หัวใจพลิกล็อค...บทที่ 18

ปาณฑราเดินปลีกตัวออกมาที่หน้าร้าน แล้วรีบกดรับสายอย่างไว “ค่ะพ่อ”
 
         “สงกรานต์กลับบ้านไหมลูก” ผู้เป็นพ่อถามมาตามสาย  
 
         “กลับค่ะ” 
 
         “แล้วแฟนมาด้วยไหม”
 
         ปาณฑราชะงักไปกับคำถามของบิดา ก่อนจะยกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเองเบาๆ เมื่อเริ่มมองเห็นเค้าลางความวุ่นวายบางอย่าง 
 
         หลังพ่อกับแม่เห็นรูปที่พิชญ์พงศ์อัปลงเฟซบุ๊ก แล้วแท็กมาหาเธอในวันที่นัดเจอกัน ท่านทั้งสองก็โทร.มาซักฟอกเธอเสียยกใหญ่ เพราะเข้าใจว่าเขาคือแฟนของเธอ ซึ่งเธอก็ไม่ได้แก้ความเข้าใจผิดของพวกท่าน เพราะคิดว่าให้เข้าใจไปแบบนั้นก็ดีเหมือนกัน จะได้เลิกล้มความคิดที่จะจับคู่เธอกับลูกชายของเพื่อนท่านเสียที โดยลืมนึกไปว่าท่านอาจจะอยากเจอแฟนสมอ้างของเธอขึ้นมาบ้างเหมือนกัน 
 
         “เขาคงจะไม่ได้ไปด้วยค่ะพ่อ” 
 
         “อ้าว ทำไมล่ะ เขาไม่อยากมาทำความรู้จักพ่อกับแม่แฟนบ้างหรือไง” 
 
         “เขา...” ปาณฑราอึกอัก ไม่รู้จะอ้างว่ายังไงดี แต่สุดท้ายก็นึกออกจนได้ “เขาต้องทำงานค่ะพ่อ”
 
         “ปกติเทศกาลบริษัทเขาก็หยุดกันหมดไม่ใช่หรือ แล้วทำไมบริษัทเขาถึงไม่ได้หยุดล่ะ” ผู้เป็นพ่อตั้งข้อสงสัย 
 
         “เขาเล่นดนตรีอยู่ร้านอาหารน่ะพ่อ แล้วสงกรานต์ร้านอาหารเขาหยุดกันที่ไหนล่ะคะ” 
 
         “งั้นหรือ”
 
         “ใช่จ้ะพ่อ” รีบตอบเสียงเริงร่า 
 
         “งานแบบนี้มันหาคนไปทำแทนได้ไม่ใช่หรือ” ผู้เป็นบิดายังไม่หมดข้อสงสัย 
 
         “รู้ดีอีกแล้วพ่อฉัน” ปาณฑราแอบค่อนขอดบุพการีอยู่ในใจ
 
         “ช่วงเทศกาลใครๆ เขาก็อยากหยุดกันน่ะพ่อ เลยหาคนมาแทนยากสักหน่อย” 
 
         “เอ...เหมือนจะมีพิรุธ” คนที่รู้จักนิสัยลูกสาวตัวเองดีพูดอย่างจับสังเกต
 
         “พิรุธอะไรกันพ่อ ไม่มี้” ลูกสาวลืมตัวปฏิเสธเสียงสูง
 
         “ก็เราน่ะทำเหมือนไม่อยากให้พ่อกับแม่ได้เจอกับแฟนเราอย่างไรอย่างนั้นแหละ”
 
         ปาณฑราแอบค้อนให้คนในสาย ที่รู้ทันเธอไปเสียทุกเรื่อง แต่จะให้เธอยอมรับออกไปว่าสิ่งที่ท่านคิดนั้นถูกทุกอย่าง มันก็ใช่เรื่อง
 
         “พ่อก็คิดมากไป”
 
         “เรากับพ่อหนุ่มนั่นเป็นแฟนกันจริงๆ หรือเป็นแค่แฟนหลอกๆ กันแน่” บิดาถามออกไปตามตรงอย่างที่นึกสงสัยมาตลอด  
 
         “จริงสิจ๊ะพ่อ แล้วอะไรที่ทำให้พ่อคิดว่าไม่จริงล่ะคะ”
 
         “ก็มันประจวบเหมาะเกินไปจนน่าสงสัยน่ะสิ เป็นโสดมาตั้งนานหลายปี ไม่มีวี่แววว่าจะมีแฟนกับเขาสักที แต่พออายุจะครบสามสิบตามที่ตกลงกันไว้เท่านั้นแหละ แฟนโผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ แบบนี้มันดูพอเหมาะพอเจาะเกินไป ไม่ใช่ว่าไปจ้างใครมาแกล้งเป็นแฟนเพื่อตบตาพ่อกับแม่หรอกนะ” บิดาถามอย่างต้องการจับผิดลูกสาว
 
         “พ่อก็พูดเป็นนิยายไปได้ มีเหตุผลอะไรที่หนูต้องทำแบบนั้นด้วยล่ะคะ” 
 
         ปาณฑราทำทีเป็นขบขันกับข้อสันนิษฐานของบิดา ทั้งที่ความจริงแล้วกำลังลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เม็ดเหงื่อที่ไม่รู้มาจากไหนก็เริ่มซึมตามไรผมและกรอบหน้า ขนาดว่าเป็นการจับผิดผ่านการคุยโทรศัพท์ เธอยังมีพิรุธจนพ่อสัมผัสได้ขนาดนี้ ไม่อยากจะคิดเลยว่าหากเป็นการพูดคุยกันต่อหน้า เธอจะเผยพิรุธขนาดไหน คงได้ความแตกในไม่ช้าแน่ๆ  
 
         “เพื่อจะได้ไม่ต้องแต่งงานกับพ่อบุญฤทธิ์ยังไงล่ะ”
 
         บิดาตอบราวกับมานั่งอยู่ในใจของลูกสาว แต่ตราบใดที่ยังไม่มีหลักฐานมามัดตัว หรือยังไม่โดนต้อนให้จนมุม คนอย่างปาณฑราก็ยังคงไหลไปได้เรื่อยๆ
 
         “แม่คงจะพาพ่อดูละครมากไปแน่ๆ เลย พ่อถึงได้คิดเป็นตุเป็นตะได้ขนาดนี้” 
 
         “อย่าให้พ่อรู้ก็แล้วกันว่ารวมหัวกันหลอกพ่อกับแม่อย่างที่เคยเห็นในละคร” ผู้เป็นพ่อพูดอย่างคาดโทษ 
 
         “ใครจะกล้าทำแบบนั้นกับพ่อละค้า” ปาณฑราทำเสียงอ้อน ขณะเดียวกันก็ไขว้นิ้วไว้ที่ด้านหลัง พร้อมกล่าวขอโทษขอโพยบิดาอยู่ในใจ ปกติเธอไม่ใช่คนขี้โกหก แต่ครั้งนี้เธอจำเป็นจริงๆ  
 
         เมื่อลูกสาวไม่ยอมรับ ผู้เป็นพ่อก็คร้านจะซักไซ้ต่อ “แต่จะว่าไปแล้วไม่พาแฟนมาด้วยก็ดีเหมือนกัน รถไฟจะได้ไม่ชนกัน”
 
         “พ่อหมายความว่ายังไงคะ” ผู้เป็นลูกรีบถามกลับ ชักเริ่มหวั่นใจอย่างบอกไม่ถูก
 
         “สงกรานต์นี้ครอบครัวลุงเกริกเขาจะมาเยี่ยมญาติๆ ที่บ้านเกิด เลยจะถือโอกาสพาพ่อบุญฤทธิ์มาทำความรู้จักกับลูกสักหน่อย คลาดกันไปคลาดกันมาหลายครั้งแล้ว ครั้งนี้จะได้เจอกันเสียที”
 
         “ทำไมพ่อไม่บอกลุงเกริกไปล่ะคะว่าหนูมีแฟนแล้ว คงจะไปสานสัมพันธ์กับลูกชายของท่านไม่ได้แล้ว”
 
         “ศึกษาดูกันไว้ก็ไม่เสียหายหรอกน่า ยังไงพ่อก็อยากดองกับคนที่คุ้นเคยกันมากกว่าดองกับใครก็ไม่รู้ ที่แม้แต่หน้าตาก็ยังไม่เคยเห็น” บิดาให้เหตุผล 
 
         “พ่อจะให้หนูนอกใจแฟน แล้วไปแอบคบกับพี่บุญอีกคนงั้นเหรอ หนูไม่เอาด้วยหรอก” ปาณฑราสั่นหน้าปฏิเสธ ราวกับผู้เป็นพ่อยืนอยู่ตรงหน้า 
 
         “ตราบใดที่ยังไม่ได้แต่งงานเป็นผัวเมียกัน เราก็มีสิทธิ์ที่จะเลือกไม่ใช่หรือ อีกอย่างเพิ่งเริ่มคบกันเอง คงยังไม่ได้รักหรือผูกพันอะไรกันมากมายหรอก เปลี่ยนใจตอนนี้น่าจะยังทันนะพ่อว่า” บิดาแนะนำ
 
         “ตรรกะอะไรของพ่อคะเนี่ย” 
 
         ผู้เป็นลูกถึงกับกลอกตาและถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย ทั้งยังเดินวนไปเวียนมาอย่างไม่รู้จะทำยังไงกับเรื่องนี้ดี เมื่อเรื่องมันชักจะอีรุงตุงนังไปกันใหญ่ 
 
         “ตกลงตามนี้นะ พ่อจะได้โทร.นัดแนะกับลุงเกริก แล้วเจอกันนะลูกรัก”
 
         ยังไม่ทันที่ปาณฑราจะได้แย้งอะไรออกไป ผู้เป็นพ่อก็ชิงตัดสายไปเสียแล้ว
 
         
 
         “ลูกว่ายังไงบ้างพ่อ” ปานจิตรีบเข้ามาถามไถ่สามี เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายคุยกับลูกสาวเสร็จแล้ว
 
         “แม่ปานรอดูหน้าว่าที่ลูกเขยได้เลย” พิชัยพูดอย่างหมายมั่น 
 
         “ไหนทีแรกพ่อบอกว่าไม่เชื่อไงว่าพ่อหนุ่มคนนั้นกับลูกเราเป็นแฟนกันจริงๆ” ภรรยาถามอย่างไม่ค่อยเข้าใจ
 
         “เดี๋ยวตอนได้เจอตัวเป็นๆ ก็รู้เองแหละว่าเป็นแฟนตัวจริงหรือแค่จกตา”
 
         “ตกลงว่าลูกจะพาพ่อหนุ่มนั่นมาด้วยเหรอ”
 
         “พ่อว่าพ่อเดาใจลูกไม่ผิดแน่ๆ” สามีพูดอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง
 
         
 
         “เลือกได้แล้วเหรอคะคุณ” ปาณฑราที่กำลังจะเดินกลับเข้าไปในร้าน ทักขึ้นเมื่อเห็นพิชญ์พงศ์เดินออกมาพร้อมกับของพะรุงพะรังในมือ
 
         “ได้แล้วครับ รุ่นเดียวกับของคุณแป้งเลย” 
 
         ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ออกมาโชว์ให้หญิงสาวดู ก่อนจะค้นหาเบอร์และกดโทร.ออก แล้วคิ้วเข้มก็ขมวดมุ่นอย่างสงสัย
 
         “โทรศัพท์คุณแป้งแบตหมดหรือเปล่าครับ”
 
         “เปล่านี่คะ” หญิงสาวหยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาปลดล็อกหน้าจอแล้วโชว์ให้เขาดู
 
         “ผมลองโทร.เข้าเบอร์คุณแป้ง แล้วมันโทร.ไม่ติด” 
 
         พูดจบพิชญ์พงศ์ก็ลองกดโทร.ออกซ้ำอีกครั้งหนึ่ง และผลก็ออกมาไม่ต่างจากเดิมคือ ไม่สามารถติดต่อได้ 
 
         และตอนนี้เองที่ปาณฑราเริ่มเข้าใจถึงสาเหตุที่เขาไม่สามารถติดต่อเบอร์เธอได้ หญิงสาวยกโทรศัพท์ขึ้นมากดนั่นกดนี่อยู่พักหนึ่ง
 
         “คุณลองโทร.ดูอีกทีสิคะ ว่าจะติดไหม”
 
         ชายหนุ่มทำตามที่หญิงสาวบอก และรอบนี้โทรศัพท์ของเธอส่งเสียงว่ามีสายเรียกเข้า
 
         “คุณแป้งบล็อกเบอร์ผมเหรอครับ” ชายหนุ่มถามออกไปตรงๆ และเขาก็ได้รับรอยยิ้มแหยแทนคำตอบ 
 
         “อย่าบอกนะว่าบล็อกเฟซบุ๊กและไลน์ผมด้วย” 
 
         พูดจบพิชญ์พงศ์ก็กดเข้าเฟซบุ๊กและพิมพ์ชื่อเฟซบุ๊กของหญิงสาวในช่องค้นหา แล้วก็เป็นไปตามคาด เมื่อเขาค้นหาบัญชีเฟซบุ๊กของเธอไม่เจอ
 
         “ใจคอคุณแป้งจะไม่เหลือช่องทางให้ผมได้ติดต่อสักทางเลยเหรอครับ” เขาถามเหมือนน้อยใจ   
 
         “ก็คุณอยากขาดการติดต่อไปเองนี่คะ ฉันก็เลยคิดว่าคุณคงไม่อยากคุยกับฉันอีกแล้ว ฉันก็เลยบล็อก” ปาณฑราโบ้ยว่าเป็นความผิดของอีกฝ่าย
 
         “ใช่เหรอ ไม่ใช่บล็อกเพราะโมโหหึงหรอกหรือครับ” ใบหน้าหล่อเหลาเจือแววล้อเลียนอยู่ในที
 
         “อย่าสำคัญตัวเองผิดไปหน่อยเลย” พูดจบก็สะบัดหน้าเดินหนีไป
 
         “รอผมด้วยสิครับ” พิชญ์พงศ์รีบสาวเท้าตามหญิงสาวไปจนทันเธอที่หน้าบันไดเลื่อน “เราไปหาอะไรอร่อยๆ กินสักหน่อยไหมครับคุณแป้ง” ชายหนุ่มเอ่ยชวน
 
         ปาณฑราหยุดคิดครู่หนึ่ง ก่อนตอบตกลง “ก็ดีค่ะ”
 
         
 ดอกไม้ดอกไม้หัวใจดอกไม้ดอกไม้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่