วันนี้ (12 พ.ค.) จากกรณีที่มีรายงานข่าวว่า นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน เห็นชอบให้มีการปรับแก้กฎหมายประกันสังคม
เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประกันตนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 รวม 3 แนวทาง ประกอบด้วย
1. “ขอเลือก” รับเงินจากกองทุนบำเหน็จหรือบำนาญชราภาพ จากเดิมที่กฎหมายระบุว่า หากผู้ประกันตนส่งเงินสมทบมาเกินกว่า 15 ปี จะได้รับบำนาญโดยอัตโนมัติ ซึ่งผู้ประกันตนบางส่วนต้องการเลือกใช้บำเหน็จ
2. “ขอคืน” เงินบางส่วนนำมาใช้ดำรงชีพ หรือนำไปลงทุนทำงานอื่นๆ ในช่วงที่ไม่มีงานทำ หรือเกิดวิกฤตหรือเหตุสุดวิสัยที่ทำให้ถูกเลิกจ้างงาน เช่น กรณีการระบาดของโควิด-19 โดยผู้ประกันตนสามารถเรียกขอใช้เงินบางส่วนก่อน แต่ต้องไม่มากกว่า 30% ของเงินสะสมบำหน็จบำนาญชราภาพ หรือไม่เกิน 3,000 บาท/เดือน
และ 3. “ขอกู้” โดยใช้วงเงินสะสมของผู้ประกันตนในส่วนของเงินสะสมบำเหน็จบำนาญชราภาพมาค้ำประกันเงินกู้ ให้ผู้ประกันตนที่เดือดร้อน ซึ่งส่วนนี้อยู่ในระหว่างพิจารณาของสถาบันการเงิน
อนึ่ง สำหรับเงินบำเหน็จหรือบำนาญชราภาพ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ กรณีบำเหน็จชราภาพ จ่ายเงินสมทบไม่ครบ 180 เดือน ความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง มีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ หรือเป็นผู้ทุพพลภาพ หรือถึงแก่ความตาย จะได้เงินบำเหน็จชราภาพ เท่ากับจำนวนเงินสมทบที่ผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบ เพื่อการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพ กรณีจ่ายเงินสมทบต่ำกว่า 12 เดือน หากเป็นกรณีที่มีการจ่ายเงินสมทบตั้งแต่ 12 เดือนขึ้นไป จะได้เงินบำเหน็จชราภาพ เท่ากับจำนวนเงินสมทบที่ผู้ประกันตนและนายจ้างจ่ายเงินสมทบ เพื่อการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพ พร้อมผลประโยชน์ตอบแทน ตามที่สำนักงานประกันสังคมประกาศกำหนด
ส่วนกรณีบำนาญชราภาพ คือ กรณีจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 180 เดือน ไม่ว่าระยะเวลา 180 เดือนจะติดต่อกันหรือไม่ก็ตาม ความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง มีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ กรณีจ่ายเงินสมทบมาแล้ว ไม่น้อยกว่า 180 เดือน มีสิทธิได้รับเงินบำนาญชราภาพเป็นรายเดือนในอัตราร้อยละ 20 ของค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้ายที่ใช้เป็นฐานในการคำนวณเงินสมทบก่อนความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง ถ้ากรณีที่มีการจ่ายเงินสมทบเกิน 180 เดือน ให้ปรับเพิ่มอัตราบำนาญชราภาพตามข้อ 1 ขึ้นอีกในอัตราร้อยละ 1.5 ต่อระยะเวลาการจ่ายเงินสมทบทุก 12 เดือน สำหรับระยะเวลาที่จ่ายเงินสมทบเกินกว่า 180 เดือน
.
.
.
.
.
จากข่าวการเตรียมแก้กฎหมาย ดังกล่าว
ขออนุญาตสำรวจความเห็น ของผู้ประกันตนทุกท่าน
ว่าท่านคิดว่า ตัวเลือกข้อใด ถูกใจท่านมากที่สุด
โดยข้อเสนอแก้กฎหมายนี้ ถูกหยิบมาเสนอหลายครั้งแล้ว แต่ไม่คืบหน้า
จนเกิดการระบาดระลอกล่าสุด จึงมีแนวคิดเร่งแก้กฎหมายตรงนี้ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกันตน
ให้ผ่านวิกฤติช่วงนี้ไปให้ได้
เราจึงขอทำโพล เพื่อสะท้อนความเห็นของผู้ประกันตน
และอาจช่วยพลักดันการแก้กฎหมายข้อนี้ภายในเดือนนี้
รบกวนทำโพลด้วยนะ
เนื้อหาข่าวที่เกี่ยวข้อง
https://www.thebangkokinsight.com/news/business/covid-19-business/590159/
https://www.prachachat.net/csr-hr/news-664756
https://mgronline.com/onlinesection/detail/9640000045411
*** ปิดโหวต วันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ.2564 เวลา 11:38:13 น.
โพล : แก้กฎหมายเปิดทางดึงเงินประกันสังคมใช้จ่าย-ค้ำเงินกู้
เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประกันตนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 รวม 3 แนวทาง ประกอบด้วย
1. “ขอเลือก” รับเงินจากกองทุนบำเหน็จหรือบำนาญชราภาพ จากเดิมที่กฎหมายระบุว่า หากผู้ประกันตนส่งเงินสมทบมาเกินกว่า 15 ปี จะได้รับบำนาญโดยอัตโนมัติ ซึ่งผู้ประกันตนบางส่วนต้องการเลือกใช้บำเหน็จ
2. “ขอคืน” เงินบางส่วนนำมาใช้ดำรงชีพ หรือนำไปลงทุนทำงานอื่นๆ ในช่วงที่ไม่มีงานทำ หรือเกิดวิกฤตหรือเหตุสุดวิสัยที่ทำให้ถูกเลิกจ้างงาน เช่น กรณีการระบาดของโควิด-19 โดยผู้ประกันตนสามารถเรียกขอใช้เงินบางส่วนก่อน แต่ต้องไม่มากกว่า 30% ของเงินสะสมบำหน็จบำนาญชราภาพ หรือไม่เกิน 3,000 บาท/เดือน
และ 3. “ขอกู้” โดยใช้วงเงินสะสมของผู้ประกันตนในส่วนของเงินสะสมบำเหน็จบำนาญชราภาพมาค้ำประกันเงินกู้ ให้ผู้ประกันตนที่เดือดร้อน ซึ่งส่วนนี้อยู่ในระหว่างพิจารณาของสถาบันการเงิน
อนึ่ง สำหรับเงินบำเหน็จหรือบำนาญชราภาพ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ กรณีบำเหน็จชราภาพ จ่ายเงินสมทบไม่ครบ 180 เดือน ความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง มีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ หรือเป็นผู้ทุพพลภาพ หรือถึงแก่ความตาย จะได้เงินบำเหน็จชราภาพ เท่ากับจำนวนเงินสมทบที่ผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบ เพื่อการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพ กรณีจ่ายเงินสมทบต่ำกว่า 12 เดือน หากเป็นกรณีที่มีการจ่ายเงินสมทบตั้งแต่ 12 เดือนขึ้นไป จะได้เงินบำเหน็จชราภาพ เท่ากับจำนวนเงินสมทบที่ผู้ประกันตนและนายจ้างจ่ายเงินสมทบ เพื่อการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพ พร้อมผลประโยชน์ตอบแทน ตามที่สำนักงานประกันสังคมประกาศกำหนด
ส่วนกรณีบำนาญชราภาพ คือ กรณีจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 180 เดือน ไม่ว่าระยะเวลา 180 เดือนจะติดต่อกันหรือไม่ก็ตาม ความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง มีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ กรณีจ่ายเงินสมทบมาแล้ว ไม่น้อยกว่า 180 เดือน มีสิทธิได้รับเงินบำนาญชราภาพเป็นรายเดือนในอัตราร้อยละ 20 ของค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้ายที่ใช้เป็นฐานในการคำนวณเงินสมทบก่อนความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง ถ้ากรณีที่มีการจ่ายเงินสมทบเกิน 180 เดือน ให้ปรับเพิ่มอัตราบำนาญชราภาพตามข้อ 1 ขึ้นอีกในอัตราร้อยละ 1.5 ต่อระยะเวลาการจ่ายเงินสมทบทุก 12 เดือน สำหรับระยะเวลาที่จ่ายเงินสมทบเกินกว่า 180 เดือน
.
.
.
.
.
จากข่าวการเตรียมแก้กฎหมาย ดังกล่าว
ขออนุญาตสำรวจความเห็น ของผู้ประกันตนทุกท่าน
ว่าท่านคิดว่า ตัวเลือกข้อใด ถูกใจท่านมากที่สุด
โดยข้อเสนอแก้กฎหมายนี้ ถูกหยิบมาเสนอหลายครั้งแล้ว แต่ไม่คืบหน้า
จนเกิดการระบาดระลอกล่าสุด จึงมีแนวคิดเร่งแก้กฎหมายตรงนี้ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกันตน
ให้ผ่านวิกฤติช่วงนี้ไปให้ได้
เราจึงขอทำโพล เพื่อสะท้อนความเห็นของผู้ประกันตน
และอาจช่วยพลักดันการแก้กฎหมายข้อนี้ภายในเดือนนี้
รบกวนทำโพลด้วยนะ
เนื้อหาข่าวที่เกี่ยวข้อง
https://www.thebangkokinsight.com/news/business/covid-19-business/590159/
https://www.prachachat.net/csr-hr/news-664756
https://mgronline.com/onlinesection/detail/9640000045411