เมื่อผู้ชาย"หารร่วม" ไม่ได้แปลว่า "Loser" เสมอไป

เรามาทำความเข้าใจแนวคิดการจัดการเงินในความสัมพันธ์ที่ก้าวหน้ากันใหม่ การหารร่วม หรือ การแบ่งจ่ายตามสัดส่วน นั้น ไม่ได้แปลว่าผู้ชายคนนั้น ตระหนี่, ไม่มีเงิน, จน, หรือเป็น Loser เลยแม้แต่น้อย แต่เป็นสัญญาณของความสัมพันธ์ที่มี ความเคารพและความมั่นคงในระยะยาว สังคมอาจเคยกำหนดว่าการจ่ายทั้งหมดคือเครื่องพิสูจน์ "ความเป็นลูกผู้ชาย" แต่ในความเป็นจริง การเลือก "หารร่วม" สะท้อนถึงคุณภาพความสัมพันธ์และศักยภาพของคู่รักในหลายมิติ
1. การหารร่วม คือ สัญลักษณ์ของ "หุ้นส่วนที่เท่าเทียม"
ในความสัมพันธ์ที่เติบโตเต็มที่ ทั้งสองฝ่ายต่างก็ทำงานและสร้างรายได้ การยืนยันที่จะหารค่าใช้จ่ายร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็น 50:50 หรือแบ่งตามสัดส่วนรายได้ โดยการสร้างบัญชีอีกบัญชีขึ้นมาเป็นกองกลางที่จะรวมเงินของทั้งคู่เอาไว้ใช้จ่าย อาจจะ 50:50 หรืออาจจะฝ่ายชาย 60 ฝ่ายหญิง 40  การหารร่วมแบบนี้ไม่ใช่การปฏิเสธความรับผิดชอบ แต่คือการยอมรับว่า เรามีคุณค่าที่เท่ากัน การจ่ายเงินร่วมกันแสดงให้เห็นว่า คุณค่าของทั้งสองฝ่ายในความสัมพันธ์นั้นเท่ากัน ไม่ใช่ฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ "ซื้อ" อีกฝ่ายหนึ่ง หรือฝ่ายหนึ่งต้อง "ยอม" อีกฝ่ายเพราะเป็นผู้จ่ายหลัก และเป็นการสื่อสารที่ชัดเจนว่า เราคือทีมเดียวกัน เราแบกรับภาระและรับผิดชอบความเป็นอยู่ร่วมกัน การเงินของครอบครัวจึงไม่ใช่ "เงินของฉัน" หรือ "เงินของเธอ" แต่เป็น "เงินของเรา"
2. การบริหารความเสี่ยงเพื่อ "อนาคตที่มั่นคงกว่า"
สำหรับคู่รักที่จริงจังกับอนาคต การจ่ายจิปาถะทั้งหมดในชีวิตประจำวันถือเป็นการใช้จ่ายที่ไม่ได้ก่อให้เกิดมูลค่าในระยะยาว แต่การหารร่วมจะช่วยให้เพิ่มเงินออมส่วนตัว การหารร่วมในค่าอาหารหรือค่าเดทเล็ก ๆ น้อย ๆ ทำให้ทั้งคู่มี เงินส่วนตัวเหลือเก็บมากขึ้น ซึ่งเงินส่วนนี้สามารถนำไปลงทุนเพื่ออนาคตส่วนตัวของแต่ละคนหรืออนาคตร่วมกัน ผู้ชายบางคนที่เลือกวิธีหารร่วมกับแฟนในชีวิตประจำวัน มักจะเป็นผู้ที่กำลัง เก็บเงินก้อนใหญ่ ไว้สำหรับเป้าหมายที่สำคัญจริง ๆ เช่น เงินดาวน์บ้าน, ค่าผ่อนรถ, หรือการสร้างพอร์ตการลงทุน การจัดการเงินแบบนี้จึงเป็นการจัดลำดับความสำคัญของ ความมั่นคงในชีวิตคู่ มากกว่าความสุขเล็กน้อยจากการเปย์ในแต่ละวัน
3.การแสดงความรักไม่ได้วัดที่ "จำนวนเงิน"
การที่ผู้ชายคนหนึ่งไม่ได้จ่าย 100% ในทุกบิล ไม่ได้แปลว่าเขาไม่รักหรือรักน้อยกว่า แต่เขากำลังแสดงความรักในรูปแบบอื่นที่สื่อถึงความโปร่งใส การคุยเรื่องเงินอย่างเปิดเผยและตกลงวิธีการแบ่งจ่ายกันอย่างยุติธรรม คือ ความซื่อสัตย์และความโปร่งใส ในความสัมพันธ์ เขาอาจแสดงความใจกว้างด้วยการรับผิดชอบ หมวดหมู่ค่าใช้จ่ายหลักที่ใหญ่กว่า หรือซื้อรถ หรือทรัพย์สินอื่นๆ ในขณะที่ให้คุณรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในหมวดอื่น ๆ ที่เป็นการใช้จ่ายเล็กน้อย การกระทำเหล่านี้คือการ "เปย์" ในรูปแบบของการรับภาระหนักกว่า
เพราะงั้นอย่าใช้ค่านิยมแบบเก่ามาตัดสินผู้ชายที่เลือกแนวทางเสมอภาค เพราะการหารร่วมคือสัญญาณที่แสดงว่าเขาต้องการ คุณเป็นหุ้นส่วนชีวิตที่เท่าเทียม ที่ร่วมกันวางแผนสร้างความมั่งคั่ง ไม่ใช่เป็นแค่คนที่ถูกเลี้ยงดูหรือใช้เงินมาบำเรอปรนเปรอไปวัน ๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่