คนโอดWFHรายจ่ายเพิ่มค่าน้ำไฟพุ่งเชื่อลดแพร่โควิดได้
https://www.innnews.co.th/news/news-general/news_104471/
สวนดุสิตโพล คนโอด WFH รายจ่ายเพิ่ม ค่าน้ำ ค่าไฟพุ่ง เชื่อ ช่วยลดการแพร่เชื้อโควิดได้ งานสำเร็จประมาณ 70.33%
สวนดุสิตโพล เผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,553 คน เรื่อง ทำงานที่บ้านหรือ Work From Home (WFH) ระหว่างวันที่ 10-13 พฤษภาคม 2564
พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 42.72 ระบุ ทำงานที่บ้านช่วงโควิด-19 รองลงมา ร้อยละ34.45 ระบุ ทำทั้งที่บ้านและที่ทำงาน ร้อยละ 22.83 ระบุ ไม่ได้ทำงานที่บ้าน
เมื่อถามถึงความคิดเห็นต่อการทำงานที่บ้าน พบว่า ร้อยละ 74.82 ระบุ รู้สึกปลอดภัย/ช่วยลดการแพร่เชื้อโควิด-19 รองลงมา ร้อยละ 48.60 ระบุ เป็นการปฏิบัติตามนโยบายภาครัฐ/ให้ความร่วมมือในการอยู่บ้าน ร้อยละ 44.05 ระบุ มีเวลาให้ตัวเองและครอบครัวมากขึ้น
ทั้งนี้ ประชาชนร้อยละ 88.33 ระบุ ทำงานที่บ้านลดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ขณะร้อยละ 65.80 ระบุ ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอินเทอร์เน็ต
พร้อมกันนี้ มองความสำเร็จของผลงาน จากการทำงานที่บ้าน (Work From Home) สำเร็จประมาณ 70.33%
เมื่อถามถึงความชื่นชอบระหว่างทำงาน “ที่ทำงาน”กับ ทำงาน “ที่บ้าน” พบว่า ร้อยละ 37.17 ระบุ ชอบทั้ง 2 แบบพอๆกัน รองลงมา ร้อยละ 36.13 ระบุ ชอบการทำงานที่ทำงานมากกว่า ร้อยละ 18.10 ระบุ ชอบการทำงานที่บ้านมากกว่า
ท้ายที่สุด ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 82.66 ระบุ ทำงานที่บ้านช่วยลดการแพร่เชื้อโควิด-19 ได้ รองลงมาร้อยละ 13.14 ระบุ ไม่แน่ใจ ร้อยละ 4.20 ระบุ ช่วยไม่ได้
"Pfizer-Moderna" ครบ 2 เข็มเอาโควิด-19 สายพันธุ์อินเดียไม่อยู่
https://www.thansettakij.com/content/covid_19/480069
หมอธีระวัฒน์เผย "Pfizer-Moderna" ฉีดครบ 2 เข็มเอาโควิด-19 สายพันธุ์อินเดียไม่อยู่ ระบุตไทยต้องมีวินัยทั้งทางบุคคลและทางสังคมอย่างเข้มข้น
รายงานข่าวระบุว่า ศ.นพ.
ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา (หมอธีระวัฒน์) ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว (
ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha) โดยมีข้อความว่า
สายพันธุ์ที่ต้องจับตาสูง จนถึงกลายเป็นสายก่อให้เกิดผลกระทบรุนแรง?
ในสิงคโปร์ พบสายอินเดียในชุมชนเองแล้ว และที่ติดสายอินเดียเป็นคนได้วัคซีน ไฟเซอร์ (Pfizer) ,โมเดอร์นา (Moderna) ครบ 2 แล้ว โควิด-19 (Covid-19) ซึ่งมีการปรับเปลี่ยนหน้าตาจนกลายเป็นที่เรียกว่าสายพันธุ์ ที่ต้องจับตามองด้วยความกังวลสูง ( variant of high global concern ) ไปจนถึงที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อเนื่อง (high consequence)
ล้วนแล้วแต่เกิดจากการระบาดที่รุนแรงแรงกว้างขวางจนเกิดการวิวัฒน์ ให้มีความเก่งกาจขึ้น (gain of function) ตั้งแต่ สายอังกฤษ แอฟริกาใต้ บราซิล ฟิลิปปินส์และจนอินเดีย ที่ถูกจัดจากองค์การอมามัยโลก (WHO) ให้ทั่วโลกจับตา และในอีกไม่ช้าไม่นาน ถ้าสถานการณ์คุมไม่ได้ในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งก็จะเกิดมีสายใหม่เกิดขึ้นอีก
ในส่วนของสายอินเดีย ที่มีการตรวจพบมานานพอสมควรในประเทศไทย หลายรายด้วยกันแล้ว ในสถานกักตัว ทั้งนี้มีการตั้งข้อสังเกตุจากหมอและนักวิทยาศาสตร์อินเดียและหลายกลุ่ม ในไวรัสสายนี้มานานพอสมควร ที่ว่าสามารถ
“จับลึก” นั่นก็คือไถลลงไปจับกับหลอดลมส่วนลึกและถุงลมแทนที่จะเป็นโพรงจมูกและลำคอ
“จับแน่น” ทำให้มีความสามารถในการติดเชื้อได้เก่งขึ้นและจากนั้นแพร่ได้ง่ายขึ้น
“หลีกหนี” การมองเห็นการเฝ้าระวังตรวจตราของระบบป้องกันและภูมิคุ้มกันที่ได้จากวัคซีน
ทั้งนี้ยังหมายควบรวมไปถึงภูมิคุ้มกันที่ได้จากการติดเชื้อครั้งแรกจากโควิดธรรมดา และเมื่อติดเชื้อสายใหม่นี้ สามารถมองเห็นจับได้ แต่ไม่ยับยั้งไวรัสและกลับจับไวรัสไปส่งให้ เซลล์ที่มีหน้าที่ป้องกันไวรัส โดยมีหน้าที่ทำลายเซลล์ที่ติดเชื้อ แต่กลับปล่อยสารอักเสบขึ้นมาแทนเลยเป็นอันตรายต่อเนื้อเยื่อและต่อทุกระบบในร่างกาย
ถือเป็น “บาป” ที่ภูมิคุ้มกันไม่รู้จักปรับตัวพัฒนาขึ้นมาสู้กับของใหม่ (original antigenic sin: ที่ทราบกันมาตั้งแต่ปี 1960)
และในลำดับต่อไป ถ้าไวรัสมีการปรับเปลี่ยนส่วนท่อนต่างๆที่ปกติออกแบบมาอยู่แล้วเพื่อก่อโรคให้มีความรุนแรง และกลับรุนแรงขึ้นไปอีก จนมีปัญหาในการรักษาและรวมไปกระทั่งถึงดื้อยาที่ใช้ได้ผลอยู่ในปัจจุบัน จะกลายเป็น สายที่ก่อให้เกิดผลกระทบอย่างสูง
ทั้งหมดนี้สามารถชนะได้ด้วยวัคซีนพร้อมกับมีวินัยทั้งทางบุคคลและทางสังคมอย่างเข้มข้น พยายามสงบการระบาดให้นิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่อย่างไรก็ตามสายใหม่เหล่านี้ ต้องเล็ดลอดเข้ามาไม่ช้าก็เร็ว และแพร่ระหว่างคนไทยสู่คนไทย แต่ทั้งหมดเพื่อเป็นการซื้อเวลา เพื่อรอวัคซีนพัฒนารุ่นที่สองต่อไป
https://www.facebook.com/thiravat.h/posts/4499376590095860
JJNY : คนโอดWFHรายจ่ายเพิ่ม│"Pfizer-Moderna"ครบเอาสายพันธุ์อินเดียไม่อยู่│ช่างแอร์เครียดปักอกดับ│โควิดทำยอดขายวัตถุดิบลด
https://www.innnews.co.th/news/news-general/news_104471/
สวนดุสิตโพล เผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,553 คน เรื่อง ทำงานที่บ้านหรือ Work From Home (WFH) ระหว่างวันที่ 10-13 พฤษภาคม 2564
พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 42.72 ระบุ ทำงานที่บ้านช่วงโควิด-19 รองลงมา ร้อยละ34.45 ระบุ ทำทั้งที่บ้านและที่ทำงาน ร้อยละ 22.83 ระบุ ไม่ได้ทำงานที่บ้าน
เมื่อถามถึงความคิดเห็นต่อการทำงานที่บ้าน พบว่า ร้อยละ 74.82 ระบุ รู้สึกปลอดภัย/ช่วยลดการแพร่เชื้อโควิด-19 รองลงมา ร้อยละ 48.60 ระบุ เป็นการปฏิบัติตามนโยบายภาครัฐ/ให้ความร่วมมือในการอยู่บ้าน ร้อยละ 44.05 ระบุ มีเวลาให้ตัวเองและครอบครัวมากขึ้น
ทั้งนี้ ประชาชนร้อยละ 88.33 ระบุ ทำงานที่บ้านลดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ขณะร้อยละ 65.80 ระบุ ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอินเทอร์เน็ต
พร้อมกันนี้ มองความสำเร็จของผลงาน จากการทำงานที่บ้าน (Work From Home) สำเร็จประมาณ 70.33%
เมื่อถามถึงความชื่นชอบระหว่างทำงาน “ที่ทำงาน”กับ ทำงาน “ที่บ้าน” พบว่า ร้อยละ 37.17 ระบุ ชอบทั้ง 2 แบบพอๆกัน รองลงมา ร้อยละ 36.13 ระบุ ชอบการทำงานที่ทำงานมากกว่า ร้อยละ 18.10 ระบุ ชอบการทำงานที่บ้านมากกว่า
ท้ายที่สุด ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 82.66 ระบุ ทำงานที่บ้านช่วยลดการแพร่เชื้อโควิด-19 ได้ รองลงมาร้อยละ 13.14 ระบุ ไม่แน่ใจ ร้อยละ 4.20 ระบุ ช่วยไม่ได้
"Pfizer-Moderna" ครบ 2 เข็มเอาโควิด-19 สายพันธุ์อินเดียไม่อยู่
https://www.thansettakij.com/content/covid_19/480069
หมอธีระวัฒน์เผย "Pfizer-Moderna" ฉีดครบ 2 เข็มเอาโควิด-19 สายพันธุ์อินเดียไม่อยู่ ระบุตไทยต้องมีวินัยทั้งทางบุคคลและทางสังคมอย่างเข้มข้น
รายงานข่าวระบุว่า ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา (หมอธีระวัฒน์) ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว (ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha) โดยมีข้อความว่า
สายพันธุ์ที่ต้องจับตาสูง จนถึงกลายเป็นสายก่อให้เกิดผลกระทบรุนแรง?
ในสิงคโปร์ พบสายอินเดียในชุมชนเองแล้ว และที่ติดสายอินเดียเป็นคนได้วัคซีน ไฟเซอร์ (Pfizer) ,โมเดอร์นา (Moderna) ครบ 2 แล้ว โควิด-19 (Covid-19) ซึ่งมีการปรับเปลี่ยนหน้าตาจนกลายเป็นที่เรียกว่าสายพันธุ์ ที่ต้องจับตามองด้วยความกังวลสูง ( variant of high global concern ) ไปจนถึงที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อเนื่อง (high consequence)
ล้วนแล้วแต่เกิดจากการระบาดที่รุนแรงแรงกว้างขวางจนเกิดการวิวัฒน์ ให้มีความเก่งกาจขึ้น (gain of function) ตั้งแต่ สายอังกฤษ แอฟริกาใต้ บราซิล ฟิลิปปินส์และจนอินเดีย ที่ถูกจัดจากองค์การอมามัยโลก (WHO) ให้ทั่วโลกจับตา และในอีกไม่ช้าไม่นาน ถ้าสถานการณ์คุมไม่ได้ในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งก็จะเกิดมีสายใหม่เกิดขึ้นอีก
ในส่วนของสายอินเดีย ที่มีการตรวจพบมานานพอสมควรในประเทศไทย หลายรายด้วยกันแล้ว ในสถานกักตัว ทั้งนี้มีการตั้งข้อสังเกตุจากหมอและนักวิทยาศาสตร์อินเดียและหลายกลุ่ม ในไวรัสสายนี้มานานพอสมควร ที่ว่าสามารถ
“จับลึก” นั่นก็คือไถลลงไปจับกับหลอดลมส่วนลึกและถุงลมแทนที่จะเป็นโพรงจมูกและลำคอ
“จับแน่น” ทำให้มีความสามารถในการติดเชื้อได้เก่งขึ้นและจากนั้นแพร่ได้ง่ายขึ้น
“หลีกหนี” การมองเห็นการเฝ้าระวังตรวจตราของระบบป้องกันและภูมิคุ้มกันที่ได้จากวัคซีน
ทั้งนี้ยังหมายควบรวมไปถึงภูมิคุ้มกันที่ได้จากการติดเชื้อครั้งแรกจากโควิดธรรมดา และเมื่อติดเชื้อสายใหม่นี้ สามารถมองเห็นจับได้ แต่ไม่ยับยั้งไวรัสและกลับจับไวรัสไปส่งให้ เซลล์ที่มีหน้าที่ป้องกันไวรัส โดยมีหน้าที่ทำลายเซลล์ที่ติดเชื้อ แต่กลับปล่อยสารอักเสบขึ้นมาแทนเลยเป็นอันตรายต่อเนื้อเยื่อและต่อทุกระบบในร่างกาย
ถือเป็น “บาป” ที่ภูมิคุ้มกันไม่รู้จักปรับตัวพัฒนาขึ้นมาสู้กับของใหม่ (original antigenic sin: ที่ทราบกันมาตั้งแต่ปี 1960)
และในลำดับต่อไป ถ้าไวรัสมีการปรับเปลี่ยนส่วนท่อนต่างๆที่ปกติออกแบบมาอยู่แล้วเพื่อก่อโรคให้มีความรุนแรง และกลับรุนแรงขึ้นไปอีก จนมีปัญหาในการรักษาและรวมไปกระทั่งถึงดื้อยาที่ใช้ได้ผลอยู่ในปัจจุบัน จะกลายเป็น สายที่ก่อให้เกิดผลกระทบอย่างสูง
ทั้งหมดนี้สามารถชนะได้ด้วยวัคซีนพร้อมกับมีวินัยทั้งทางบุคคลและทางสังคมอย่างเข้มข้น พยายามสงบการระบาดให้นิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่อย่างไรก็ตามสายใหม่เหล่านี้ ต้องเล็ดลอดเข้ามาไม่ช้าก็เร็ว และแพร่ระหว่างคนไทยสู่คนไทย แต่ทั้งหมดเพื่อเป็นการซื้อเวลา เพื่อรอวัคซีนพัฒนารุ่นที่สองต่อไป
https://www.facebook.com/thiravat.h/posts/4499376590095860