สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 32
แล้วแต่ครอบครัวเลย
1. หารครึ่ง ทุกอย่างนะ
เงิน งานบ้าน 50% ดูแลลูก 50% บิลต่างๆ 50%
2. ผช จ่าย เงิน 100 แต่ ผญ เป็นแม่บ้าน ดูแลลูก งานบ้าน
แต่ที่เรารังเกียจคือ ผช ที่จะหารบิล คชจ ต้อง 50-50 60-40
แต่ งานบ้าน cook clean กับเรื่องวุ่นวายของลูก โยนให้ ผญ 100% ตัวมันกลับตากทำงานนั่งเล่นเกม
ละมีเยอะด้วย ผช แบบนี้
หนีให้ไกล ใครพลาดแต่งด้วยโคตรซวย และเหนื่อยยันลูกบวช
1. หารครึ่ง ทุกอย่างนะ
เงิน งานบ้าน 50% ดูแลลูก 50% บิลต่างๆ 50%
2. ผช จ่าย เงิน 100 แต่ ผญ เป็นแม่บ้าน ดูแลลูก งานบ้าน
แต่ที่เรารังเกียจคือ ผช ที่จะหารบิล คชจ ต้อง 50-50 60-40
แต่ งานบ้าน cook clean กับเรื่องวุ่นวายของลูก โยนให้ ผญ 100% ตัวมันกลับตากทำงานนั่งเล่นเกม
ละมีเยอะด้วย ผช แบบนี้
หนีให้ไกล ใครพลาดแต่งด้วยโคตรซวย และเหนื่อยยันลูกบวช
Ralphael ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 4638834 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 5325590 ถูกใจ, ณ ไกลบ้าน ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 4940032 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 4852604 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 5461121 ถูกใจ, Capture the Timeline ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 9051591 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 4406505 ถูกใจรวมถึงอีก 3 คน ร่วมแสดงความรู้สึก
ความคิดเห็นที่ 7
ไม่มีถูก ไม่มีผิดค่ะ แค่หาคนที่คิดตรงกันให้เจอ
แพะ แพะ ถูกใจ, puylogin ถูกใจ, Kimsamchai ถูกใจ, moopeepink ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 8705152 ถูกใจ, ป้อแป้เป็นเยลลี่ปีโป้ ถูกใจ, slimman ถูกใจ, แมวของฉัน ถูกใจ
▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
ความรักวัยทำงาน
สังคม
เมื่อผู้ชาย"หารร่วม" ไม่ได้แปลว่า "Loser" เสมอไป
1. การหารร่วม คือ สัญลักษณ์ของ "หุ้นส่วนที่เท่าเทียม"
ในความสัมพันธ์ที่เติบโตเต็มที่ ทั้งสองฝ่ายต่างก็ทำงานและสร้างรายได้ การยืนยันที่จะหารค่าใช้จ่ายร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็น 50:50 หรือแบ่งตามสัดส่วนรายได้ โดยการสร้างบัญชีอีกบัญชีขึ้นมาเป็นกองกลางที่จะรวมเงินของทั้งคู่เอาไว้ใช้จ่าย อาจจะ 50:50 หรืออาจจะฝ่ายชาย 60 ฝ่ายหญิง 40 การหารร่วมแบบนี้ไม่ใช่การปฏิเสธความรับผิดชอบ แต่คือการยอมรับว่า เรามีคุณค่าที่เท่ากัน การจ่ายเงินร่วมกันแสดงให้เห็นว่า คุณค่าของทั้งสองฝ่ายในความสัมพันธ์นั้นเท่ากัน ไม่ใช่ฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ "ซื้อ" อีกฝ่ายหนึ่ง หรือฝ่ายหนึ่งต้อง "ยอม" อีกฝ่ายเพราะเป็นผู้จ่ายหลัก และเป็นการสื่อสารที่ชัดเจนว่า เราคือทีมเดียวกัน เราแบกรับภาระและรับผิดชอบความเป็นอยู่ร่วมกัน การเงินของครอบครัวจึงไม่ใช่ "เงินของฉัน" หรือ "เงินของเธอ" แต่เป็น "เงินของเรา"
2. การบริหารความเสี่ยงเพื่อ "อนาคตที่มั่นคงกว่า"
สำหรับคู่รักที่จริงจังกับอนาคต การจ่ายจิปาถะทั้งหมดในชีวิตประจำวันถือเป็นการใช้จ่ายที่ไม่ได้ก่อให้เกิดมูลค่าในระยะยาว แต่การหารร่วมจะช่วยให้เพิ่มเงินออมส่วนตัว การหารร่วมในค่าอาหารหรือค่าเดทเล็ก ๆ น้อย ๆ ทำให้ทั้งคู่มี เงินส่วนตัวเหลือเก็บมากขึ้น ซึ่งเงินส่วนนี้สามารถนำไปลงทุนเพื่ออนาคตส่วนตัวของแต่ละคนหรืออนาคตร่วมกัน ผู้ชายบางคนที่เลือกวิธีหารร่วมกับแฟนในชีวิตประจำวัน มักจะเป็นผู้ที่กำลัง เก็บเงินก้อนใหญ่ ไว้สำหรับเป้าหมายที่สำคัญจริง ๆ เช่น เงินดาวน์บ้าน, ค่าผ่อนรถ, หรือการสร้างพอร์ตการลงทุน การจัดการเงินแบบนี้จึงเป็นการจัดลำดับความสำคัญของ ความมั่นคงในชีวิตคู่ มากกว่าความสุขเล็กน้อยจากการเปย์ในแต่ละวัน
3.การแสดงความรักไม่ได้วัดที่ "จำนวนเงิน"
การที่ผู้ชายคนหนึ่งไม่ได้จ่าย 100% ในทุกบิล ไม่ได้แปลว่าเขาไม่รักหรือรักน้อยกว่า แต่เขากำลังแสดงความรักในรูปแบบอื่นที่สื่อถึงความโปร่งใส การคุยเรื่องเงินอย่างเปิดเผยและตกลงวิธีการแบ่งจ่ายกันอย่างยุติธรรม คือ ความซื่อสัตย์และความโปร่งใส ในความสัมพันธ์ เขาอาจแสดงความใจกว้างด้วยการรับผิดชอบ หมวดหมู่ค่าใช้จ่ายหลักที่ใหญ่กว่า หรือซื้อรถ หรือทรัพย์สินอื่นๆ ในขณะที่ให้คุณรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในหมวดอื่น ๆ ที่เป็นการใช้จ่ายเล็กน้อย การกระทำเหล่านี้คือการ "เปย์" ในรูปแบบของการรับภาระหนักกว่า
เพราะงั้นอย่าใช้ค่านิยมแบบเก่ามาตัดสินผู้ชายที่เลือกแนวทางเสมอภาค เพราะการหารร่วมคือสัญญาณที่แสดงว่าเขาต้องการ คุณเป็นหุ้นส่วนชีวิตที่เท่าเทียม ที่ร่วมกันวางแผนสร้างความมั่งคั่ง ไม่ใช่เป็นแค่คนที่ถูกเลี้ยงดูหรือใช้เงินมาบำเรอปรนเปรอไปวัน ๆ