แอสเซทไวส์” ท็อปฟอร์มกำไรโต 100% จับตาเทรนด์ตลาดไตรมาส 2 หนีตายโควิด-19 ตะลุมบอนแข่งสงครามราคาระบายสต๊อกบ้าน-คอนโดฯ
https://www.prachachat.net/property/news-669656 ข่าวนี้มันก็ทำให้ผมเริ่มสนใจกลุ่มพัฒนาอสังหาฯ ขึ้นมาครับ
ก่อนที่เราจะลงหลักปักฐานกับอะไรสักอย่าง เราก็ต้องหาข้อมูลกันเสียหน่อยดีกว่า โดยในกระทู้นี้ผมจะเจาะลงไปที่ค่าที่น่าจะดู และใช้วิเคราะห์ได้ง่ายที่สุดอย่าง “ROA และ ROE”
“ROA (Return on Asset) อัตราส่วนที่จะช่วยวัดความสามารถในการทำกำไรว่าสร้างผลกำไรได้กี่เปอร์เซ็นต์จากสินทรัพย์ทั้งหมดที่มี ไม่ว่าจะเป็นที่ดิน อาคาร เครื่องจักร ฯลฯ ซึ่งวิธีการคำนวณก็ทำได้โดยเอากำไรสุทธิของบริษัท หารด้วยสินทรัพย์รวม ซึ่งยิ่งมีค่าสูงเท่าไหร่ยิ่งดีเพราะแปลว่าบริษัทใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถนำสินทรัพย์ที่มีอยู่ในปัจจุบันไปสร้าง “กำไรสุทธิ” ได้สูง”
“ROE (Return on Equity) ที่ตัวหารจะเป็นส่วนของทุน หรือส่วนของเจ้าของ เพื่อที่จะหาผลตอบแทนต่อส่วนทุนที่บริษัทได้ลงทุนไป ซึ่งทั้ง 2 อัตราส่วนจะวัดค่าเป็นเปอร์เซ็นต์ ซึ่งยิ่งมีค่าสูงเท่าไหร่ยิ่งดีเพราะแสดงให้เห็นว่าบริษัทนั้นสามารถสร้าง “กำไรสุทธิ” ได้มากเมื่อเทียบกับบริษัทอื่น ๆ”
แล้วทำไมถึงต้องดู ROA และ ROE??
ถึงแม้ว่า ROA ROE จะไม่ได้สะท้อนถึงราคาในตลาดหุ้นมากนัก แต่เพราะข้อมูลหาง่ายไม่ซับซ้อนและเป็นตัวเปรียบเทียบเรื่องทรัพย์สินบริษัทกับรายได้ การหากำไรในแต่ละปีเพื่อวิเคราะห์เหมาะแก่ผู้ที่จะเล็งหุ้นตัวไหนควรถือยาวๆ
ที่มา https://knowledge.bualuang.co.th/knowledge-base/roaroe/
ทีนี้เรามาเจาะในกลุ่มพัฒนาอสังหาฯ กันบ้าง
- อันดับแรกที่ ROA สูงที่สุด แต่ส่วนของ ROE อยู่อันดับ 4 กับแบรนด์ ลลิล พร๊อพเพอร์ตี้ ที่ตอนนี้ก็มีจะเปิดโครงการใหม่ 10-12 และตั้งยอดไว้ประมาณ 6,000-7,000 ล้านบาท ซึ่ง โครงการของลลิลส่วนใหญ่เป็นแนวราบ และยังมีแผนเตรียมซื้อที่ดินเพิ่มอีกเพื่อนโครงการต่อๆไปอีกด้วยงบถึง 1,200 ล้าน
- มาต่อกันที่ ROA อันดับ 2 แล้วก็มี ROE อยู่ในอันดับ 2 เช่นกัน อย่าง Noble ที่มี ROA สูงถึง 12.8% ตอนนี้มีโครงการใหญ่ๆร่วม 11 โครงการที่มีมูลค่าประมาณ 45,100 ล้าน และคาดว่าจะจะได้เริ่มขายกันในช่วง Q2 ของปีนี้ ก็ถือว่าน่าสนใจอยู่เหมือนกัน
- ส่วนอันดับต่อมากที่มี ROA เป็นอันดับ 3 แต่มีค่า ROE อยู่อันดับ 1 กับ ASW หรือ Asset wise ที่พึ่งจะเข้าตลาดได้ไม่นาน แต่จากค่า ROE ที่สูงถึง43.4% น่าจะทำให้เห็นได้ว่าธุรกิจของ ASW สามารถสร้างเป็นกำไรได้เร็วกว่าคู่แข่งรายอื่นๆในตลาด ส่วนโครงการส่วนใหญ่ของ ASW ก็น่าสนใจอยู่ เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ใกล้มหาลัย และมีส่วนกลายเยอะให้ลูกบ้านด้วย
เป็นยังไงกันบ้างครับสำหรับ TOP 3 ROA , ROE ของบริษัทอสังหาฯประจำไตรมาศ 1 ปี 2564 ที่ประกาศออกมา ใครมีความเห็นอย่างไรกันบ้างกับธุรกิจอสังหาที่ฝ่าภาวะวิกฤติโควิดมาได้ถึงขนาดนี้มาพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้นะครับ สำหรับวันนี้ไปก่อนละครับ