สวัสดีครับวันนี้
ขอเกริ่นก่อนเลยนะครับว่า เราเป็นลูกคนสุดท้องค่อนข้างที่จะ เป็นลูกหลงด้วยห่างจากพี่ก็ 10 ปี เราเรียนมาด้วยความลำบากครับ เกิดตอนที่ที่บ้านมีฐานะทางการเงินแล้ว มีพอที่จะส่งเราเรียนดีๆ แต่ปลูกฝังเราว่า ที่บ้านไม่มีเงิน แต่มีเงินซื้อของใหม่ตลอด สรุปคือมีเงินทำทุกอย่างยกเว้นสนับสนุนเราเรียนหนังสือ (ตอนแรกพิมพ์ไม่รู้เรื่องเลยกลับเข้สมาแก้ พอแก้เหมือนฝืนใจไม่อยากพิมพ์์คำที่มันเจ็บปวด พอกลับมาแก้ให้คนอื่นเข้าใจด้วยคำที่เราพยายามเลี่ยงในตอนแรกกลับน้ำตาคลอ)
เราไม่เคยเรียนพิเศษครับรู้สึกเป็นปมด้อยตอนเด็กมาก เพราะมันเกิดความไม่เท่าเทียมในสังคม แต่เราก็ไม่ย่อท้อ เอาเงินเก็บที่หาได้ไปซื้อหนังซื้อมาอ่าน เพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัยดีๆ ก็เป็นที่หน้าพอใจครับ
ทีนี้เข้าไปเราเข้าไปด้วยความที่ที่บ้านไม่มีเงิน(แต่ก็ยังมีเงินทำอย่างอื่นยกเว้นสนับสนุนเรา) เขาให้เราใช้เดือนละ 4000 บาท ซึ่แน่นอนครับ ไม่เพียงพอเราเลยรับงานสอนพิเศษ แต่ต้องบอกก่อนนะครับ เราทำเพราะมันหาไม่พอจริงๆ และอยากแบ่งเบาภาระที่บ้าน ก็มีบางเดือนที่เขาไม่มี ให้เราเลตบ้างอะไรบ้าง ไม่มีปัญหาครับเราช่วยเรื่องนั้นไปแล้ว มันเลยเป็นความรู้สึกด้วยว่าที่มีวันนี้เพราะตัวเราปาไปแล้ว 70 % เลยไม่ได้นึกถึงบุญคุณอะไร
อะไรที่เราอยากช่วยในเรื่องเรียนเราก็ช่วยครับ แต่อะไรที่เราคิดว่าเป็นความรับผิดชอบของพ่อแม่ เราก็โทรไปขอ แต่คำพูดที่ได้มา คือ อะไร หาเงินได้แล้วยังจะมาขออีกหร่อ (คำพูดแบบนี้เหมือนเราเป็นภาระครับ ในขณะที่ลูกเขาเขายังเลี้ยงให้ดีไม่ได้ แต่กลับไปรับเลี้ยงเด็กที่ด้อยโอกาสอีก 2 คน ผมยินดีนะครับ แต่จะมาผลักภาระให้เรารับผิดชอบตัวเราก็ไม่ได้อันนี้ผมไม่โอเคร)
คือเราเรียนในคณะที่เรียนหนักครับ เราร็สึกว่าเราสอบติดในมหาวิทยาลัยดีๆ ได้แล้ว ทำไมเรายังต้องตั้งใจเรียน ทำงานหาเงินมาช่วยอีก มันไม่ใช่สิ่งที่เราต้องทำ กินข้าวอดมื้อกินมื้อเพียงเพราะต้องการเรียน แต่ที่บ้านกินหรูอยู่สะบายไม่ได้นึกถึงเรา แล้วที่บ้านก็โยนภาระต่างๆ มาให้ ทั้งๆ ที่คุยกันก่อนแล้วว่าถาเราสอบติดจะส่งเราเรียนเอง แล้วมาตอนนี้มาบอกเราว่าเป็นภาระ
แต่ไม่เป็นไรครับชีวิตยังต้องเดินต่อ
มาจนถึงสถานะการณ์โควิท เราอยู่บ้านค่าไฟขึ้น ก็มาพูดเหน็บๆ ว่าค่าไฟขึ้นมาตั้ง 2000 คือมันเดือนเมษา แล้วทุกคนก็เปิดแอร์ แต่มาพูดกับเรา เหมือนอยากให้เราช่วยออกค่าไฟ เราไม่ได้มีปัญหาในการออกค่าไฟเลยครับ แต่เรารู้สึกไม่เท่าเทียมหรือเปล่า เราเรียน เราทำงาน แต่กับลูกคนอื่น หลานคนอื่น เล่นเกม ดูหนัง ฟังเพลง วันๆ ไม่ทำอะไร จะด่าจะอะไรก็ไม่ได้ เพราะเป็นหลานรัก แต่เราที่เรียนก็หนัก ทำงานอีก กับโดนแบบนี้ เรารู้สึกว่ามันไม่แฟร์ที่เราต้องมารับผิดชอบกับอะไรแบบนี้ คือถ้าหลานช่วยทำงานบ้านบ้าง
ไม่ได้มีควมคิดว่าจะไม่ช่วยเหลือนะครับ แต่เราช่วยแน่ขอให้เรียนจบก่อน ตอนนี้เรียนก็ยังไม่จบ ค่าไฟ ค่าน้ำก็ต้องช่วย เรียนจบทำงานเต็มตัว ผมวางไว้ว่าจะช่วยครับ แต่ช่วยเป็นเปอร์เซนไป ตามรายได้ที่จะได้ในอนาคต อาจจะ 20เปอร์ ของเงินเดือน ไรงี้ครับ
คือเราจะไม่รู้สึกอะไรเลยถ้าเรารู้สึกว่าบ้านเราไม่มี ทุกคนในบ้านต่างช่วยกันประหยัด ช่วยกันทำตัวให้เป็นประโยชน์ แต่นี้ มีเงินแต่ไม่ซับพอร์ตเรา มีเงินเล่นแชร์ เล่นหวย แต่ไม่มีเงินส่งเรา เรารู้สึกแย่ แต่นี่ก็คือชีวิตของเราก็ได้แต่ก้มหน้า แล้วก็ ทำให้ชีวิตเราดี
ไม่อยากเอาอะไรมาเป็นตัวแปลในชีวิต
สุดท้ายนี้ ใครที่คิดว่าเราอกตัญญู เลว นิสัยไม่ดี เป็นลูกที่ไม่รุ้จักทดแทนบุญคุณพ่อแม่ เราขอแนบลิงก์นี้ไว้ด้วยนะครับ
https://youtu.be/jV3BUxpxT84
ค่านำค่าไฟ ช่วยพ่อแม่ตอนไหน
ขอเกริ่นก่อนเลยนะครับว่า เราเป็นลูกคนสุดท้องค่อนข้างที่จะ เป็นลูกหลงด้วยห่างจากพี่ก็ 10 ปี เราเรียนมาด้วยความลำบากครับ เกิดตอนที่ที่บ้านมีฐานะทางการเงินแล้ว มีพอที่จะส่งเราเรียนดีๆ แต่ปลูกฝังเราว่า ที่บ้านไม่มีเงิน แต่มีเงินซื้อของใหม่ตลอด สรุปคือมีเงินทำทุกอย่างยกเว้นสนับสนุนเราเรียนหนังสือ (ตอนแรกพิมพ์ไม่รู้เรื่องเลยกลับเข้สมาแก้ พอแก้เหมือนฝืนใจไม่อยากพิมพ์์คำที่มันเจ็บปวด พอกลับมาแก้ให้คนอื่นเข้าใจด้วยคำที่เราพยายามเลี่ยงในตอนแรกกลับน้ำตาคลอ)
เราไม่เคยเรียนพิเศษครับรู้สึกเป็นปมด้อยตอนเด็กมาก เพราะมันเกิดความไม่เท่าเทียมในสังคม แต่เราก็ไม่ย่อท้อ เอาเงินเก็บที่หาได้ไปซื้อหนังซื้อมาอ่าน เพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัยดีๆ ก็เป็นที่หน้าพอใจครับ
ทีนี้เข้าไปเราเข้าไปด้วยความที่ที่บ้านไม่มีเงิน(แต่ก็ยังมีเงินทำอย่างอื่นยกเว้นสนับสนุนเรา) เขาให้เราใช้เดือนละ 4000 บาท ซึ่แน่นอนครับ ไม่เพียงพอเราเลยรับงานสอนพิเศษ แต่ต้องบอกก่อนนะครับ เราทำเพราะมันหาไม่พอจริงๆ และอยากแบ่งเบาภาระที่บ้าน ก็มีบางเดือนที่เขาไม่มี ให้เราเลตบ้างอะไรบ้าง ไม่มีปัญหาครับเราช่วยเรื่องนั้นไปแล้ว มันเลยเป็นความรู้สึกด้วยว่าที่มีวันนี้เพราะตัวเราปาไปแล้ว 70 % เลยไม่ได้นึกถึงบุญคุณอะไร
อะไรที่เราอยากช่วยในเรื่องเรียนเราก็ช่วยครับ แต่อะไรที่เราคิดว่าเป็นความรับผิดชอบของพ่อแม่ เราก็โทรไปขอ แต่คำพูดที่ได้มา คือ อะไร หาเงินได้แล้วยังจะมาขออีกหร่อ (คำพูดแบบนี้เหมือนเราเป็นภาระครับ ในขณะที่ลูกเขาเขายังเลี้ยงให้ดีไม่ได้ แต่กลับไปรับเลี้ยงเด็กที่ด้อยโอกาสอีก 2 คน ผมยินดีนะครับ แต่จะมาผลักภาระให้เรารับผิดชอบตัวเราก็ไม่ได้อันนี้ผมไม่โอเคร)
คือเราเรียนในคณะที่เรียนหนักครับ เราร็สึกว่าเราสอบติดในมหาวิทยาลัยดีๆ ได้แล้ว ทำไมเรายังต้องตั้งใจเรียน ทำงานหาเงินมาช่วยอีก มันไม่ใช่สิ่งที่เราต้องทำ กินข้าวอดมื้อกินมื้อเพียงเพราะต้องการเรียน แต่ที่บ้านกินหรูอยู่สะบายไม่ได้นึกถึงเรา แล้วที่บ้านก็โยนภาระต่างๆ มาให้ ทั้งๆ ที่คุยกันก่อนแล้วว่าถาเราสอบติดจะส่งเราเรียนเอง แล้วมาตอนนี้มาบอกเราว่าเป็นภาระ
แต่ไม่เป็นไรครับชีวิตยังต้องเดินต่อ
มาจนถึงสถานะการณ์โควิท เราอยู่บ้านค่าไฟขึ้น ก็มาพูดเหน็บๆ ว่าค่าไฟขึ้นมาตั้ง 2000 คือมันเดือนเมษา แล้วทุกคนก็เปิดแอร์ แต่มาพูดกับเรา เหมือนอยากให้เราช่วยออกค่าไฟ เราไม่ได้มีปัญหาในการออกค่าไฟเลยครับ แต่เรารู้สึกไม่เท่าเทียมหรือเปล่า เราเรียน เราทำงาน แต่กับลูกคนอื่น หลานคนอื่น เล่นเกม ดูหนัง ฟังเพลง วันๆ ไม่ทำอะไร จะด่าจะอะไรก็ไม่ได้ เพราะเป็นหลานรัก แต่เราที่เรียนก็หนัก ทำงานอีก กับโดนแบบนี้ เรารู้สึกว่ามันไม่แฟร์ที่เราต้องมารับผิดชอบกับอะไรแบบนี้ คือถ้าหลานช่วยทำงานบ้านบ้าง
ไม่ได้มีควมคิดว่าจะไม่ช่วยเหลือนะครับ แต่เราช่วยแน่ขอให้เรียนจบก่อน ตอนนี้เรียนก็ยังไม่จบ ค่าไฟ ค่าน้ำก็ต้องช่วย เรียนจบทำงานเต็มตัว ผมวางไว้ว่าจะช่วยครับ แต่ช่วยเป็นเปอร์เซนไป ตามรายได้ที่จะได้ในอนาคต อาจจะ 20เปอร์ ของเงินเดือน ไรงี้ครับ
คือเราจะไม่รู้สึกอะไรเลยถ้าเรารู้สึกว่าบ้านเราไม่มี ทุกคนในบ้านต่างช่วยกันประหยัด ช่วยกันทำตัวให้เป็นประโยชน์ แต่นี้ มีเงินแต่ไม่ซับพอร์ตเรา มีเงินเล่นแชร์ เล่นหวย แต่ไม่มีเงินส่งเรา เรารู้สึกแย่ แต่นี่ก็คือชีวิตของเราก็ได้แต่ก้มหน้า แล้วก็ ทำให้ชีวิตเราดี
ไม่อยากเอาอะไรมาเป็นตัวแปลในชีวิต
สุดท้ายนี้ ใครที่คิดว่าเราอกตัญญู เลว นิสัยไม่ดี เป็นลูกที่ไม่รุ้จักทดแทนบุญคุณพ่อแม่ เราขอแนบลิงก์นี้ไว้ด้วยนะครับ
https://youtu.be/jV3BUxpxT84